SGS บทที่ 112 – เป็นยามเช้าที่สดใสจริงๆเลยนะ! (ฟรี)
ฮินางิคุ นั่งบนเตียง ขณะที่ซ่อนร่างกายตัวเองไว้ใต้ผ้าห่ม และก้มหน้านิ่งเงียบไป
มิโคโตะ นั่งบนเตียง ขณะที่ซ่อนร่างกายตัวเองไว้ใต้ผ้าห่ม และก้มหน้านิ่งเงียบไป
ส่วนวู่หยาน มันกำลังยืนอยู่ต่อหน้าสองสาวด้วยด้วยหัวใจที่อิ่มเอม แต่ฉากหน้าเขากำลังยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนอยู่โดยไม่พูดอะไรสักคำ
ต่อให้คนที่ไม่รู้อะไร แต่แค่ลองเดินเข้ามาในห้องก็จะรู้เอง จากสภาพห้องที่เละเทะบวกกลิ่นแปลกๆที่ยังคงไม่หายไป ถ้าไม่โง่เกินไปอ่ะนะ
ตอนนี้พระอาทิตย์ได้ลอยขึ้นมาอยู่ตรงกลางหัวพวกเขาแล้ว จริงๆเช้านี้เขาตื่นเร็วมาก แต่ก็นั้นแหละหลังจากนั้นก็รู้ๆกันอยู่ ผลก็คือดวงอาทิตย์ลอยโด่งนี้ไงล่ะ
ดังนั้น จึงไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนเช้ามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว หลังจากที่เริ่ม ‘ศึกกระชับความสัมพันธ์’
ก็อย่างที่เห็น หลังจากจบศึกอย่างว่าไป พวกเธอก็ได้นั่งก้มหน้าเงียบๆไม่พูดไม่จา เป็นแบบนี้มาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว.....
และนั่น ทำให้ห้องนี้ตกลงสู่บรรยากาศที่โครตอึดอัด........
ฮินางิคุกับมิโคโตะไม่เคลื่อนไหว วู่หยานก็ไม่กล้าทำอะไรเหมือนกัน ต้องรู้ว่าครั้งนี้เขาผิดเต็มประตู เล่นใช้กำลังฝืนบังคับพวกเธอ ดีแค่ไหนแล้วที่ตอนนี้ไม่มีคมดาบกับไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่
ดังนั้น ทั้งสามจึงนิ่งอยู่ท่าเดิม จนเกิดภาพประหลาดๆขึ้นจากสายตาคนนอก......
วู่หยานชำเลืองมองพวกเธออย่างระมัดระวัง ทั้งสองคนยังไม่ยากจะพูดแต่เขาทนบรรยากาศแบบนี้ไม่ไหวแล้วเนี่ยสิ
“เอ่อ คุณฮินางิคุ คุณมิโคโตะครับ ได้โปรดพูดอะไหน่อยสิ.......”
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะปากดีพูดไปว่า ‘ต่อให้พวกเธอจะเกลียดฉันก็ดี หรือจะทุบตีด่าว่าฉันก็ไม่เป็นไร’ ไม่เป็นไรกะผีสิ! บอกอย่างไม่อายเลยว่าตอนนี้ ตูรู้สึกโครตกลัว!.....
เห็นสองสาวยังคงปิดปากเงียบ วู่หยานก็ทำสีหน้าราวกับนักโทษที่กำลังคําพิพากษาที่ไม่ว่าจะนั่งรอหรือยืนรอเขาก็โดนตัดสินประหารชีวิตแน่ๆ......
เงียบ เงียบสนิท แต่เมื่อกี้ตอนที่ตนออกพูดไปมันก็เหมือนบรรยากาศจะเปลี่ยนไปนะ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ วู่หยานก็ได้ยินเสียงพูดที่แผ่วเบา
“....ไป”
วู่หยาน เบิกตากกว้างแล้วเอ่ยว่า “ห๊ะ พูดว่าไงนะ?”
