ตอนที่ 27 พลังของผู้ครองพลังมีทั้งหมด 7 สายพลัง(อ่านฟรี)
ตอนที่ 27 พลังของผู้ครองพลังมีทั้งหมด 7 สายพลัง
“นายหญิง” พ่อบ้านเฟรดส่งให้กับแอนเดรียดูในทันที
แอนเกรียรับมาด้วยสภาพที่มือสั่นเทา ก่อนจะมองดูอย่างตั้งใจ
เธอเห็นแหวนในครั้งแรกก็รู้ว่าใช่และการได้สัมผัสแหวนวงนี้ยิ่งเป็นการยืนยันว่าเป็นของบารอนแกริค คนรักของเธออย่างแน่นอน
“ไม่ผิดแน่นอน” แอนเดรียพึมพำออกมา ก่อนจะแสดงสีหน้ากังวลปนความตื่นเต้น ในที่สุดก็มีเบาะแสของบารอนแกริค
“บอกมาว่าเจอแหวนวงนี้ที่ไหน” แอนเดรียถามออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ท่านควรจะเปิดหน้าก่อนหรือไม่ เพื่อเป็นการยืนยันว่าเป็นายหญิงแอนเดรียจริง ๆ ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้ใจหรอกนะ แต่ถ้าเป็นคนของอาเลอาร์ตแฝงตัวมาข้าอาจจะตายได้เช่นกัน” ชายชราตาบอดกล่าว
พ่อบ้านชราขมวดคิ้วมน แต่ก่อนจะได้พูด แอนเดรียก็เปิดฮูดที่คลุมศีรษะออก ทำให้เห็นใบหน้าที่งดงามของเธอได้อย่างชัดเจน
“ฉันคือท่านหญิงแอนเดรีย ตอนนี้บอกมาว่าได้แล้วว่าเจอแหวนวงนี้ที่ไหน” แอนเดรียพูดด้วยน้ำเสียงหงุดงหงิดเล็กน้อย แต่เธอก็ยังรักษาท่าทีไว้ได้
“สมแล้วที่ได้ชื่อว่าหญิงสาวผู้งดงามแห่งคฤหาสน์แกริค” ชายชราตาบอดใช้ดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวจ้องแอนเดรียอย่างเสียมารยาท ก่อนจะละสายตาและกล่าวต่อ “เอาละข้าน้อยจะบอกที่มาของแหวนวงนี้ มันถูกพบบนตัวของซอมบี้ตัวหนึ่งแถวเส้นทางที่ไปอาณาจักรอาณาจักรเวียเรเดีย”
“ซอมบี้? แต่งกายยังไง!” แอนเดรียลุกขึ้น ก่อนจะพูดเสียงดัง ตัวของเธอสั่นเทาด้วยความกลัว เพราะกลัวว่าซอมบี้ตัวนั้นจะเป็น...
“เจ้าบอกมาซะ ซอมบี้ตัวนั้นใช่ท่านบารอนแกริคหรือไม่” พ่อบ้านเฟรดเองก็นั่งไม่ติดแล้วเช่นกัน
“มันใส่ชุดเพราะขุนนาง” ชายตาบอดกล่าวเพียงสั้น ๆ
แอนเดรียถึงกับหน้าซีดขาว ก่อนจะทรุดนั่งลงจาก พ่อบ้านเฟรดเองก้ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ก่อนจะพูดขึ้นมา
“เจ้าเอาศพซอมบี้นั้นไว้ที่ไหน”
“แน่นอนว่าเราไม่ได้เอาศพมาด้วย แต่ทิ้งไว้ที่เดิมที่พบมัน”
“บอกตำแหน่งที่แน่นอนว่า แล้วเราจะไปเอง” พ่อบ้านเฟรดพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง แม้จะรู้ว่าความหวังนั้นมีน้อย แต่ยังไงเขาก็อยากจะยืนยันว่านั้นใช่นายท่านไรแลนด์จริง ๆ หรือไม่ และถ้าใช่จะต้องนำศพกลับมาให้ได้
