ตอนที่ 629+630 ปัญหาที่คาดไม่ถึง
ตอนที่ 629 ปัญหาที่คาดไม่ถึง
“ผมคิดว่าคุณหวง แกเป็นคนดีนะครับ” ผู้จัดการซุนดูเหมือนจะอ่านสถานการณ์ไม่ถูกต้องนัก เมื่อรู้ว่าหวงเฉิงจิ้งเป็นคนที่ยอดเยี่ยม เขาไม่รู้จะช่วยอะไรอีกฝ่ายได้ แต่กระโดดเข้าไปปกป้องอีกฝ่าย “อุปกรณ์บรรเทาทุกข์บางส่วนของเรา ได้รับความช่วยเหลือจากคุณหวง ไห่หรุนกรุ๊ปซื้อไข่ไก่เกือบทั้งเมืองหนานเจียงเพื่อเอามาช่วยที่นี่” ผู้จัดการซุนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป หลังจากได้รับการสายตาพิฆาตจากลู่ชิงสี เขาตัวสั่นและเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว “คุณเจียง ที่โรงพยาบาลเฉิงอ้ายส่งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มาที่นี่และฉางกังกรุ๊ปส่งอุปกรณ์บรรเทาทุกข์เพื่อมาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในเมืองรง ได้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ที่เพื่อนผมทำงานอยู่แล้วครับ ผมได้ไปสัมภาษณ์ร่วมกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฉิงอ้ายมาก่อนหน้านี้ เรื่องนี้ต้องช่วยสร้างชื่อให้กับบริษัทอย่างแน่นอนเลย!”
“ดีมากเลยค่ะ!” เจียงเหยายกย่อง “ฝากขอบคุณเพื่อนของคุณแทนฉันด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องกังวลไปครับ วิน-วินกันทั้งคู่ อีกอย่างเขายังได้รับโบนัสจากการเผยแพร่ข่าวในหนังสือพิมพ์อีกด้วย” ผู้จัดการซุนยิ้มและกล่าวเสริม “รัฐบาลเพิ่งประกาศผลการประมูล เราทำได้แล้วนะครับ! หลังแจกของเสร็จ ผมต้องกลับไปที่หนานเจียง พรุ่งนี้คาดว่าผมจะมาที่นี่ไม่ได้นะครับ คงต้องจัดการกับเอกสารตามขั้นตอนทั้งหมดให้แล้วเสร็จ”
“ขอบคุณมากค่ะ” ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้จัดการซุนได้เดินทางไปมาระหว่างเมืองหนานเจียงและเมืองรงอยู่หลายครั้ง การเดินทางแต่ละครั้งทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย เนื่องจากสภาพถนนที่เลวร้ายมาก
เจียงเหยาคิดว่าเขาทำงานได้ยอดเยี่ยมและตั้งใจจะให้โบนัสอีกครั้ง เมื่อเธอกลับเมืองหนานเจียง
“หน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ! ลูกสาวผมตอนนี้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว คิดถึงเรื่องนี้ผมก็มีความสุขมาก ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณเลยครับคุณเจียง!” ใบหน้าของผู้จัดการซุนสว่างขึ้น “ตอนนี้เธออาการดีขึ้น เมื่อวานตอนผมแวะไปเยี่ยม เรายังคุยกันได้นิดหน่อยครับ”
ขณะที่ผู้จัดการซุนและเจียงเหยากำลังคุยกันอยู่ ลู่ชิงสีรอเธออย่างอดทนอยู่ข้าง ๆ หลังจากที่ผู้จัดการซุนออกไปแล้ว เขาลากตัวเจียงเหยาเข้าไปในเต็นท์ทันทีและให้เธอนั่งลงบนเตียง
“คุณกำลังทำอะไรอยู่?” ถ้าไม่ใช่เพราะระหว่างทางที่มามีคนอยู่จำนวนมาก เจียงเหยาคงหนีไม่พ้นเงื้อมมือของลู่ชิงสี
“เหยาเหยา อารมณ์ไม่ดีเหรอ? ทำไมกัน?” ลู่ชิงสีถามอย่างเคร่งขรึม
“ฉันเหรอคะ?” เธอลูบใบหน้าและคิดว่า ‘มันชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ’
“ก็ใช่น่ะสิ” ลู่ชิงสีตอบอย่างหนักแน่น ไม่มีอะไรหนีพ้นสายตาของลู่ชิงสีแม้แต่นาทีเดียว หากเป็นเรื่องของเจียงเหยา
“อย่าปฏิเสธ ผมรู้ว่าคุณอารมณ์ไม่ดี!” ลู่ชิงสีขัดจังหวะความพยายามโต้แย้งของเธอ “บอกผมมาสิว่าทำไมกัน เพราะเมื่อวานผมตีคุณอย่างนั้นเหรอ?”
นี่เป็นปัญหาเดียวที่ลู่ชิงสีจะคิดได้ “ที่รัก คุณต้องมีเหตุผลหน่อยสิ เรื่องเมื่อวานมันก็ผ่านไปแล้วนะ ผมคิดว่าพอตื่นคุณมาคุณก็จะหายโกรธแล้วเสียอีก เมื่อวานผมก็ขอโทษเรื่องที่ตีคุณไปแล้วด้วย มันเป็นความผิดของผมเอง ผมขอโทษนะครับ”
ลู่ชิงสีก้มหน้าหล่อ ๆ ลงและเสียใจที่ได้เก็บซ่อนความโกรธเอาไว้
“ไม่ใช่สักหน่อย!” ในที่สุดเจียงเหยาก็พูดหลังจากได้เห็นเขาพูดถึงเรื่องเมื่อวาน “เช้านี้ ฉันเอาผ้าที่คุณเช็ดตัวเมื่อคืนมาเช็ดหน้าน่ะสิ!”
ใบหน้าของลู่ชิงสีเจือปนไปด้วยความแปลกประหลาด อะไรกัน? นั่นเหรอเหตุผลที่เธออารมณ์เสียตลอดช่วงเข้า?
__
ตอนที่ 630 คนจร
ลู่ชิงสีอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่เมื่อเห็นผู้คนจำนวนมากเดินไปเดินมารอบ ๆ เต็นท์ เขาจึงอุ้มเธอขึ้นบ่าและพาเธอออกไปข้างนอก
“ลู่ชิงสี อ่อนโยนกับภรรยาของนายหน่อยจะได้ไหม!” ลู่อี้ชิงเข้ามาใกล้น้องชาย EQ ต่ำของเธอ
ลู่ชิงสีไม่สนใจ เขาแบกเจียงเหยาวิ่งไปตลอดทาง กระทั่งถึงมุมเปลี่ยวร้างผู้คนที่พวกเขามาเมื่อวาน
ไม่ไกลจากสถานที่บรรเทาทุกข์ของฉางกังกรุ๊ป มีคนเห็นจูเฉียวหลานอยู่กับเฉินเฟยถัง พวกเขาไม่ได้รู้จักกัน ในขณะที่จูเฉียวหลานต้องการทราบวิธีจุดตั้งเต็นท์ของไห่หรุนกรุ๊ป เธอเห็นเฉินเฟยถัง ทหารหญิงยืนอยู่บริเวณนั้น จึงถามทางจากอีกฝ่าย เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นหญิงสาวที่มีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหวงเฉิงจิ้งที่งานแสดงสินค้าก่อนหน้านี้ ถูกแบกโดยชายอีกคนหนึ่ง
“จึ ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหวงเฉิงจิ้ง ถึงได้ตกหลุมรักคนจรแบบนั้น” จูเฉียวหลานยิ้มเยาะและถามว่า “เอ่อ คุณรู้จักผู้ชายคนนั้นไหมคะ? เขามีความสัมพันธ์ยังไงกับผู้หญิงคนนั้นคะ”
เฉินเฟยถังรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากกับทัศนคติของจูเฉียวหลาน ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของเธอเกี่ยวกับเจียงเหยา เฉินเฟยถังคงจะทิ้งเธอและเดินจากไปแล้ว
เธอเป็นลูกสาวของตระกูลเฉิน ไม่มีใครดูหมิ่นเธอแบบนี้ได้!
จูเฉียวหลานมาจากทางใต้และตระกูลจูไม่มีธุรกิจทางภาคเหนือ หรือมีความสัมพันธ์ในกองทัพ ทำให้เธอไม่รู้จักเฉินเฟยถัง
ในความคิดของเธอ เฉพาะคนยากจนและด้อยโอกาสเท่านั้นที่จะเข้าร่วมกองทัพ
สำหรับทหารหญิง เธอคิดว่าพวกเขาอยู่ในอันดับที่ต่ำกว่าทหารชายเสียด้วยซ้ำ
จูเฉียวหลานเป็นคนที่หยิ่งผยองเป็นอย่างมาก ไม่ค่อยเคารพคนที่เธอคิดว่าอยู่ระดับต่ำกว่าตนเอง
“คุณรู้จักกับเจียงเหยาด้วยเหรอ?” เฉินเฟยถังถาม
จูเฉียวหลานพยักหน้า “ใช่แล้ว นั่นชื่อของเธอ! เจียงเหยา! ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผู้ชายคนนั้นคืออะไรเหรอคะ”
“พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน” แม้ว่าเฉินเฟยถังไม่ต้องการยอมรับความจริงข้อนี้ ทว่าพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย “ทำไมถึงบอกว่าเธอเป็นคนจรล่ะ หมายความว่ายังไง คุณรู้จักเธอด้วยเหรอ?”
“คู่รัก? ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานแล้วเหรอ?” จูเฉียวหลานให้ความสนใจกับความจริงที่ว่าเจียงเหยาแต่งงานแล้ว!
“ฉันไม่อยากจะเชื่อ! เธอยังจะพยายามหลอกล่อหวงเฉิงจิ้งอีก! โสเภณีอะไรอย่างนี้!” จูเฉียวหลานกำหมัดด้วยความโกรธ “เธอกล้าดียังไงถึงเข้าหาคนที่ฉันชอบ!”
“นี่คุณ อย่าได้พูดอะไรโดยไม่มีหลักฐาน! เธอเป็นภรรยาของทหารนะ คุณอาจถูกตั้งข้อหาฐานหมิ่นประมาทในศาลของทหารเอาได้” เฉินเฟยถังเตือนเธออย่างเย็นชา แต่ลึก ๆ ในใจ เธอเชื่อทุกอย่างที่จูเฉียวหลานพูด
นั่นคือสิ่งที่เธอคิดเช่นกัน เด็กสาวอย่างเจียงเหยาจะเป็นผู้ใหญ่ได้แค่ไหนกัน?
ในฐานะทหาร ลู่ชิงสีใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในกองทัพ เด็กสาวอายุสิบเก้าปีอย่างเจียงเหยาจะยืนหยัดกับความเหงาที่มาพร้อมกับอาชีพของสามีได้อย่างไร?
คงจะเป็นอย่างนั้น! เธอคงจะมีใครลับหลังเขา!
“หลักฐาน? ฉันเห็นกับตา ฉันเป็นพยานได้! ให้ฉันบอกคุณว่าอย่าได้คิดปกป้องภรรยาของสหายของคุณและเอาศาลทหารมาทำให้ฉันตกใจจะดีกว่า ฉันน่ะเป็นลูกสาวตระกูลจูนะ!” จูเฉียวหลานมีความคิดเดียวเท่านั้น คือการเปิดเผยเรื่องนี้ให้กับหวงเฉิงจิ้งทราบว่าเจียงเหยาแต่งงานแล้ว เธอไม่อยากให้เขาถูกหลอก