ฮินางิคุเงยหน้าที่แดงก่ำบวกกับดวงตาที่เปื่อนไปด้วยคราบน้ำตาขึ้น แล้วชี้นิ้วที่เรียวงามไปที่ประตู ก่อนจะตะคอกใส่เขาว่า
“ออกไปเดี๋ยวนี้!”
วู่หยานเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วอ้าปากพูดว่า “คือว่า......”
“เปรี๊ยะๆ!”
โดยไม่รอให้วู่หยานพูดเสร็จ เสียงกระแสไฟฟ้าก็ดังขึ้นทันที ทำให้วู่หยานหน่าวสั่นหลังวาบ เพราะเขารู้ว่าเสียงนี้มันมาจากใครต่อให้ใช้หัวแม่เท้า(ตีน)คิดก็ตาม
หัวเราะแห้งๆ แล้วกวาดสายตามองหน้าพวกเธอ เห็นเพียงแต่อารมณ์เขินอายแต่ไม่มีอาการโกรธเขาก็โล่งอกเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า แล้วรีบก้มไปหยิบเสื้อผ้าตนเองแล้ววิ่งออกจากห้องไป
“..............”
“..............”
เมื่อวู่หยานออกไป ห้องก็ได้กลับมาเงียบอีกครั้ง ฮินางิคุกับมิโคโตะหันมามองตากันและกัน เห็นเพียงแต่ดวงตาอีกฝ่ายที่มีความรู้สึกซับซ้อนเหมือนกัน
ผ่านไปสักครู่ สองสาวก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน แล้วในใจเองก็เกิดความคิดที่เหมือนๆกันขึ้น
‘คิดซะว่าตัวเองโชคร้ายล่ะกัน เฮ้ออ.....’
...........................
เมื่อฮินางิคุกับมิโคโตะเดินออกมาจากห้อง พวกเธอก็เห็นอิคารอสที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะด้วยสีหน้าเฉยชากับลิลินที่ยิ้มแป้นเอามือเคาะโต๊ะเล่น และวู่หยานที่ยุ่งอยู่กับการเอาถาดอะไรสักอย่างวางบนโต๊ะ
“โอ้ พี่สาวฮินางิคุ พี่สาวมิโคโตะ ตื่นกันแล้วเหรอคะ?” เมื่อเห็นพี่สาวทั้งสอง ลิลินก็พูดด้วยสีหน้ามีความสุขขณะที่ยกมือน้อยๆโบกให้พวกเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้วู่หยานบอกให้เธอเงียบไว้ ตอนนี้เธอก็คงถามไปแล้วว่าพวกพี่ทำอะไรกันเสียงดังจัง
อิคารอสเองก็หันหน้าไปมองตัว ฮินางิคุกับมิโคโตะ ในแววตาเธอเกิดประกายความสงสัยขึ้น เพราะทั้งสองคนเดินท่าแปลกๆกัน
หรือทั้งสองคนจะไม่สบาย?
บนหัวอิคารอสเกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นหลายอัน ขณะที่คิดอยู่ในใจ
ฮินางิคุกับมิโคโตะยิ้มเจื่อนๆออกมา แล้วพูดทักทายพวกเธอ แล้วค่อยเดินกระเพกไปที่โต๊ะ ก่อนที่จะค่อยๆนั่งลงเก้าอี้อย่างระมัดระวัง
“ในที่สุดก็ออกมากันได้นะ ทั้งสองคน!”
ในเวลาเดียวกันกับที่เสียงพูดนี่ดังขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าของฮินางิคุกับมิโคโตะก็หายไปทันที ก่อนจะหันหน้าที่มืดมนไปมองต้นเสียง ทว่าสิ่งที่เห็นทำเอาพวกเธอช็อค
วู่หยานที่มือหนึ่งกำลังถือถาดด้วยรอยยิ้มที่แจ่มใสที่สุดราวกับแสงของดวงอาทิตย์ยามบ่าย ดวงตาเขาหรี่ลงจนมองไม่เห็นตาขาวบวกกับชุดเชฟที่เขาใส่ ทำให้ตอนนี้ลุคเขาดูเหมือนหนุ่มที่ไม่ว่าใครเข้าหาเขาก็พร้อมที่จะยิ้มรับหมด.......
