เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 91
ตอนที่ 91
“พวกเขาเป็นเพียงเด็กหลงทาง มิได้มีชื่อเฉพาะของตนเอง อย่างไรเสีย ข้าจำได้ว่าคนเป็นน้องสาวนั้นมีชื่อว่าหนานหนาน น่าเสียดายที่พรสวรรค์ของนางต่ำกว่าพี่ชายพอสมควร นางคงมิอาจเข้าร่วมกับราชวงศ์อมตะได้” ยู่ตู่เฟยยิ้มออกมาเล็กน้อย
เมื่อได้ยินดังนั้น บรรพชนหลินส่ายศีรษะก่อนเอ่ยออกมา
“พวกท่านนี่นับได้ว่ามีทักษะจับแยกเหล่าพี่น้องมิน้อยเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม กล่าวกันตามตรง พวกเขาสามารถค้นหาเส้นทางการบ่มเพาะของตนได้ย่อมมีชีวิตที่ยาวนาน นับได้ว่าโชคดียิ่งนัก”
จากนั้น ยู่ตู่เฟยก็นำเอาสมบัติมากมายออกมาก่อนส่งมอบมันให้กับบรรพชนหลินเพื่อเป็นของขวัญแสดงความยินดี ทางด้านบรรพบุรุษสกุลหลินเองก็มิได้ปฏิเสธพวกมัน
ยิ่งกว่านั้น ในบรรดาสมบัติทั้งหลายมีของบางอย่างที่สามารถช่วยในการควบรวมดวงวิญญาณเข้ากับร่างเนื้ออยู่ด้วย นี่คือสิ่งที่ตระกูลหลินต้องการอย่างเร่งด่วน เพราะว่าในหมู่อาวุโสสกุลหลินมีชายคนหนึ่งนามหลินหวางหยาง เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหลงเหลือเพียงดวงวิญญาณเท่านั้น
“นับเป็นเรื่องดีที่สมบัติเหล่านี้เป็นประโยชน์กับท่าน” เมื่อเห็นแววตาเต็มไปด้วยความยินดีของบรรพชนแซ่หลิน ยู่ตู่เฟยยิ้มออกมาบางเบา
จากนั้น ตระกูลหลินที่จัดงานเลี้ยงขึ้นนั้นก็ทำอาหารเลิศรสออกมามากมายเพื่อการฉลอง และยังนำสุราวิญญาณมาดื่มพร้อมกัน บรรพชนสกุลหลินและยู่ตู่เฟยร่ำสุราพลางพูดคุยกับอย่างสนุกสนาน
ผู้หนึ่งอยู่ในระดับแดนก่อตั้งจิต ส่วนอีกคนคือยอดยุทธขั้นเก้าของแดนแก่นทองคำ ย่อมเป็นไปไมได้ที่พวกเขาจะเมามาย หลังจากเวลาผ่านไปนานพอสมควร ยู่ตู่เฟยยิ้มออกมาก่อนเอ่ยบางอย่าง
“กล่าวตามตรง ข้ายังมิได้เห็นหน้าเซียนน้อยของท่านเลย ขอข้าไปเจอเขาสักเล็กน้อยได้หรือไม่? ข้าอยากทราบว่าระหว่างเขากับรุ่นเยาว์มากความสามารถผู้นั้นที่ข้าพบเจอจะแข็งแกร่งแตกต่างกันมากเพียงใด?”
“อีกทั้ง ข้าได้ยินมาว่าทารกน้อยผู้นั้นทรงพลังยิ่งนัก ในวันที่เขาเกิดปราณม่วงปรากฏจากทิศตะวันออกและสำเนียงแห่งเต๋าดังก้องไปทั่วสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ยิ่งกว่านั้น ในตอนที่เขาต่อสู้กับจ้าวห้วงเหวก่อนหน้านี้ เขาก่อให้เกิดปรากฏการณ์ถึงสองอย่างเพื่อนช่วยเหลือท่านด้วย”
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้ามาที่นี่ในครานี้ก็เพื่องานฉลองครบเดือนด้วยเช่นกัน หากข้ามิได้พบหน้าทารกน้อย ข้าคงต้องเสียใจพอสมควร!”
ได้ยินประโยคของยู่ตู่เฟย บรรพชนหลินหรี่ตาลงก่อนจะยิ้มเล็กน้อย
“จิ้ จิ้ ท่านพูดเกินจริงไปแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ”
อย่างไรเสีย บรรพชนหลินอดมิได้ที่จะรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยหากต้องปฏิเสธยู่ตู่เฟย เขาจึงให้คนไปแจ้งเรื่องนี้แก่ซวนยู่
ทว่า การที่หลินซวนจะยอมมาหรือไม่นั้นย่อมขึ้นอยู่กับเด็กน้อยผู้นั้น
คนที่ถูกส่งไปยังจวนของหลินเฮ่าอธิบายสถานการณ์ทั้งหมด ซวนยู่เองก็ประหลาดใจไม่น้อย ราชวงศ์อมตะนับได้ว่าเป็นตัวตนน่าหวาดหวั่นที่ยืนอยู่เหนือผู้คนทั้งอาณาเขตเหนือครามแห่งนี้มายาวนาน นางเองก็มิเคยได้ติดต่อกับพวกเขาโดยตรงมาก่อนเช่นกัน
เมื่อหลินซวนซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของซวนยู่ได้ยินถึงชื่อราชวงศ์อมตะและรู้ว่าพวกเขาคือสิ่งใด เขาก็ชะงักไปชั่วครู่
เหตุใดเขาจึงรู้ว่าสึกว่าชื่อนี้มันคล้ายคลับคล้ายกับบางอย่างยิ่งนัก? ทว่า เขาได้ยินมาว่าคนจากราชวงศ์มาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับเขาและบรรพชนหลิน อีกทั้งผู้ที่มาในครานี้เป็นถึงยอดยุทธระดับสูง หลินซวนมิได้ปฏิเสธเขา อย่างไรเสียเขาก็ควรแสดงออกถึงความเคารพบ้างเล็กน้อย
ชั่วครู่ต่อมา หลินซวนที่ถูกอุ้มโดยซวนยู่ก็เดินทางไปถึงห้องที่คนของราชวงศ์นั่งอยู่
“ซวนยู่และหลินซวนคารวะท่านผู้ยิ่งใหญ่” ซวนยู่เอ่ยออกมาด้วยความเคารพเป็นอย่างสูง
“ฮ่าๆๆ นี่คือเซียนน้อยสกุลหลินผู้นั้นหรือ? มาๆ ขอให้ข้าได้ดูหน้าเขาหน่อยเถิด!” ยู่ตู่เฟยยืนขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม เขาอุ้มหลินซวนขึ้นมาพลางในตาเปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา
หลินซวนเองนั้นมิได้แสดงออกถึงความสามารถใดๆ ของเขา เขาทำเพียงแสร้งเป็นทารกตัวน้อยที่ส่งเสียงอ้อแอ้เท่านั้น เขายื่นแขนสั้นๆ ของตนออกมาก่อนจะมองไปทางยู่ตู่เฟย
ผ่านไปครู่ใหญ่ ยู่ตู่เฟยยิ้มก่อนจะเอ่ยออกมา
“สมกับเป็นเซียนตัวน้อย แม้เกิดมาได้เพียงเดือนเดียวทว่าระดับการบ่มเพาะกลับอยู่ในขั้นเก้าของแดนปรับปรุงกายแล้ว ช่างมีอนาคตอันสดใสยิ่งนัก!”
หลังจากกล่าวออกมา ยู่ตู่เฟยก็นำเอาไข่มุกสีแดงเม็ดหนึ่งออกจากในแขนเสื้อก่อนจะวางมันอย่างนุ่มนวลลงบนหน้าอกของหลินซวน
“นั่นมัน...” แม้ว่าซวนยู่มิอาจทราบได้ถึงไข่มุกเม็ดนั้นว่าเป็นสิ่งใด แต่มันย่อมต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน
“นี่เป็นเพียงแก่นแท้ของมังกรวายุขั้นเจ็ดแดนแก่นทองคำก็เท่านั้น มิใช่สมบัติอันใดหรอก เพียงของเล็กน้อยที่ข้าอยากจะให้ซวนเอ๋อร์”
แก่นแท้ของมังกรวายุขั้นเจ็ดแดนปราณแก่นทองคำ! หลังจากคนแซ่หลินทั้งหลายได้รับรู้ถึงความล้ำค่าของไข่มุกเม็ดนั้น พวกเขาก็เนื้อตัวสั่นเทาและตาดวงแทบจะถลนออกจากเบ้า!
“นี่นับว่าล้ำค่ามากจนเกินไป พวกเราคงรับไว้มิได้!” ซวนยู่รีบส่ายหน้าของตนอย่างเร่งร้อน
“เป็นเพียงของขวัญแรกพบเท่านั้น เจ้ามิควรปฏิเสธมัน” ยู่ตู่เฟยยิ้มบางๆ จากนั้นก็แกล้งทำเป็นโกรธเล็กน้อย
“หรือเจ้าคิดว่าเพียงแก่นแท้มังกรวายุเท่านี้ ราชวงศ์อมตะจะไม่สามารถมอบให้ได้เลยเชียวหรือ?”