แต่ชายชราตาบอดกลับไม่ยอมตอบ เพียงส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่ได้ มีคนต้องการพบท่านหญิงแอนเดรีย ดังนั้นพวกเจ้าจะไปไหนไม่ได้”
“หมายความว่ายังไง…หรือว่า กับดัก! นายหญิงรีบ...หนี...” พ่อบ้านเฟรดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้พุ่งเข้ามาคิดจะโจมตีชายชราตาบอด แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว เพราะอยู่ ๆ แขนขาของเขาก็อ่อนล้าจนไร้สิ้นเรี่ยวแรง ก่อนจะร่วงลงไปนอนกองกับพื้นห้องขยับตัวไม่ได้
ทางด้านแอนเดรียหลังจากได้ยินเสียงพ่อบ้านเฟรดก็ตั้งสติคิดจะหนีออกไป แต่ก็ไม่อาจแม้แต่ขยับตัวไปก่อนจะฟุบลงไปกับโต๊ะหน้าตัวเอง แอนเดรียรู้สึกเวียนหัวจนยากจะคุ้มสติตัวเองไว้ได้ หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาทีเธอก็หมดสติไป
“ยาพิษสัมผัสศพ...ทำไม!” พ่อบ้านเฟรดที่เป็นนักล่าระดับครึ่งดาว ยังคงสามารถคงสติของตัวเองได้เล็กน้อย เขารู้แล้วว่าตัวเองโดนอะไรไป ซึ่งมันคือยาสลบพิษสัมผัสศพที่แค่โดนผิวผัวหนังหรือสูดดมเข้าไปก็จะสลบแน่นิ่งเหมือนศพไปหลายชั่วโมงเลย เขาพยายามถามหาเหตุผลกับชายชราตาบอดว่าวางกับดักตนทำไม
ชายชราตาบอดคว้าแก้วเหล้าของพ่อบ้านเฟรดที่ตนรินให้ก่อนหน้านั้น จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งลงที่พื้นข้าง ๆ พ่อบ้านเฟรด
“เจ้าก็ยังหลงกลยาพิษแบบนี้อีกตามเคย บ้านหลังนี้โดนยาพิษสัมผัสศพทั้งหมด ตั้งแต่ที่เจ้าและนางเดินเจ้ามาก็โดนพิษสัมผัสศพแล้ว บางทีถ้าเจ้าไม่ระแวงและดื่มเหล้าที่เป็นยาแก้พิษก็อาจจะไม่เป็นอะไร แต่เจ้าจะไม่ดื่มเหล้าที่ข้าเทให้อย่างนอนจริงไหม”
“ส่วนเจ้าถามหาเหตุผลใช่ไหม นั้นก็เพราะข้านะแก่แล้วแถมยังพิการอีก จะให้ไปเป็นพ่อบ้านของขุนนางแบบเจ้าก็คงไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงต้องการเงินก้อนโตสักก่อนจะเกษียณตัวเอง ดังนั้นข้าจึงรับงานหนึ่งมา เขาต้องการตัวนาง แต่ก็ไม่ได้คิดจะฆ่าดังนั้นเจ้าอย่าได้กังวลไป บางทีอาจจะดีกับนางซะอีก”
“ส่วนเรื่องแหวนวงนั้น ทุกอย่างที่ข้าพูดมาเป็นความจริงหมด รวมถึงศพเจ้าของแหวนที่เป็นซอมบี้ตัวนั้นด้วย...”
พ่อบ้านเฟรดที่ฟังมาถึงตอนนี้ก็ไม่อาจจะประครองสติตัวเองได้ ภาพทั้งหมดวูบดับไป
...
