ตอนที่แล้ว567 - ราตรีรัญจวนใจ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป569 - ทะลวงอาณาจักร 

568 - พระจันทร์เต็มดวง


กำลังโหลดไฟล์

568 - พระจันทร์เต็มดวง

เช้าตรู่อันมืดสลัวมาถึงแล้ว ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตำหนักสราญรมย์ก็จบลงเช่นกัน

บนเตียงที่ทำจากหยกขาว ดวงตาของอันเหมียวอี้เปิดขึ้น และร่างกายอันงดงามของนางก็อยู่ในอ้อมอกของเย่ฟ่าน

"เจ้าควรจะไปได้แล้ว"

หญิงสาวเคาะหน้าผากของเย่ฟ่านด้วยความเอ็นดู

ในภายนอกนั้นเย่ฟ่านสงบนิ่ง แต่ในหัวใจของเขากลับมีคลื่นโหมกระหน่ำ เขาไม่สามารถทำให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าผิดหวังได้ เขายิ้มอย่างสง่าผ่าเผยและกล่าวว่า

“เจ้าคิดจะไล่สามีออกไปแล้ว?”

“ถ้ามีใครรู้ว่าเจ้าพักค้างคืนที่ตำหนักสราญรมย์คนของตระกูลเฟิ่งจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก ข้าเกรงว่ามันจะสร้างความยุ่งยากให้กับเจ้า เฟิ่งหวง(แปลผิดนะครับจริงๆคือตระกูลเฟิ่งที่แปลว่านกฟินิกซ์) ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดานางไม่มีทางทนรับเรื่องนี้ได้แน่”

เสียงของเหมียวอี้เงียบสงบมากราวกับว่าเมื่อคืนนี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา

“ตระกูลเฟิ่งพวกเขายังไม่ได้หมั้นหมายกับข้า หากข้าไม่ผ่านการบุกทะลวงอาณาจักร พวกเขาจะละทิ้งข้าเหมือนรองเท้าเก่าเท่านั้น” เย่ฟ่านหัวเราะเยาะตัวเอง

อันเหมียวอี้นวดไหล่ให้กับเย่ฟ่านอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า

"ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถประสบความสำเร็จได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ฝากชีวิตไว้กับเจ้า"

"โลกนี้คาดเดาไม่ได้ ตอนนี้ทุกคนให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก คนมากมายต่างกำลังเฝ้ารอให้ข้าล้มเหลว" เย่ฟ่านพูดอย่างสบายๆราวกับว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา

“ความล้มเหลวของข้าไม่ทราบว่าจะสร้างความบันเทิงให้กับคนมากมายเท่าไหร่” เย่ฟ่านลูบไล้เส้นผมอันหอมกรุ่นโดยไม่พูดอะไรต่อ

“เจ้าไม่มีความมั่นใจเหรอ?” อันเหมียวอี้มองเขาเงียบๆ ดวงตาของนางลึกล้ำราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า

“ข้าไม่สามารถเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วโดยลำพังได้” เย่ฟ่านกล่าวอย่างใจเย็น จากนั้นมองกลับมาที่หญิงสาวซึ่งได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาและกล่าวว่า

“ถ้าข้าล้มเหลว เจ้าจะทำอย่างไร”

“ไปเตรียมตัวเถอะเด็กน้อย อย่าคิดมาก เจ้าควรไปได้แล้ว”

อันเหมี่ยวอี้ค่อยๆผลักเย่ฟานให้ลุกขึ้น

“ทำไมเจ้าถึงทำกับข้าแบบนี้ ข้าเป็นสามีเจ้านะ” เย่ฟ่านยิ้ม

“หากในใจของเจ้ายังมีข้า เจ้าก็ฝ่าฟันเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วให้ได้”

“เจ้าสบายใจได้เลย เครื่องนี้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน” เย่ฟ่านซุกไซ้เส้นผมของนางด้วยความปรารถนา

"อย่าคิดว่ามันง่าย เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าอาจเป็นศัตรูของคนทั้งโลก" อันเหมียวอี้ปลุกเขาให้ตื่นจากฝัน

"จริงจังขนาดนั้นเลยเหรอ" เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจและจ้องไปที่ใบหน้าอันงดงามด้วยความจริงจังเช่นกัน

"หากข้าทำได้สำเร็จแต่กลับถูกคนอื่นฆ่าตายในภายหลังล่ะ?"

