565 - ช่วยสงเคราะห์
565 - ช่วยสงเคราะห์
ตู้เฟยตกตะลึงเล็กน้อย คนเหล่านี้น่าจะเป็นญาติภรรยาเย่ฟ่านในอนาคต การจัดลงมือทำร้ายคนพวกนี้มันทำให้เขาพูดไม่ออกจริงๆ
“เจ้ากำลังพูดถึงอะไร คิดจะทุบตีพวกเราอย่างนั้นเหรอ!”
เฟิงเลี่ยเด็กหนุ่มชุดม่วงเยาะเย้ยที่มุมปากของเขา และทันใดนั้นเด็กหนุ่มของตระกูลเฟิงคนแรกก็ก้าวไปข้างหน้า
ในบรรดาพวกเขาทั้งหมดไม่มีผู้ใดอ่อนแอ บางคนได้เข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วแล้ว และที่เลวร้ายที่สุดก็อยู่ในอาณาจักรตำหนักเต๋าขั้นที่สี่
“เจ้าอ่อนแอมากเกินไป”
ดวงตาของเย่ฟานเปล่งประกายศักดิ์สิทธิ์ และมือสีทองขนาดใหญ่ก็พุ่งออกไปตบเด็กหนุ่มคนนั้นให้กระเด็นกลับหลัง
“บูม”
ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้แสดงความกลัว ในขณะที่มือสีทองบินเข้ามาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขาที่เป็นทวนเล่มใหญ่ก็แทงสวนเข้าไปตรงๆ
"กาชา"
มือใหญ่ของเย่ฟานเป็นเหมือนจานเจียรสีทองกลม เมื่อทวนสีเลือดแทงเข้ามามือสีทองเย่ฟานก็บดขยี้มันจนแหลกละเอียดภายในเสี้ยวลมหายใจ
“เฮือก...” ทุกคนสูดลมหายใจหนาวเหน็บ
ชายหนุ่มคนนั้นพยายามถอยกลับแต่มือสีทองของเย่ฟานก็ไล่ตามอย่างรวดเร็ว
"บูม"
เย่ฟ่านโยนชายหนุ่มลงบนพื้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอย่างรุนแรง แต่ชายหนุ่มคนนั้นก็ได้รับความอับอายอย่างหนัก
“เจ้ากล้ามาก กล้าทำร้ายลูกพี่ลูกน้องของข้า เจ้าเลิกหวังเรื่องที่จะแต่งงานกับพี่สาวของข้าได้เลย!” หญิงสาวที่มีใบหน้างดงามตะโกนด้วยความโกรธ
“ถ้าเจ้ายังส่งเสียงร่ำร้องอีกเจ้าก็จะมีสภาพเช่นเดียวกันกับเขา!”
เย่ฟ่านยื่นมือใหญ่ของเขาออกและคว้าหญิงสาวไว้
“เจ้ากล้าที่จะหยาบคายกับข้าขนาดนี้ รู้ไหมว่าข้าเติมโตขึ้นมากับเฟิงหวง เจ้าทำกับข้าวแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้รับการให้อภัย!” หญิงสาวส่งเสียงร้องด้วยความโกรธ
เฟิงหวงเป็นไข่มุกไร้ที่ติของตระกูลเฟิง ถ้าคนอื่นแอบอ้างชื่อนี้อาจจะถูกเยาะเย้ยได้ แต่หญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่มีความสัมพันธ์กับเฟิงหวงอย่างลึกซึ้งซึ่งทุกคนรู้เรื่องนี้ดี
“เจ้าก็แค่มดแมลงเท่านั้น หากผู้ใดไม่พอใจก็สามารถเดินออกมาได้เลย!” เย่ฟ่านเย้ยหยันและโยนหญิงสาวคนนั้นออกไป
“ปัง!”
ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้เย่ฟานสั่นเทาจนแทบจะล้มลงกับพื้น!