“ทว่าว่าสิ่งนี้...” ซวนยู่กระวนกระวายพอสมควร
บรรพชนตระกูลหลินเดินเข้ามา พลางลูบหนวดเคราของตัวเอง
“เจ้าควรรับมันไว้ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นความหวังดีของสหายยู่”
ซวนยู่ทำได้เพียงรับแก่นแท้ก้อนนั้นมาและนั่งลงเท่านั้น
“สหาย ไม่ต้องมากความ เพียงเอ่ยออกมาตามตรง” หลินฉิงเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ยู่ตู่เฟยชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็นวดหัวคิ้วตนก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงขมขื่นเล็กน้อย
“ไม่สามารถซ่อนสิ่งใดจากสายตาท่านได้เลยใช่หรือไม่?”
“ความจริงแล้ว มันมิใช่เรื่องสำคัญอันใดนัก หากแต่เมื่อข้าได้เห็นหน้าของเซียนน้อยผู้นี้ ข้าก็จดจำได้ถึงบางสิ่ง”
“สหายยู่ เพียงพูดออกมาเท่านั้น” บรรพชนแซ่หลินกล่าว
ยู่ตู่เฟยส่ายหน้าไปมาก่อนจะถอนหายใจ ก่อนที่เขาจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“สหายหลิน ท่านจำดินแดนปฐมกาลลึกลับที่ราชวงศ์ค้นพบเมื่อสองหมื่นปีก่อนได้หรือไม่?”
ได้ยินถ้อยคำของยู่ตู่เฟย บรรพชนแซ่หลินเองก็เริ่มมีสีหน้าจริงจังเช่นกัน
“หรือว่าจะเป็นดินแดนลึกลับด้านบนของทะเลไร้ขอบเขตที่อยู่ทางเหนือสุดของอาณาเขตเหนือครามแห่งนี้? มิใช่ว่าแดนแห่งนั้นถูกปิดตายมาเนิ่นนานแล้วหรือ? ยิ่งกว่านั้น ในยามที่มันปรากฏออกมาคงมิได้มีเพียงแค่อาณาเขตเหนือครามของพวกเราที่รับรู้ถึงมันได้ใช่หรือไม่?”
ยู่ตู่เฟยพยักหน้ารับ “จริงอยู่ที่ดินแดนตรงนั้นราวกับว่ามันถูกปิดตายมิอาจเปิดขึ้นมาได้ใหม่อีกทั้งยังมียอดยุทธของพวกเราเฝ้าสังเกตการณ์อยู่เป็นจำนวนมาก ทางเข้าของมันสมควรถูกปิดผนึกมานานกว่าล้านปี ทว่าอาวุโสท่านหนึ่งได้ค้นพบว่าทางเข้าสู่ดินแดนแห่งนั้นกำลังจะเปิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้!”
“อย่างมาสุดก็สองปี หรือสั้นที่สุดเพียงครึ่งปีเท่านั้น แดนลึกลับก็จะปรากฏสู่สายตาชาวโลกอีกครา!”
ดินแดนลึกลับที่คงอยู่มาเนิ่นนานนับล้านกำลังจะเปิดออก! หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป... อย่าว่าแต่ตาแก่อาวุโสตระกูลหลินทั้งหลาย แม้กระทั่งบรรพชนแซ่หลินเองก็อดมิได้ที่จะสีหน้าเปลี่ยนไป
ต้องรู้ก่อนว่าดินแดนลึกลับแห่งนั้นสมควรจะเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่านับไม่ถ้วน เพียงสมุนไพรวิญญาณธรรมดาก็สมควรจะเป็นสิ่งที่อยู่ในระดับของสมบัติล้ำค่าขั้นสูงด้วยการที่มันซึมซับปราณวิญญาณฟ้าดินมานมนานนับล้านปี!
“สหายยู่ พวกเราจะสามารถเปิดประตูสู่ดินแดนแห่งนั้นได้เยี่ยงไร?” บรรพบุรุษหลินเอ่ยถามถึงปัญหาหลักของเรื่องนี้
เนื่องด้วยแดนลึกลับในระดับไม่ธรรมดาสามัญเช่นนี้ สิ่งที่ใช้ในการเปิดทางเข้าของมันย่อมต้องพิเศษอย่างถึงที่สุด
ได้ยินเช่นนั้น ยู่ตู่เฟยทำได้เพียงถอนหายใจเล็กน้อย
“กุญแจทางเข้านี้คือสิ่งที่ข้าต้องการจะพูดคุย”
“อันที่จริงแล้ว ราชวงศ์อมตะของเขาได้รับรู้ว่าแล้วว่ากุญแจที่ใช้เปิดทางเข้าสู่แดนลึกลับคือสิ่งใด”
“ทว่า มันต้องอาศัยบางอย่างที่เฉพาะเจาะจงเพิ่มกระตุ้นการทำงานของกุญแจ จำเป็นต้องมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์จำนวนมากเพื่อกระตุ้นกุญแจ...นี่จึงเป็นเหตุผลที่ข้าเดินทางมายังสกุลหลินเพื่อขอความช่วยเหลือ”