ดวงตาของอันเหมียวอี้มีความเกรี้ยวกราดอย่างถึงที่สุดก่อนจะกล่าวว่า

“หากเป็นเช่นนั้นข้าจะอดกลั้นตัวเองไว้จนกระทั่งกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะลงมือฆ่าทุกคนในดินแดนรกร้างตะวันออก”

"ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ก็ได้?" เย่ฟ่านมองดูนางด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย

อันเหมียวอี้หัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า "ดังนั้น เจ้าหนูน้อย เจ้าต้องผ่านมันไปให้ได้ เจ้าคงไม่ต้องการให้เหมียวอี้กลายเป็นฆาตกรที่ชั่วร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ใช่หรือไม่"

“เจ้าต้องเชื่อในตัวข้า ถ้าคืนพระจันทร์เต็มดวงไม่สำเร็จ ก็ยังมีโอกาสครั้งต่อไป...” เย่ฟ่านชี้ให้เห็น

อันเหมียวอี้ส่ายหัว นางวางนิ้วหยกบนริมฝีปากของเขา โดยไม่ยอมให้เขาพูดต่อ

“เจ้าต้องทำให้สำเร็จในครั้งนี้ ข้าไม่สามารถรอครั้งต่อไปได้”

จากนั้นนางก็เอนกายเข้าหาเย่ฟ่านและกระซิบว่า "ขอให้เจ้าประสบผลสำเร็จ ไม่อย่างนั้นข้าจะเป็นคนที่ฆ่าเจ้าเอง"

“เจ้าหักใจได้จริงๆ” เย่ฟ่านโอบเอวเรียวและมองดูนางอย่างว่างเปล่า

“ใช่ อย่าปล่อยให้เหมียวอี้ผิดหวัง” นางยิ้มอย่างอ่อนหวาน

“งั้นข้าจะฆ่าเจ้าก่อน”

เย่ฟ่านดึงนางเข้าไปในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็พลิกตัวของนางลงไปด้านล่างและเริ่มการต่อสู้ในยกที่สองทันที

ก่อนรุ่งเช้าเย่ฟ่านก็จากไปและเดินไปตามถนนสายโบราณของเมืองศักดิ์สิทธิ์ตามลำพัง สายตาของเขามองไปยังขอบฟ้าอันไกลโพ้นและครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นต่อจากนี้

ถ้าเขาล้มเหลวยังจะมีใครต้อนรับเขาอีกหรือไม่? จะมีคนกระตือรือร้นที่จะแสวงหาเขาหรือไม่? บางทีคนเหล่านั้นอาจจะเต็มไปด้วยความเย็นชาและไม่สนใจเขาอีกเลยก็ได้

เย่ฟ่านไม่ได้กลับไปที่บ้านของเขา แต่เดินไปรอบๆเมืองศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ได้กลับมาจนกระทั่งราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เรียกหาเขาในตอนเที่ยง

"ความสนใจของผู้คนทั่วโลกไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเจ้า!" นี่คือคำพูดของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่า

เย่ฟ่านตกใจและพยักหน้า เขาได้ไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์อันคลุมเครือทั้งหมดแล้ว เขากังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด ผู้คนเก้าสิบจากร้อยที่อยู่ที่นี่ล้วนต้องการให้เขาล้มเหลวทั้งสิ้น

“ผู้อาวุโสมีข้อเสนอแนะหรือไม่?” เย่ฟ่านถาม

“ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าเจ้าคือร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณแล้ว บางทีหากเจ้าเลือกที่จะบุกทะลวงในตอนข้ามผ่านอาณาจักรตำหนักเต๋าชั้นห้าอาจมีโอกาสมากกว่านี้

แต่พวกเราไม่อาจปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปอย่างเปล่าประโยชน์ คืนนี้ข้าจะนำเตาเทพสุริยันออกมาช่วยเหลือเจ้าด้วยตัวเอง” ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าขมวดคิ้ว

“ศัตรูทั่วโลก นี่คือชะตากรรมของการเดินบนเส้นทางจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่หรือไม่” ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็มองไปยังเย่ฟ่านและกล่าวว่า

"ถ้าเจ้าไม่ล้มเหลวในครั้งนี้ โลกของเราก็ยากที่จะสงบได้"

เมื่อดวงอาทิตย์สีแดงตกทั้งเมืองเมืองศักดิ์สิทธิ์ก็ดูคึกคักเป็นอย่างมาก มีผู้คนมากมายที่ปรากฏตัวในฝั่งตะวันออกของเมืองศักดิ์สิทธิ์ คนเหล่านี้ล้วนมาจากมหาอำนาจของดินแดนรกร้างตะวันออกทั้งสิ้น

“นักพรตมังกรแดงมาแล้ว!”