ในหมู่คนของตระกูลเฟิงก็มีใครบางคนที่ครอบครองอาวุธที่ไม่ธรรมดา ในตอนนี้กลองขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและเสียงของมันก็สั่นสะเทือนไปทั้งตำหนักเซียน
“มาดูกันว่าเจ้าจะแข็งแค่ไหน!”
เย่ฟ่านตะโกนออกมาและเขย่ากำปั้นสีทองของเขากลายเป็นริ้วแสงบินเข้าหากลองใบนั้น
“ปัง!”
เสียงกลองที่สองดังขึ้น ราวกับเสียงของการสร้างโลก สิ่งก่อสร้างทั้งหมดที่อยู่ในสวนถูกกวาดล้างกลายเป็นเถ้าถ่านทันที
มีผู้ฝึกฝนมากมายคอยดูการต่อสู้ และพวกเขาต่างก็รีบบินหลบหลีกรัศมีทำลายล้างของกลองใบใหญ่
แม้ว่าคนอื่นๆในตระกูลเฟิงกำลังล่าถอย แต่ก็มีชายชุดแดงเพียงคนเดียวในสนาม ในมือของเขาห้อยกลองหนังสีม่วงอยู่ข้างหน้า ซึ่งดูเหมือนว่าจะทำมาจากหนังกิเลนโดยมีเกล็ดสีม่วงส่องแสงระยิบระยับ
“เจ้ากำลังมองหาความตาย!”
เขาเห็นเย่ฟานวิ่งเข้ามาใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยก่อนจะตบลงไปที่กลองอีกครั้ง
“ปัง!”
เสียงกลองอันที่สามราวกับแยกสวรรค์และปัฐพีออกจากกัน ทำลายความว่างเปล่า เมฆและหมอกพันกันด้วยฟ้าร้อง และแสงสีม่วงท่วมท้องฟ้า
มีฟ้าร้องและสายฟ้าสีม่วงอยู่ทุกหนทุกแห่งพวกมันถูกยิงออกมาจากกลองกิเลน แสงสีม่วงของมันทะลุผ่านความว่างเปล่า กวาดและสังหารทุกทิศทุกทาง
“ข้าจะช่วยสงเคราะห์เจ้าเอง!”
ความว่างเปล่าสั่นสะท้าน เย่ฟ่านรุกไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ สายฟ้าสีม่วงไม่สามารถหยุดเขาได้ เพราะมีอาวุธหนักอยู่ในมือของเขาด้วย
กระบี่วัชระมีความสดใสและเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ทำลายไม่ได้ มันตัดผ่านสายฟ้าสีม่วงอย่างรุนแรงก่อนจะฟาดฟันเข้าหาใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้น
ปะ!
เย่ฟ่านไม่ได้ลงมือสังหาร เขาใช้กระบี่วัชระเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น ทันทีที่กระบี่ของเขาฟันลงมาชายหนุ่มเจ้าของกลองก็ถูกกระแทกล้มลงกับพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
“ชั้วะ”
แสงแวบวาบเย่ฟ่านยึดเอากลองเทพกิเลนไว้เป็นสมบัติของเขาเอง อาวุธดังกล่าวมีค่าและหายากอย่างยิ่ง และต่อให้เป็นผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ใช่ว่าจะได้มันมาครอบครองได้
“เจ้ากล้ามาก เจ้ากล้าแม้แต่จะคว้าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเฟิงของข้า!” เฟิงเลี่ยเด็กหนุ่มชุดม่วงหน้าเปลี่ยนสี
“แม้แต่คนข้าก็ยังกล้าฆ่านับประสาอะไรกับการยึดอาวุธ ตัวเจ้าก็เช่นกัน!” เย่ฟ่านเอื้อมมือสีทองใหญ่ของเขาหุงข้าวเฟิงเลี่ยที่อยู่กลางฝูงชน
“ฮัวลา”
เฟิงเลี่ยสะบัดธงสีขาวที่เป็นรูปกระดูกฟาดเข้าใส่เย่ฟานและพูดว่า
“เจ้าไม่ต้องการเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วแล้วหรือ เท่าที่ข้ารู้เจ้าไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เลย ดังนั้นเลิกเพ้อฝันเกี่ยวกับพี่สาวของข้าได้แล้ว!”
เย่ฟ่านหน้าเปลี่ยนสี เด็กเหล่านี้ไม่สามารถครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ อย่าบอกนะว่าพวกเขาได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสของตระกูลเฟิง? ในตอนนี้จิตใจของเขาสงบลงอย่างรวดเร็ว
“เจ้าไม่คู่ควรกับพี่สาวของข้า วันนี้ข้าต้องการกำจัดความภาคภูมิใจในตนเองของเจ้า!”
เฟิงเลี่ยถือธงกระดูกสีขาวเขย่ามันอย่างแรง และยิงแสงกระบี่ออกมาโดยไม่ทำร้ายร่างกายแต่นี่เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพทำลายล้างวิญญาณของผู้คน
ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งเดินออกมาเพื่อช่วยเฟิงเลี่ยเขย่าธงกระดูกขาวด้วยกัน
“นี่เป็นอาวุธทรงพลังของตระกูลเฟิง อาวุธระดับผู้สูงสุด!” ตู้เฟยและหลี่เหอซุยตกตะลึงและใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
เย่ฟ่านไม่สนใจ โดยถือกระบี่วัชระไว้ในมือซ้ายและใช้แส้ศักดิ์สิทธ์ในมือขวาทำลายกระบี่เรืองแสงพร้อมทั้งก้าวไปข้างหน้า
“ปัง!”
ธงกระดูกสีขาวสั่นสะท้าน บินออกไปตามแรงกระแทก
แดง!
เย่ฟ่านเคาะกระบี่วัชระออกไปอีกครั้ง
แม้ว่าชายชุดขาวจะเป็นผู้ฝึกตนชั้นสองของอาณาจักรสี่สุดขั้ว แต่พลังศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เพียงพอต่อการควบคุมธงนี้ และเขาไม่สามารถกระตุ้นต่อต้านพลังทำลายล้างของแส้ศักดิ์สิทธิ์ที่มุ่งเน้นทำลายวิญญาณเป็นการเฉพาะ
“ปัง!”
ความว่างเปล่าสั่นสะท้าน พลังทำลายล้างที่อยู่ตรงกลางกลายเป็นหลุมสีดำที่กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง มันเหมือนกับหลุมดำจริงๆที่เกิดขึ้นในดาราจักรที่ไร้ขอบเขต
"พัฟ"
ชายชุดขาวกระอักเลือด พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่เพียงพอที่จะใช้งานธงกระดูกขาวและพลังสะท้อนของมันสร้างบาดแผลร้ายแรงให้กับเขา
เย่ฟ่านโบกแขนเสื้อและเก็บเอาธงกระดูกขาวกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“บูม”
เย่ฟ่านตบตบชายชุดขาวที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าแล้วคว้าเอาเฟิงเลี่ยเข้ามาไว้ในกำมือเหมือนลูกไก่ตัวเล็กๆ
“เจ้ากล้าทำกับข้าเช่นนี้หรือ...” เฟิงเลี่ยตะโกน
“ปา”
เย่ฟ่านให้รางวัลเขาโดยตรงด้วยฝ่ามือสีทองขนาดใหญ่
บนท้องฟ้าหลุมดำที่กระบี่วัชระสร้างขึ้นได้ทำร้ายชายหนุ่มและหญิงสาวคนอื่นๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ฟ่านมีความเมตตาผู้คนทั้งหมดจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
"หากไม่ใช่ว่าเราเกรงใจตระกูลเฟิง จุดจบสุดท้ายของพวกเจ้าจะเป็นเช่นไรพวกเจ้าน่าจะรู้ดีที่สุด” หลี่เหอซุยเยาะเย้ย