หลังจากเก็บเกี่ยวพลังงานศรัทธาของวันนี้ในช่วงบ่ายแล้ว ลูอิสก็พูดคุยถึงเรื่องของผู้ครองพลังกับหมอเทรย์เวอร์ต่อ โดยมีเจียน่าและอาร์มันโด้นั่งฟังอยู่ด้วย
นอกจากหมอเทรย์เวอร์และพวกลูอิสอีกสามคนก็ไม่มีใครได้เข้ามาในนี้ แม้แต่พยาบาลสาวเกวนก็ตาม
“ช่วยเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับผู้ครองพลังให้ฉันฟังหน่อย” ลูอิสกล่าวออกมาขณะที่นั่งบนเก้าอี้ของหมอเทรย์เวอร์ที่อยู่ในตู้เหล็กที่ใช้เก็บยาและเป็นสถานที่ทำงานไปในตัว
หมอเทรย์เวอร์แปลกใจที่โดนถามเรื่องนี้ แต่เขาก็คิดว่าตัวเองคงไม่เข้าใจความคิดของเด็กอัจฉริยะอย่างลูอิสได้ จึงเลือกจะเล่าออกไป เพราะอย่างไรก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรอยู่แล้ว ส่วนลูอิสนั้นที่เขาถามเพราะเขาไม่รู้ก็แค่นั้น
“พลังของผู้ครองพลังมีทั้งหมด 7 สายพลัง คือ ผู้พิทักษ์ ผู้แข็งแกร่ง ผู้เคลื่อนไหว ผู้เยียวยา ผู้เผาผลาญ ผู้สร้างจิตวิญญาณและสุดท้ายผู้ทำลายจิตวิญญาณ”
“ผู้พิทักษ์ มีพลังในการสร้างโล่พลังงานป้องกัน เสริมพลังวัตถุและการสังเกตหรือรับรู้ในพื้นที่รอบตัวเองหรือเรียกว่าอาณาเขตควบคุม เป็นสายสมดุล”
“ผู้แข็งแกร่งมีพลังในการเสริมความแข็งแกร่งร่างกาย ควบคุมโลหะและของแข็ง”
“ผู้เคลื่อนไหว มีพลังในด้านการใช้เทคนิค การเคลื่อนที่ ความเร็ว การปลอมตัว และหายตัว ยิ่งถ้าพวกเขาอยู่ในสถานที่มีน้ำและลมผ่านจะรวดเร็วและอันตรายมากกว่าปกติ”
“ผู้เยียวยา มีพลังในการรักษาทั้งร่างกายและจิตใจ สามารถสร้างยาประเภทต่าง ๆ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แถมยังควบคุมวัตถุเล็ก ๆ เช่นเข็มและมีดได้”
“ผู้เผาผลาญ มีพลังควบคุมไฟ พวกเขาเป็นตัวอันตรายอย่างยิ่ง”
“ผู้สร้างจิตวิญญาณ มีพลังในการสร้างจิตวิญญาณให้วัตถุต่าง ๆ และอัญเชิญออกมาสู้ได้ ซึ่งข้าไม่รู้รายละเอียดมากกว่านี้”
พอพูดถึงผู้สร้างจิตวิญญาณหมอเทรย์เวอร์ก็หันไปมองเจียน่า เพราะพลังการอัญเชิญของเธอนั้นคล้ายกับของผู้สร้างจิตวิญญาณ แต่ก็ต่างออกไป ซึ่งหมอเทรย์เวอร์ก็ไม่มั่นใจมากนัก เพราะไม่รู้เรื่องของผู้สร้างจิตวิญญาณมากพอ
“ส่วนสุดท้ายผู้ควบคุมจิต ข้าก็ไม่เคยเจอมาก่อน แต่เท่าที่ทราบพลังของพวกเขาคือการล่อลวงจิตใจ ควบคุมจิตใจ ควบคุมร่างกายของคนอื่น ๆ โดยใช้สายตาหรือการสัมผัส ซึ่งมีอยู่น้อยมาก”
...
‘เฮ้ย ๆ นี่มัน ระบบพลังโลกนี้ไม่ธรรมดาเลย แถมยังมีมากถึง 7 สายพลังเหลือเชื่อมาก สมแล้วที่พวกคนธรรมดาถึงเกรงกลัวพวกเขา แม้แต่อาวุธร้อนบางทีก็อาจจะทำอันตรายผู้ครองพลังไม่ได้’
‘หืม...แบบนี้สินะ มิน่าพวกอาวุธร้อนถึงหายไป เพราะการพัฒนาภายหลังพวกเขาเน้นไปที่ผู้ครองพลัง ถ้ามีพลังพิเศษแบบนั้นแล้ว อาวุธทั่วไปก็คงจะไม่จำเป็นจริง ๆ ทำให้เวลาผ่านไปหลังจากโลกนี้ล่มสลายก็ทำให้อาวุธปืนหายไป แต่เราก็ยังไม่ควรตัดเรื่องที่ว่าโลกนี้อาจจะไม่มีของอย่างปืนอยู่ก็ได้ทิ้งไปด้วย เพราะแม้จะเป็นโลกที่เหมือนกับโลกเก่า แต่ก็ไม่ใช่โลกใบเดิม ซึ่งเรื่องนี้ยืนยันได้แล้วในเรื่องของการถนอมอาหารกระป๋องที่ก้าวหน้ากว่าโลกเราหลายเท่ามาก’
ทารกน้อยลูอิสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มีสีหน้าจริงจังเป็นอย่างมาก ก่อนที่เขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงได้ถามออกไป
“จริงสินายรู้เรื่องพลังของผู้ครองพลังอย่างละเอียดมาก คงจะคุ้นเคยกับพวกผู้ครองพลังมาก่อนสินะ”
“เมื่อนานมาแล้วขาเคยได้เป็นหนึ่งในผู้ถูกเลือกให้รองรับพลังของหินพลัง แต่การได้โอกาสในครั้งนั้นก็นำมาซึ่งความตายของคนทั้งตระกูลและพิษคำสาปของหลานสาวข้าก็ด้วย” หมอเทรย์เวอร์พูดด้วยสีหน้าเศร้า ๆ ราวกับเขากำลังนึกถึงอดีตที่เจ็บปวด
ลูอิสมุมปากกระตุก
‘ตาแก่นี่ตั้งใจพูดออกมาเพื่อให้ข้าสงสารเพื่อรักษาหลานสาวเขาอย่างนั้นเหรอ’
‘ถ้าอย่างนั้นที่เขามาเปิดสถานพยาบาลเพราะคิดจะล้างบาปในใจเรื่องการตายของคนในตระกูลด้วยหรือเปล่า หรือแค่จะหาทางรักษาหลานสาวเท่านั้น’
ขณะที่ลูอิสกำลังกลั่นกรองความคิดอยู่ในหัว ตอนนั้นเองเจียน่าที่ยืนอยู่ด้านข้างเขาก็เรียกชื่อเขาด้วยท่าทีตกใจ
“ท่านลูอิส!”
ทั้งสามต่างหันจับจ้องเด็กสาวเป็นตาเดียวกัน
อาร์มันโด้และหมอเทรย์เวอร์ก็ต่างประหลาดใจและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจียน่าที่ในตอนนี้ยืนนิ่งและดวงตาแปรเปลี่ยนไปเหมือนกับดวงตาของสัตว์อย่างชัดเจน
ลูอิสรู้ในทันทีว่าเจียน่ากำลังมองผ่านอีกาทมิฬ ตัวที่ติดตามแอนเดรียและพ่อบ้านไป
“พวกเขามีปัญหา ทั้งสองโดนจับตัวไป”
สิ้นเสียงพูดของเจียน่าสีหน้าของลูอิสเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที
‘บ้าจริง เกิดอะไรขึ้นกับทั้งสอง หรือว่าจะเป็นกับดักแบบที่พวกเขาสงสัยกัน แต่ทำไมถึงประมาทจนโดนจับได้ละเนี่ย’
‘ยังไงก็ต้องไปช่วยออกมาก่อน’
“เจียน่านำทาง!” ลูอิสพูดอย่างร้อนใจ เพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแอนเดรีย
“ค่ะ” เจียน่ารีบตามขึ้นมา ส่วนอาร์มันโด้นั้นรู้ว่าในตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นและในฐบานะลูกน้องจึงต้องตามไปด้วยช่วย
ส่วนหมอเทรย์เวอร์นั้นก็ยังตกตะลึงอยู่ เพราะไม่รู้ว่าที่เจียน่าพูดนั้นหมายความว่ายังไงและเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ส่วนจะตามไปช่วยหรือไม่นั้น หมอเทรย์เวอร์เลือกที่จะอยู่ที่นี่มากกว่า เพราะต่อให้ตามไปเขาก็คงช่วยอะไรไม่ได้ และอาจจะทำให้เรื่องวุ่นวายกว่าเก่าเท่านั้น