ฮินางิคุกับมิโคโตะหันมามองตากันด้วยแววตาว่างเปล่า แล้วหันไปมองดูวู่หยานที่เปลี่ยนเป็นพ่อบ้าน ทั้งสองคนมองสำรวจขึ้นๆลงๆด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะทำท่ายังกับจะพูดอะไรบ้างอย่าง แต่ก็เหมือนนึกอะไรออกจึงหยุดไป แล้วทำเสียงขึ้นจมูกดัง ‘ฮึ’ ขณะที่สะบัดหน้าหนี
เมื่อเห็นแบบนี้ รอยยิ้มแจ่มใสของวู่หยานก็พังทลายทันทีโดยไม่อาจแอคท่าทำต่อไปได้ ตอนแรกเขาก็คิดว่าแผนที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันจะเวิร์คแล้วนะ......
เห้อ ถึงแม้3Pที่ไฝ่ฝันไว้จะเป็นจริงแล้วก็เถอะ แต่มันก็มีราคาที่ต้องจ่ายอยู่อ่ะนะ.......
“ฮินางิคุ มิโคโตะ พวกเธอคงจะหิวกันแล้วใช่มั้ย? นี่!อาหารที่ฉันเพื่อพวกเธอโดยเฉพาะเลยนะ รีบกินเร็ว!”
“..............”
เงียบ เงียบสนิท
มุมปากวู่หยานกระตุก แล้วมองสองสาวที่แม้แต่หน้าเขายังไม่หันมามอง เขาหัวเราะแหะๆพูดว่า “ท้องพวกมันหิวกันแล้วนะ รีบกินเร็วเข้า นี่ฉันทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อบำรุงระ...เอ่อ...ร่างกาย....”
เมื่อพูดจนใกล้จะจบประโยค เขาก็โดนสายที่แหลมคมของพวกเธอจับจ้องมา ทำให้เสียงพูดวู่หยานยิ่งมายิ่งเบาลงเบาลง หัวใจใจเขาเต้นโครมคราม ถ้าไม่ใช้เพราะสีหน้าพวกเธอยังแดงอยู่ ตอนนี้เขาคงเผ่นหนีไปแล้ว
กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก วู่หยานหันหน้าไปมองมิโคโตะ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “เน่ มิโคโตะ เธอลองกินดูสิ ฉันรับรองเลยว่าเธอจะต้องชอบมันแน่นอน”
พูดเสร็จเขาก็เปิดฝาที่ครอบถาดออก แล้วส่งสัญญาณให้มิโคโตะมอง เมื่อมิโคโตะเหลือบตาไปมองเล็กน้อยเธอก็นิ่งไป ไม่อาจย้ายสายตาออกได้
“เกโคตะ!!” เธอยกมือตบข้างๆแก้มขณะที่มองสิ่งที่อยู่ในถาดด้วยดวงตาแมวเหมียว
ใช่แล้ว สิ่งที่อยู่ในถาด ก็คือขนมหวานรูปร่างเจ้ากบเกโคตะที่เขาทำมันขึ้นมาการนี้โดยเฉพาะ!
รอยยิ้มแห่งชัยชนะลอยออกมาจากหน้าวู่หยาน เขายิ้มด้วยความพอใจ แน่นอนว่าเป็นในใจนะ ภายนอกเขายังแกล้งทำสีหน้าปกติอยู่ “เป็นไง ชอบมั้ย?”
“อืม อื้ม!” มิโคโตะพยักหน้าขึ้นๆลงๆโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว
“มิโคโตะ!” ฮินางิคุเอ่ยเสียงดังด้วยน้ำเสียงดุๆ แต่ทว่าตอนนี้โลกของมิโคโตะมีแค่เกโคตะเท่านั้น นี่ทำให้ฮินางิคุหัวร้อนทันที
วู่หยานเองในใจก็พูดไม่ออกเหมือนกัน ถึงแม้เขาจะหวังจริงๆจากใจว่ามิโคโตะจะหายโกรธ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าแค่ขนมหวานเวอร์ชั่นเกโคตะก็แก้ไขได้แล้ว นี่ทำให้ในใจวู่หยานเกิดสมการหนึ่งขึ้น ‘คืนแรกของเธอเท่ากับเกโคตะหนึ่งตัว’
แต่ทว่ายังเหลืออยู่อีกหนึ่งคน.......
หันหน้าไปมองฮินางิคุที่กำลังอารมณ์เสีย วู่หยานฉีกยิ้มอีกครั้ง แล้วเดินมาตรงหน้าเธอพูดว่า “ฮินางิคุ เธอก็ลองดูสิ ฉันทำแฮมเบอร์เกอร์สูตรพิเศษที่เธอชอบมากสุดมาให้ล่ะ”
ยกถาดขึ้นตรงหน้าฮินางิคุ วู่หยานพูดยิ้มๆว่า “ดูสิ ฉันทำแบบพิเศษเลยนะ รีบลองเร็วเข้า!” พูดเสร็จ วู่หยานก็มองฮินางิคุด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
มองดูแววตาหมาน้อยของเขา บวกกับแฮมเบอร์เกอร์สูตรพิเศษ ทำให้ฮินางิคุเริ่มมีสีหน้าลังเล
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็หยิบมันขึ้นมาหนึ่งอันแล้วกัดมันเข้าไปหนึ่งคำ ทันใดนั้นดวงตาเธอก็เปล่งประกายทันที ยกแฮมเบอร์เกอร์ในมือขึ้นมากัดอีกรอบด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม
เห็นแบบนี้ วู่หยานก็หัวเราะออกมาด้วยความโล่งอก คราวนี้ไม่ใช่รอยยิ้มแจ่มใสปลอมๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่มาจากหัวใจของเขาจริงๆ
‘แบบนี้ก็หมายความว่าพวกเธอยกโทษให้เราแล้วใช่มั้ยนะ?’
มองดูฮินางิคุที่กินแฮมเบอร์เกอร์หมดไปแล้วหนึ่งอัน กับมิโคโตะที่ยังใช้สายตาแมวน้อยมองขนมหวานเวอร์ชั่นเกโคตะ วู่หยานก็อยากเอ่ยถามสิ่งที่คิดในใจออกไปมาก
บางทีอาจจะเป็นเพราะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ฮินางิคุได้กัดแฮมเบอร์เกอร์ไปหนึ่งคำแล้วส่งเสียง ‘เฮอะ!’ พร้อมหันหน้าไปอีกทาง แล้วกันแฮมเบอร์เกอร์ไปอีกคำก่อนจะพูดว่า “อย่าคิดว่าแค่นี้ฉันจะยกโทษให้ล่ะ!”
“ใช่ๆ!” มิโคโตะเองก็ดึงตัวกลับออกมาจากสรวงสวรรค์เกโคตะได้แล้ว แล้วหันไปจ้องเขม็งใส่วู่หยาน พูดด้วยน้ำเสียงโกรธๆว่า “คิดจะให้พวกเรายกโทษมันออกจะเร็วเกินไปมั้ย? แบบนั้นนายก็ไม่สำนึกความผิดที่ตัวเองก่อสิ!”
ในใจ วู่หยานน้ำตาอาบไหลเต็มหน้าทันที ‘เอาวะอย่างน้อยๆได้แค่นี้ก็บุญหัวแล้ว ฮึก’........