หลายคนตกใจเป็นอย่างมาก ที่ด้านหลังของนักพรตมังกรแดงยังมีราชานกยูงอันทรงพลังและราชามังกรเขียวแห่งมหาโจรลำดับที่สี่ในภาคเหนือ

ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคนมาที่นี่เพื่อส่งมอบต้นกำเนิดสวรรค์ที่มีมูลค่ามากกว่า 700,000 จินให้เย่ฟ่าน

ในตอนค่ำเหยาเยว่กงจากวังอสูรสวรรค์ก็มอบต้นกำเนิดสวรรค์ที่มีมูลค่า 50,000 จินให้กับเย่ฟ่าน

ไม่นานหลังจากนั้น องค์ชายเซี่ยอี้หมิงแห่งต้าเซี่ยก็ปรากฏตัวและมอบต้นกำเนิดสวรรค์มูลค่า 50,000 จินให้เย่ฟ่านเช่นกัน

ก่อนช่วงค่ำเด็กหนุ่มสาวหลายคนในเมืองศักดิ์สิทธิ์ก็ส่งมอบต้นกำเนิดของตัวเองให้กับเย่ฟ่านตามกำลังทรัพย์ของพวกเขา ก่อนที่ทุกคนจะชุมนุมกันด้านนอกวังศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่ตั้งของสระแปลงมังกร

ในช่วงกลางดึกในที่สุดเย่ฟ่านก็ปรากฏตัวขึ้น

"ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณปรากฏตัวแล้ว!" ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนขึ้นแต่สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปยังเย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว

เย่ฟ่านสวมชุดสีขาว สง่างามและไร้ตัวตน เขาเดินผ่านความว่างเปล่าอย่างสงบและเข้าสู่สระแปลงมังกรท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน

“นี่คือร่างเซียนโบราณหรือ ปรากฏว่าเป็นชายหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น”

“เขายังอายุน้อยอยู่เลย การที่สามารถมาถึงระดับนี้ได้ด้วยตัวเองก็เพียงพอจะมองเห็นพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ของเขาแล้ว”

“ชายหนุ่มที่บอบบางเช่นนี้แต่กลับมีร่างกายที่แข็งแกร่งราวกับมังกร เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริง?”

หลายคนในวันนี้เพิ่งเคยเห็นเย่ฟานเป็นครั้งแรก และเมื่อรู้ว่าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งความตื่นเต้นของผู้คนยิ่งทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด

“ราชาสวรรค์อยู่ที่ไหน ทำไมท่านถึงยังไม่ปรากฏตัว”

“อย่ามองหาเลย การบุกทะลวงอาณาจักรครั้งนี้สร้างผลกระทบมากมาย มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะยอมให้เขาทำสำเร็จได้ง่ายๆ ราชาสวรรค์ผู้อาวุโสคงกำลังปกป้องเขาอยู่ในเงามืด” มีคนคาดเดาเช่นนี้

ภายในสระแปลงมังกรต้นกำเนิดสวรรค์ทั้งหลายถูกเปลี่ยนให้เป็นของเหลวและปิดผนึกไว้ในบ่อน้ำเล็กๆที่อยู่กลางสวน แม้ว่ามันจะถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนา แต่กลิ่นอายความเป็นมงคลของมันก็ยังสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมือง

ทันใดนั้นนักพรตสามคนก็เดินไปข้างหน้าและล้อมรอบสระแปลงมังกรอย่างแน่นหนา

ราชานกยูงผู้สง่างาม ราชามังกรเขียวผู้ทรงพลัง และนักพรตมังกรแดงผู้เย็นชา การปรากฏตัวของพวกเขาเห็นได้ชัดว่ามาเพื่อเป็นผู้พิทักษ์ของเย่ฟ่าน

จากนั้นผู้คนของตระกูลเฟิ่งก็ปรากฏตัวขึ้น และผู้อาวุโสระดับราชันศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ก็ได้ปิดล้อมสระแปลงมังกรอีกชั้นจากระยะไกล

เย่ฟ่านเงยหน้าขึ้นมองยอดฝีมือรุ่นเยาว์มากมายที่กำลังมุงดูเหตุการณ์ด้วยสายตาสงบนิ่ง

คนเหล่านี้ถูกกำหนดให้เป็นศัตรูโดยธรรมชาติ ทันทีที่เขาเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วจะไม่มีอะไรสามารถยับยั้งมหาสงครามครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด