535 - ความบ้าคลั่งครั้งสุดท้าย
1845 - ความบ้าคลั่งครั้งสุดท้าย
ในที่สุดคนเหล่านั้นก็ผ่อนคลาย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังส่งสารไปยังตระกูลฉินเพื่อให้สือฮ่าวส่งของขวัญคืน
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นหนึ่งวัน สือฮ่าวก็ลงมือกวาดล้างนิกาย สี่แห่งไปพร้อมกัน!
เมื่อนิกายขนาดใหญ่ถูกฉีกออกจากกันโดยสือฮ่าวกวาดไปทั่วทุกด้าน เหตุการณ์ครั้งนี้สั่นคลอนใบหน้าของหลายๆคน เมื่อเห็นโลหิตสีแดงฉานไหลรินเป็นแม่น้ำสายยาวใครบ้างที่จะไม่หวาดกลัว?
วันนั้นสือฮ่าวกวาดล้างนิกายใหญ่แห่งหนึ่ง เขาสังหารบุคคลระดับสูงของนิกายนั้นจนหมดสิ้น อีกทั้งยังเปิดคลังของพวกเขายึดทุกอย่างไป
จากนั้นเขาก็ลงมืออย่างต่อเนื่องล้มล้างหลายนิกายใหญ่อีกสามแห่งทำให้โลหิตของพวกเขาหลั่งไหลเป็นท้องธารา
ข่าวแพร่ออกไปสั่นสะเทือนทุกสารทิศ หลายคนตื่นตระหนกหวาดกลัวแทบตายแล้ว
"หยุด! เป็นเรื่องเข้าใจผิดเรายินดีที่จะเสนอสมบัติให้!”
บางคนตื่นตระหนกพวกเขาวิ่งไปที่ตระกูลฉินราวกับว่ามีเปลวไฟถูกจุดอยู่ที่ก้น ทั้งยังเสนอของขวัญมากมายเพื่ออธิบายการกระทำของตัวเอง
แน่นอนว่ามีบางคนที่วิ่งไปติดต่อคนของตำหนักเซียนด้วยความตกใจขอร้องให้พวกเขาดำเนินการ
“ฮวงเจ้าไม่มีสมองเลยเจ้ารู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? เจ้าลืมบทเรียนที่ผู้อมตะที่แท้จริงสั่งสอนไปแล้ว?” นี่คือสิ่งที่ตำหนักเซียนถ่ายทอดออกมา
“หากมันกล้าออกมาจากตำหนักเซียนอีกครั้งข้าให้คำสาบานว่ามันจะไม่มีทางได้กลับไปอีก!” นี่คือคำตอบของสือฮ่าว
ทุกฝ่ายตะลึงทันที เขาบ้าไปแล้วเหรอ?
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็เข้าใจ บางทีฮวงอาจเข้าใจว่าตัวเองเหลือเวลาไม่มากเขาจึงเตรียมที่จะกระทำอย่างบ้าคลั่งเป็นครั้งสุดท้าย!
คนบ้าประเภทนี้พวกเขาจะรุกรานได้อย่างไร?
หลายคนรู้สึกเสียใจ ทำไมถึงต้องปะทะกับเขาแบบนี้? พวกเขาสามารถทนได้อีกหนึ่งเดือนรอจนกว่าเขาพิการอย่างสมบูรณ์ค่อยลงมือก็ไม่เห็นจะเป็นไร
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” ผู้สูงสุดตำหนักเซียนส่งเสียงคำรามออกมา
อย่างไรก็ตามในที่สุดเขาก็ไม่กล้าลงมือเพราะเขาสงสัยว่าฮวงตั้งใจดึงเขาออกมาเพื่อที่จะให้ผู้สูงสุดของเก้าสวรรค์ทั้งสองคน ลงมือสังหารเขา
แม้ว่าสือฮ่าวจะแสดงออกอย่างโอหังไม่เห็นผู้อมตะจากตำหนักเซียนอยู่ในสายตา แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้อมตะคนนั้นก็ไม่ได้ออกมาตามคำท้าทาย
เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ที่เคยหวังพึ่งพาตำหนักเซียนต่างก็รีบนำของขวัญมามอบให้กับสือฮ่าวด้วยความหวาดกลัว
สิบเท่าจากของเดิมที่พวกเขาเคยส่งไปนิกายเหล่านี้ทั้งหมดถอนหายใจด้วยความสิ้นหวังใบหน้าเขียวคล้ำไปแล้ว แม้ว่าสมบัติของพวกเขาจะถูกดูดจนแห้ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอพวกเขาต้องหาวิธีอื่น
ปรมาจารย์ของนิกายหยกงามกำลังเผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน ใบหน้าของเขานั้นเปลี่ยนไปมาระหว่างสีเขียวและสีขาวรู้สึกเสียใจไม่รู้จบอยากจะตบปากตัวเองสักสองสามครั้ง
“ผู้อมตะของตำหนักเซียนไม่ออกมาสังหารข้าหรือ? ส่งข่าวไปบอกมันว่าข้าจะรออยู่ที่นี่!” สือฮ่าวท้าทาย
เป็นเพราะเขารู้ว่าผู้อมตะของตำหนักเซียนไม่สามารถออกมาอีกแล้ว การที่เขาปรากฏตัวออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อนได้ก่อให้เกิดอันตรายแก่เขาอย่างแสนสาหัส ตอนนี้เขาไม่มีปัญญาที่จะออกจากน้ำพุเซียนของตัวเองได้เลย
สำหรับผู้สูงสุดของตำหนักเซียน ความคิดของเขาก็ถูกสือฮ่าวอ่านได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
ฝ่ายตรงข้ามกังวลว่าสือฮ่าวจะร่วมมือกับผู้สูงสุดของสำนักเซียนและสำนักปราชญ์เพื่อที่จะล่อเขาออกมาสังหาร
เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครเต็มใจที่จะออกมาต่อสู้กับสือฮ่าว หลายนิกายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมุ่งหน้าไปที่ภูเขาอมตะของตระกูลฉินเพื่อส่งมอบของขวัญ
“พ่อถึงเวลาที่เราต้องจากไปแล้ว ได้เวลากลับบ้านสักที!”
สิบวันต่อมาสือฮ่าวก็กล่าวขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขากำลังจะมุ่งหน้ากลับบ้าน!
“เราจะกลับบ้าน!” สือจื่อหลิงพยักหน้าอย่างหนัก หน้าอกของเขารู้สึกเจ็บอย่างมากเมื่อเขามองไปที่ลูกชายคนโต เขาพบว่ามันยากที่จะสงบลง
ลูกชายคนโตของเขามีพรสวรรค์สูงส่งซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ฝึกฝนขอบเขตการปลดปล่อยตนเองที่อายุน้อยที่สุดและทรงพลังที่สุดในยุคนี้เขาคือตำนานไร้พ่ายอย่างแท้จริง
แต่สุดท้ายเขาก็มีจุดจบแบบนี้ ในสายตาของคู่สามีภรรยาลูกชายคนโตของพวกเขาประสบพบเจอกับความอยุติธรรมของโลกนี้มากเกินไป
“เรากำลังจะกลับบ้านกำลังจะกลับ! เราจะไม่กลับมาอีกแล้ว!” ฉินอี้หนิงร้องไห้
แม้ว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาชื่อเสียงของสือฮ่าวจะแพร่กระจายไปทั่วโลกภายนอกโดยกวาดล้างหลายนิกายหลายแห่งอย่างต่อเนื่อง
แต่ฉินอี้หนิงก็ยังเศร้าโศกไม่หาย เป็นเพราะนางรู้ว่านี่คือช่วงเวลารุ่งโรจน์สุดท้ายของลูกชายคนโตของนาง เวลาหนึ่งเดือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว!
“พี่ใหญ่ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่หวังว่าท่านคงไม่ใช้เวลาอยู่ข้างล่างนานนัก!” ฉินฮ่าวกล่าว
ด้านหลังเซียนอมตะฉินถอนหายใจ เมื่อการบ่มเพาะของเขาถูกตัดขาด เต๋าก็จะพิการหลังจากนั้นไม่นานสือฮ่าวจะเป็นเหมือนคนธรรมดาไปตลอดกาลไม่สามารถบ่มเพาะได้อีกแล้วเขาจะกลับมาได้อย่างไร?
“เราจะกลับมาอีกแน่นอน เราจะแก้แค้นให้พี่ใหญ่!” มีเด็กหลายร้อยคนตะโกนออกมาพวกเขากำหมัดแน่นน้ำตาไหลไม่หยุด
นี่เป็นเด็กที่สือฮ่าวนำกลับมาจากชายแดนรกร้างรวมทั้งเด็กชายและเด็กหญิง พวกเขาส่วนใหญ่อายุน้อยอยู่มากคนที่โตที่สุดก็อายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น
ดวงตาของพวกเขาเป็นสีแดงทั้งหมดรู้สึกเศร้าใจต่อชะตากรรมของสือฮ่าว ในเวลาเดียวกันพวกเขายังตัดสินใจที่จะแข็งแกร่งขึ้นและแก้แค้นให้สือฮ่าวสังหารผู้อมตะของตำหนักเซียนคนนั้น
“ข้าสงสัยว่าหลังจากหลายปีผ่านไปตอนนี้ทั้งแปดดินแดนจะเป็นอย่างไรบ้าง” สือฮ่าวกล่าวเบาๆ
ครั้งที่แล้วแม้ว่าเขาจะเข้าไปในอาณาจักรแห่งความว่างเปล่า แต่การเดินทางของเขาก็รีบเกินไปไม่มีแม้แต่เวลาที่จะทำความเข้าใจอาณาจักรที่ต่ำกว่าโดยละเอียด
เมื่อมีคนลอบปองร้ายเขาอยู่ด้านหลังเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่ต้องรีบออกมา
สือฮ่าวมองไปที่เซียนอมตะฉินโดยต้องการรู้เกี่ยวกับอาณาจักรที่ต่ำกว่าจากเขาซึ่งเป็นผู้รอบรู้มากที่สุด เป็นเพราะเขารู้ว่ามีนิกายใหญ่ๆบางแห่งในสามพันแคว้นที่มีวิธีพิเศษสามารถสื่อสารกับอาณาจักรที่ต่ำกว่าได้
เซียนอมตะฉินส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า“ตอนนี้สิ่งต่างๆแตกต่างออกไป คนอย่างพวกเราไม่มีทางที่จะต่อสู้กับเจตจำนงของสวรรค์ ข้อมูลถูกตัดขาดมานานแล้ว”
เขาพึมพำกับตัวเองหลังจากคิดกับตัวเองอยู่สักพักเขาก็พูดว่า
“ตามข้ามา”
ในส่วนลึกของตระกูลฉินซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความโกลาหล สถานที่แห่งนี้มืดครึ้มมากและยังลึกลับอย่างยิ่ง
นี่เป็นพื้นที่ที่ไม่เสถียรและสับสนวุ่นวาย
“นี่คือดินแดนลับที่ข้าค้นพบ ถ้ามันอยู่ในยุคปกติพลังศักดิ์สิทธิ์จะถูกส่งไปยังอาณาจักรที่ต่ำกว่าผ่านที่นี่ แต่ตอนนี้มันไม่สามารถทำได้” เซียนอมตะฉินกล่าว
สือฮ่าวตกใจอย่างมาก สถานที่แห่งนี้ดูแปลกประหลาดอย่างยิ่งมันสามารถส่องให้เห็นความลับของสถานที่ต่างๆได้
“การฉายภาพศักดิ์สิทธิ์ด้วยพลังวิเศษ?” เขาถาม.
"ถูกต้อง ในอดีตการฉายภาพศักดิ์สิทธิ์สามารถส่งลงไปในอาณาจักรที่ต่ำกว่าได้ แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว”เซียนอมตะฉินกล่าว
สือฮ่าวตรวจสอบมัน นี่เป็นดินแดนที่แปลกประหลาดอย่างยิ่งแต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่สามารถทำงานได้เมื่อต้องการมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรด้านล่าง
“มันถูกโจมตีอย่างรุนแรง เจตจำนงของสวรรค์เป็นเหมือนใบมีดตัดผ่านจิตวิญญาณดั้งเดิมน่าสะพรึงกลัวมาก!” เซียนอมตะฉินกล่าว
มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นในนี้ มันไม่ได้ทรงประสิทธิภาพเหมือนกับก่อนหน้านี้อีกแล้ว
สือฮ่าวพยักหน้านี่เป็นสิ่งที่เขาเคยรู้มาก่อน ไม่มีทางท้าทายเจตจำนงของสวรรค์อยู่แล้ว
ไม่มีใครสามารถท้าทายกฎธรรมชาติของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เพื่อเข้าสู่แปดดินแดนที่ต่ำกว่ามิฉะนั้นจะต้องเผชิญกับการลงโทษของกฎลึกลับ
มิฉะนั้นเจ็ดเทพในตอนนั้นคงไม่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการลงไปจัดการเขา
สือฮ่าวพยักหน้า แม้แต่คนอย่างเซียนอมตะฉินก็ไม่สามารถสื่อสารกับอาณาจักรที่ต่ำกว่าได้
นี่เป็นสิ่งที่ดีพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องยากที่อาณาจักรที่สูงกว่าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอาณาจักรด้านล่างทั้งแปด
หลังจากนั้นไม่นานห้องเก็บของของตระกูลฉินก็เปิดออกอย่างสมบูรณ์ประกายและสุกใสถูกส่องออกมา
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติสวรรค์จากผู้บ่มเพาะนิกายต่างๆ
มันประกอบด้วยสิ่งล้ำค่ามากมายไม่ว่าจะเป็นตำราโบราณ อาวุธวิเศษรวมทั้งยาศักดิ์สิทธิ์
“มากขนาดนี้เลยเหรอ?”
พวกเขากำลังจะจากไปในไม่ช้าเขาจึงเริ่มเก็บทุกอย่างเข้าไปในสิ่งประดิษฐ์เชิงพื้นที่ของตัวเอง เขากำลังจะนำทุกอย่างเข้าสู่อาณาจักรที่ต่ำกว่า
“เจ้าเป็นคนเรียกร้องมันเอง หรือเจ้าไม่สามารถคำนวณได้ว่ามันจะมีมากมายถึงขนาดนี้” เซียนอมตะฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่าเอาล่ะ!” สือฮ่าวก็หัวเราะ
เขาไม่ได้มีความรู้สึกหดหู่ใจเหมือนกับคนอื่น เขารู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถทำลายคำสาปนั้นได้แต่มันอาจจะต้องใช้เวลานานสักหน่อย