568 - พระจันทร์เต็มดวง
568 - พระจันทร์เต็มดวง
เช้าตรู่อันมืดสลัวมาถึงแล้ว ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตำหนักสราญรมย์ก็จบลงเช่นกัน
บนเตียงที่ทำจากหยกขาว ดวงตาของอันเหมียวอี้เปิดขึ้น และร่างกายอันงดงามของนางก็อยู่ในอ้อมอกของเย่ฟ่าน
"เจ้าควรจะไปได้แล้ว"
หญิงสาวเคาะหน้าผากของเย่ฟ่านด้วยความเอ็นดู
ในภายนอกนั้นเย่ฟ่านสงบนิ่ง แต่ในหัวใจของเขากลับมีคลื่นโหมกระหน่ำ เขาไม่สามารถทำให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าผิดหวังได้ เขายิ้มอย่างสง่าผ่าเผยและกล่าวว่า
“เจ้าคิดจะไล่สามีออกไปแล้ว?”
“ถ้ามีใครรู้ว่าเจ้าพักค้างคืนที่ตำหนักสราญรมย์คนของตระกูลเฟิ่งจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก ข้าเกรงว่ามันจะสร้างความยุ่งยากให้กับเจ้า เฟิ่งหวง(แปลผิดนะครับจริงๆคือตระกูลเฟิ่งที่แปลว่านกฟินิกซ์) ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดานางไม่มีทางทนรับเรื่องนี้ได้แน่”
เสียงของเหมียวอี้เงียบสงบมากราวกับว่าเมื่อคืนนี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา
“ตระกูลเฟิ่งพวกเขายังไม่ได้หมั้นหมายกับข้า หากข้าไม่ผ่านการบุกทะลวงอาณาจักร พวกเขาจะละทิ้งข้าเหมือนรองเท้าเก่าเท่านั้น” เย่ฟ่านหัวเราะเยาะตัวเอง
อันเหมียวอี้นวดไหล่ให้กับเย่ฟ่านอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า
"ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถประสบความสำเร็จได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ฝากชีวิตไว้กับเจ้า"
"โลกนี้คาดเดาไม่ได้ ตอนนี้ทุกคนให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก คนมากมายต่างกำลังเฝ้ารอให้ข้าล้มเหลว" เย่ฟ่านพูดอย่างสบายๆราวกับว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา
“ความล้มเหลวของข้าไม่ทราบว่าจะสร้างความบันเทิงให้กับคนมากมายเท่าไหร่” เย่ฟ่านลูบไล้เส้นผมอันหอมกรุ่นโดยไม่พูดอะไรต่อ
“เจ้าไม่มีความมั่นใจเหรอ?” อันเหมียวอี้มองเขาเงียบๆ ดวงตาของนางลึกล้ำราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
“ข้าไม่สามารถเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วโดยลำพังได้” เย่ฟ่านกล่าวอย่างใจเย็น จากนั้นมองกลับมาที่หญิงสาวซึ่งได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาและกล่าวว่า
“ถ้าข้าล้มเหลว เจ้าจะทำอย่างไร”
“ไปเตรียมตัวเถอะเด็กน้อย อย่าคิดมาก เจ้าควรไปได้แล้ว”
อันเหมี่ยวอี้ค่อยๆผลักเย่ฟานให้ลุกขึ้น
“ทำไมเจ้าถึงทำกับข้าแบบนี้ ข้าเป็นสามีเจ้านะ” เย่ฟ่านยิ้ม
“หากในใจของเจ้ายังมีข้า เจ้าก็ฝ่าฟันเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วให้ได้”
“เจ้าสบายใจได้เลย เครื่องนี้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน” เย่ฟ่านซุกไซ้เส้นผมของนางด้วยความปรารถนา
"อย่าคิดว่ามันง่าย เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าอาจเป็นศัตรูของคนทั้งโลก" อันเหมียวอี้ปลุกเขาให้ตื่นจากฝัน
"จริงจังขนาดนั้นเลยเหรอ" เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจและจ้องไปที่ใบหน้าอันงดงามด้วยความจริงจังเช่นกัน
"หากข้าทำได้สำเร็จแต่กลับถูกคนอื่นฆ่าตายในภายหลังล่ะ?"
ดวงตาของอันเหมียวอี้มีความเกรี้ยวกราดอย่างถึงที่สุดก่อนจะกล่าวว่า
“หากเป็นเช่นนั้นข้าจะอดกลั้นตัวเองไว้จนกระทั่งกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะลงมือฆ่าทุกคนในดินแดนรกร้างตะวันออก”
"ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ก็ได้?" เย่ฟ่านมองดูนางด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย
อันเหมียวอี้หัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า "ดังนั้น เจ้าหนูน้อย เจ้าต้องผ่านมันไปให้ได้ เจ้าคงไม่ต้องการให้เหมียวอี้กลายเป็นฆาตกรที่ชั่วร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ใช่หรือไม่"
“เจ้าต้องเชื่อในตัวข้า ถ้าคืนพระจันทร์เต็มดวงไม่สำเร็จ ก็ยังมีโอกาสครั้งต่อไป...” เย่ฟ่านชี้ให้เห็น
อันเหมียวอี้ส่ายหัว นางวางนิ้วหยกบนริมฝีปากของเขา โดยไม่ยอมให้เขาพูดต่อ
“เจ้าต้องทำให้สำเร็จในครั้งนี้ ข้าไม่สามารถรอครั้งต่อไปได้”
จากนั้นนางก็เอนกายเข้าหาเย่ฟ่านและกระซิบว่า "ขอให้เจ้าประสบผลสำเร็จ ไม่อย่างนั้นข้าจะเป็นคนที่ฆ่าเจ้าเอง"
“เจ้าหักใจได้จริงๆ” เย่ฟ่านโอบเอวเรียวและมองดูนางอย่างว่างเปล่า
“ใช่ อย่าปล่อยให้เหมียวอี้ผิดหวัง” นางยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“งั้นข้าจะฆ่าเจ้าก่อน”
เย่ฟ่านดึงนางเข้าไปในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็พลิกตัวของนางลงไปด้านล่างและเริ่มการต่อสู้ในยกที่สองทันที
ก่อนรุ่งเช้าเย่ฟ่านก็จากไปและเดินไปตามถนนสายโบราณของเมืองศักดิ์สิทธิ์ตามลำพัง สายตาของเขามองไปยังขอบฟ้าอันไกลโพ้นและครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นต่อจากนี้
ถ้าเขาล้มเหลวยังจะมีใครต้อนรับเขาอีกหรือไม่? จะมีคนกระตือรือร้นที่จะแสวงหาเขาหรือไม่? บางทีคนเหล่านั้นอาจจะเต็มไปด้วยความเย็นชาและไม่สนใจเขาอีกเลยก็ได้
เย่ฟ่านไม่ได้กลับไปที่บ้านของเขา แต่เดินไปรอบๆเมืองศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ได้กลับมาจนกระทั่งราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เรียกหาเขาในตอนเที่ยง
"ความสนใจของผู้คนทั่วโลกไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเจ้า!" นี่คือคำพูดของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่า
เย่ฟ่านตกใจและพยักหน้า เขาได้ไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์อันคลุมเครือทั้งหมดแล้ว เขากังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด ผู้คนเก้าสิบจากร้อยที่อยู่ที่นี่ล้วนต้องการให้เขาล้มเหลวทั้งสิ้น
“ผู้อาวุโสมีข้อเสนอแนะหรือไม่?” เย่ฟ่านถาม
“ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าเจ้าคือร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณแล้ว บางทีหากเจ้าเลือกที่จะบุกทะลวงในตอนข้ามผ่านอาณาจักรตำหนักเต๋าชั้นห้าอาจมีโอกาสมากกว่านี้
แต่พวกเราไม่อาจปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปอย่างเปล่าประโยชน์ คืนนี้ข้าจะนำเตาเทพสุริยันออกมาช่วยเหลือเจ้าด้วยตัวเอง” ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าขมวดคิ้ว
“ศัตรูทั่วโลก นี่คือชะตากรรมของการเดินบนเส้นทางจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่หรือไม่” ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็มองไปยังเย่ฟ่านและกล่าวว่า
"ถ้าเจ้าไม่ล้มเหลวในครั้งนี้ โลกของเราก็ยากที่จะสงบได้"
เมื่อดวงอาทิตย์สีแดงตกทั้งเมืองเมืองศักดิ์สิทธิ์ก็ดูคึกคักเป็นอย่างมาก มีผู้คนมากมายที่ปรากฏตัวในฝั่งตะวันออกของเมืองศักดิ์สิทธิ์ คนเหล่านี้ล้วนมาจากมหาอำนาจของดินแดนรกร้างตะวันออกทั้งสิ้น
“นักพรตมังกรแดงมาแล้ว!”
หลายคนตกใจเป็นอย่างมาก ที่ด้านหลังของนักพรตมังกรแดงยังมีราชานกยูงอันทรงพลังและราชามังกรเขียวแห่งมหาโจรลำดับที่สี่ในภาคเหนือ
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคนมาที่นี่เพื่อส่งมอบต้นกำเนิดสวรรค์ที่มีมูลค่ามากกว่า 700,000 จินให้เย่ฟ่าน
ในตอนค่ำเหยาเยว่กงจากวังอสูรสวรรค์ก็มอบต้นกำเนิดสวรรค์ที่มีมูลค่า 50,000 จินให้กับเย่ฟ่าน
ไม่นานหลังจากนั้น องค์ชายเซี่ยอี้หมิงแห่งต้าเซี่ยก็ปรากฏตัวและมอบต้นกำเนิดสวรรค์มูลค่า 50,000 จินให้เย่ฟ่านเช่นกัน
ก่อนช่วงค่ำเด็กหนุ่มสาวหลายคนในเมืองศักดิ์สิทธิ์ก็ส่งมอบต้นกำเนิดของตัวเองให้กับเย่ฟ่านตามกำลังทรัพย์ของพวกเขา ก่อนที่ทุกคนจะชุมนุมกันด้านนอกวังศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่ตั้งของสระแปลงมังกร
ในช่วงกลางดึกในที่สุดเย่ฟ่านก็ปรากฏตัวขึ้น
"ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณปรากฏตัวแล้ว!" ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนขึ้นแต่สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปยังเย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว
เย่ฟ่านสวมชุดสีขาว สง่างามและไร้ตัวตน เขาเดินผ่านความว่างเปล่าอย่างสงบและเข้าสู่สระแปลงมังกรท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน
“นี่คือร่างเซียนโบราณหรือ ปรากฏว่าเป็นชายหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น”
“เขายังอายุน้อยอยู่เลย การที่สามารถมาถึงระดับนี้ได้ด้วยตัวเองก็เพียงพอจะมองเห็นพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ของเขาแล้ว”
“ชายหนุ่มที่บอบบางเช่นนี้แต่กลับมีร่างกายที่แข็งแกร่งราวกับมังกร เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริง?”
หลายคนในวันนี้เพิ่งเคยเห็นเย่ฟานเป็นครั้งแรก และเมื่อรู้ว่าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งความตื่นเต้นของผู้คนยิ่งทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด
“ราชาสวรรค์อยู่ที่ไหน ทำไมท่านถึงยังไม่ปรากฏตัว”
“อย่ามองหาเลย การบุกทะลวงอาณาจักรครั้งนี้สร้างผลกระทบมากมาย มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะยอมให้เขาทำสำเร็จได้ง่ายๆ ราชาสวรรค์ผู้อาวุโสคงกำลังปกป้องเขาอยู่ในเงามืด” มีคนคาดเดาเช่นนี้
ภายในสระแปลงมังกรต้นกำเนิดสวรรค์ทั้งหลายถูกเปลี่ยนให้เป็นของเหลวและปิดผนึกไว้ในบ่อน้ำเล็กๆที่อยู่กลางสวน แม้ว่ามันจะถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนา แต่กลิ่นอายความเป็นมงคลของมันก็ยังสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมือง
ทันใดนั้นนักพรตสามคนก็เดินไปข้างหน้าและล้อมรอบสระแปลงมังกรอย่างแน่นหนา
ราชานกยูงผู้สง่างาม ราชามังกรเขียวผู้ทรงพลัง และนักพรตมังกรแดงผู้เย็นชา การปรากฏตัวของพวกเขาเห็นได้ชัดว่ามาเพื่อเป็นผู้พิทักษ์ของเย่ฟ่าน
จากนั้นผู้คนของตระกูลเฟิ่งก็ปรากฏตัวขึ้น และผู้อาวุโสระดับราชันศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ก็ได้ปิดล้อมสระแปลงมังกรอีกชั้นจากระยะไกล
เย่ฟ่านเงยหน้าขึ้นมองยอดฝีมือรุ่นเยาว์มากมายที่กำลังมุงดูเหตุการณ์ด้วยสายตาสงบนิ่ง
คนเหล่านี้ถูกกำหนดให้เป็นศัตรูโดยธรรมชาติ ทันทีที่เขาเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วจะไม่มีอะไรสามารถยับยั้งมหาสงครามครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน