ตอนที่ 25 การโจมตีของสัตว์ป่า(อ่านฟรี)
ตอนที่ 25 การโจมตีของสัตว์ป่า
อาร์มันโด้วิ่งตรงไปทางหน้าประตูรั้วโกดัง คนเฝ้าประตูทั้งสามคนหันกลับมามองด้วยความตกใจที่อยู่ ๆ ก็มีคนวิ่งมาหาพวกเขา
“เฮ้ย! หยุดนะเว้ย ไม่รู้หรือไงว่าที่นี่มันคืออาณาเขตของพวก....”
ปัง!
ก่อนจะทันได้พูดจบประโยคใบหน้าของชายคนนั้นก็โดนอาร์มันโด้ที่กระโดดถีบเข้าไปเต็มหน้า จนตัวของชายเฝ้าประตูผู้นั้นลอยกระเด็นไปหลายตลบหัวกระแทกกับพื้นน็อกคาที่ในทันที
นักเลงเฝ้าประตูอีกสองคนลุกพรวดขึ้นมาจากโต๊ะพร้อมกับทิ้งไพ่ในมือและกระโจนเข้าหาอาร์มันโด้พร้อมกับหมัดที่ซัดออกมาเต็มแรง
อาร์มันโด้ผู้มีใบหน้าเข้มขรึมยกแขนขึ้นมาตั้งการ์ดป้องกันหมัดของทั้งสอง ก่อนจะส่วนกลับด้วยการแตะเข้าไปที่ท้องของนักเลงฝั่งซ้ายจนชายคนนั้นล้มลงตัวงอเป็นกุ้งและหันไปล็อกแขนของคนฝั่งขวา ก่อนจะหักแขนอย่างเหี้ยมโหดเสียงดังแก็ก!
“อ๊า ๆ” นักเลงที่โดนหักแขนร้องด้วยความเจ็บ น้ำตาของมันไหลออกมาด้วยสภาพที่น่าเห็นใจ
“พวกแกจับหมอเทรย์เวอร์ไว้ที่ไหน” อาร์มันโด้ถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
“บัดซบ แกรู้ไหมว่าพวกเราทำงานให้ใคร อ๊ากก ยอมแล้ว ๆ ทางโกดังหลังที่สาม เราจับหมอเทรย์เวอร์ไว้ที่โกดังที่สาม” ชายเฝ้าประตูคนนั้นแหกปากร้องออกมาพร้อมกับพยายามใช้มือที่สั้นไม่หยุดอีกข้างชี้ทางโกดังหลังที่สาม
“ดีมาก” อาร์มันโด้เอาหมัดไปกระแทกดั้งจมูกของโจรเฝ้าประตูอย่างแรกดังปัก! ทำให้จมูกของคนเฝ้าประตูคนนั้นหักเลือดไหลกำดาวออกมาไม่หยุด
“อ๊าก...จะต่อยทำไมอีก ฉันบอกไปแล้ว ไม่ได้โกหกเลย” คนเฝ้าประตูคนนั้นพูดด้วยเสียงที่ไม่ชัดและแฝงความเจ็บไว้
“อ่าว...ทำไมไม่สลบ ดูเหมือนแกจะอึดดีนี่” อาร์มันโด้คิดว่าต่อยไปครั้งเดียวจะทำให้มันสลบ แต่คนเฝ้าประตูคนนี้กลับอึดมากกว่าเป็นพิเศษ
“เดี๋ยว! ๆ” คนเฝ้าประตูคนนั้นถึงกับปากกระตุกเมื่อรู้ความต้องการของอาร์มันโด้และพยายามพูดกับอาร์มันโด้ แต่ก็ไม่ทัน อาร์มันโด้กระหน่ำต่อยซ้ำไปอีกสามหมัดกว่าคนเฝ้าประตูจะสลบได้
“อีกคน เอ๋ สลบไปแล้ว...ช่างมันก็แล้วกัน” อาร์มันโด้หันไปมองชายที่โดนแตะเข้าท้องไปก่อนหน้า แต่พอหันไปมองปรากฏว่าชายเฝ้าประตูคนนั้นสลบไปแล้วทั้งที่มือกุมท้องไว้อยู่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ปลอดภัยแล้ว พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ” อาร์มันโด้หันมาบอกกับลูอิสและเจียน่าที่ยืนดูการต่อสู้ของอาร์มันโด้อยู่ไม่ไกล
ขณะที่เดินเข้าไปด้านในลูอิสก็มองไปที่คนเฝ้าประตูที่แกล้งสลบคนนั้นและยิ้มเจื่อนส่ายหัวไปมา
อาร์มันโด้ ลูอิสและเจียน่าบุกเข้ามาจนถึงโกดังที่สาม ซึ่งมีประตูเหล็กขนาดใหญ่ปิดอยู่ ด้านในมีเสียงต่อบางอย่างหลายครั้งพร้อมกับเสียงของหมอเทรย์เวอร์ที่ร้องออกมาในสภาพอ่อนแรง
“บัดซบ” อาร์มันโด้เปิดประตูเข้าไปก็ต้องตกใจ เพราะหมอเทรย์เวอร์นั้นตอนนี้อยู่ในสภาพที่โดนมัดมือแขวนกับคานเหล็ก ตามใบหน้ามีรอยฟกช้ำดำเขียวอยู่หลายแห่ง ดวงตาปูนโปนและปากที่มีเลือดไหลออกมา ลมหายใจเหนื่อยอ่อนมากจนสามารถสลบได้ทุกเมื่อ
เมื่อลูอิสเห็นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเข้มขรึมขึ้นมาในทันที ส่วนเจียน่าก็ไม่ชอบใจเช่นกัน
ในโกดังที่สามนอกจากหมอเทรย์เวอร์ที่โดนซ้อมบาดเจ็บสาหัส ยังมีคนอยู่อีก 8 คน ซึ่งเป็นพวกคนใต้ดินทั้งหมด หนึ่งในพวกมันมีนักล่าระดับครั้งดาวอยู่ด้วย และดูเหมือนจะเป็นลูกพี่ใหญ่ของที่นี่
“ถุย! พวกแกเป็นใครวะ กล้าดีนี่ที่เข้ามาจนถึงที่นี่ พวกที่เฝ้าประตูไปไหนหมดแล้วว่ะ” หัวหน้าระดับครึ่งดาวหันกลับมาถุยน้ำลายและเดินมาทางอาร์มันโดด้วยมาดของนักเลงไม่มีผิด
ซึ่งคนที่เหลือของฝั่งนั้นก็เดินมาพร้อมกับท่อนเหล็กและดาบครบมือ
‘นี่มันท่าเดินของพวกนักเลงในหนังเลย’ ลูอิสมองไปที่พวกนักเลงใต้ดินด้วยความสนใจ
“สุนัขเฝ้ายามพวกนั้นนะเหรอ โดนฉันจัดการไปหมดแล้ว พวกแกควรจะปล่อยหมอเทรย์เวอร์ซะแล้วฉันจะให้เวลาพวกแกหนี” อาร์มันโด้พูดจาข่ม พร้อมกับตั้งท่าป้องกันไว้ด้วย
“แกตาบอดหรือไง ไม่เห็นเหรอว่าเรามีคนมากกว่า” หัวหน้านักเลงส่งสัญญาณให้คนของเขาล้อมทั้งสามคนไว้ ก่อนจะกล่าวว่า “กล้ามากที่พาเด็กทารกกับเด็กผู้หญิงมาในถิ่นของฉัน ถ้าแกฉลาดก็ควรจะทิ้งเด็กสาวคนนี้ไว้แล้วจะไปไหนก็ไปซะ”
เหล่านักเลงใต้ดินต่างก็มองไปที่เจียน่าเป็นสายตาเดียวกันพร้อมรอยยิ้มแปลก ๆ
แม้เมื่อก่อนเจียน่าจะเป็นเด็กสาวผู้อพยพที่มีผิวดำไหม้จากแดดแล้เส้นผมหยาบกร้านจากฝุ่นควัน แต่หลังจากดื่มโพชั่นชีวิตและโพชั่นพลังงานไปจำนวนมากทำให้เซลล์ผิวที่ตายและสภาพผอมแห้งเมื่อก่อนหน้านั้นหายไปจนหมด ตอนนี้เธอเปลี่ยนเป็นเด็กสาวแสนน่ารักไปแล้ว
ซึ่งลูอิสที่ใกล้ชิดกับเด็กสาวก็ไม่ได้สังเกตถึงเรื่องนี้เหมือนกัน แต่สำหรับนักเลงพวกนี้ เจียน่าคือดอกไม้งามท่ามกลางซากไม้เน่าในชุมชนผู้อพยพแห่งนี้ ในเมื่อเธอมาหาพวกมันแล้ว มีเหรอที่พวกหิวโหยอย่างพวกมันจะปล่อยไป
เจียน่าขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจ ก่อนสายตาจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาโดยไม่รู้ตัว เธอขยะแขยงสายตาของคนพวกนี้มาก ในใจเจียน่าคิดว่า แม้แต่ท่านลูอิสก็ไม่เคยมองเธอแบบนี้มาก่อน แล้วพวกมันเป็นใครถึงกล้ามองเธอแบบนี้
“จัดการแม่งเลย” หัวหน้านักเลงใต้ดินไม่คิดจะรออีกแล้ว จึงโบกมือให้ลูกน้องทั้ง 7 คนลงมือเลย
ขณะเดียวกันมันก็ตรงเข้าหาอาร์มันโด้ เพราะรู้ว่าลูกน้องทั้ง 7 ที่เป็นคนธรรมดานั้นคงหยุดอาร์มันโด้ไม่ได้แน่นอน แต่แล้วก่อนที่อาร์มันโด้และกลุ่มนักเลงจะได้ลงมือกัน ตอนนั้นเจียน่าก็ยกมือขึ้นก่อนจะใช้งานทักษะอัญเชิญหมีกริซลี่ของเธอ
กลางวงล้อมปรากฏคลื่นพลังไหลวนอยู่ที่พื้น ก่อนจะเกิดเป็นวงแหวนสีเขียวหมุนวนอย่างรุนแรงตามมาด้วยแสงสว่างวูบวาบ พร้อมกับการปรากฏตัวของหมีกริซลี่ยักษ์สูง 3 เมตร
โฮกกกก!!!
หมีกริซลี่คำรามลั่นทำเอาหัวหน้านักเลงใต้ดินและพวกสมุนของมันใบหน้าซีดขาว ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ตัวแข็งทื่อ ขาสั่นจนก้าวไม่ออก
“ผู้ครองพลัง...ทำไมเด็กนั้นถึงเป็นผู้ครองพลังไปได้ ผู้สร้างจิตวิญญาณอย่างนั้นเหรอ...” หัวหน้านักเลงแทบจะทรุดตัวลงทั้งตรงนั้น เพราะไม่คิดว่าในวันนี้มันจะเตะเข้ากับแผ่นเหล็กร้อนเข้าให้แล้ว แถมยังเป็นผู้สร้างจิตวิญญาณอีกด้วย
“ท่านลูอิสฉันจัดการพวกมันได้ใช้ไหมคะ” เจียน่าไม่ได้ลงมือในทันที แต่ก้มหน้าถามลูอิสก่อน
“อืม” ลูอิสเพียงพยักหน้ารับคำหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นการตัดสินความเป็นตายของนักเลงทั้ง 8 คนในทันที
“หมีน้อยจัดการพวกมันให้หมด” เจียน่ากล่าวกับหมีกริซลี่ที่อัญเชิญออกมา
หมีกริซลี่คำรามออกมาจากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีศัตรูที่อยู่ด้านหน้าทันที ซึ่งพวกนักเลงที่เป็นคนธรรมดานั้น โดนตบด้วยอุ้งเท้าที่มีกรงเล็บแหลบคมเพียงที่เดียวก็ทำให้ตัวของพวกนั้นลอยไปหลายตลบ พร้อมกับสร้างบาดแผลฉีกขาดลึกให้กับร่างกาย
ซึ่งทำให้พวกมันนั้นตายในวินาทีต่อมาทันที
หมีกริซลี่ฉีกร่างสังหารพวกนักเลงอย่างโหดร้าย ซึ่งเป็นการสังหารเพียงฝ่ายเดียว พวกนักเลงไม่คิดจะสู้แม้แต่น้อย พวกมันสูญเสียความคิดที่จะโต้กลับไปแล้ว นอกจากความคิดที่ว่าต้องหนีไปจากที่นี่ แต่ก็ไม่มีใครหนีรอดไปได้ เพราะความเร็วของหมีกริซลี่นั้นไม่น้อยเลย แถมระดับของมันนั้นสูงถึง lv.10 เท่ากับผู้ครองพลังระดับ 1 ดาวเลยทีเดียว
“ไม่...อย่า ๆ ฆ่าฉัน” หัวหน้านักเลงกรีดร้องออกมา พยายามวิ่งหนี หลังจากที่เห็นว่าหมีกริซลี่สังหารนักเลงคนอื่น ๆ จนหมดแล้ว
แต่มันวิ่งไปแค่ถึงประตูโกดังเท่านั้นก็โดนหมีกริซลี่ที่วิ่งตามมาตบเข้าไปที่ช่วงล่างของเอวจนตัวนั้นหมุนสามตลบ ขาข้างหนึ่งขาดลอยไปพร้อมกับตัว ก่อนจะหล่นดังตุบ อยู่ในสภาพเลือดโชกไปทั้งตัว ถึงแบบนั้นด้วยความกลัวก็ทำให้หัวหน้านักเลงนั้นยังคงกรีดร้องและตะเกียกตะกายเพื่อหนีอย่างสุดชีวิต
“จะฆ่าฉันไม่ได้ พวกแกฆ่าฉันไม่ได้ ฉันคือคนของนายน้อยมาลก้า ถ้า...อ๊าก..ถ้าพวกแกฆ่าฉัน นายน้อยมาลก้าจะต้องฆ่าพวกแกแน่” หัวหน้านักเลงไขว่คว้าความหวังสุดท้ายโดยการใช้ชื่อนายน้อยของตนมาข่มขู่ แต่เจียน่ากลับไม่สนใจคำพูดของมันแม้แต่น้อย
ที่จริงเธอไม่คิดจะฟังด้วย หมีกริซลี่เดินเข้าไปหาหัวหน้านักเลง ก่อนจะจับร่างของมันขึ้นมาและใส่เข้าไปในปากก่อนจะกัดลงไปเต็มแรงจนช่วงหัวและไหลหายเข้าไปในปากของหมีกริซลี่
ทารกน้อยลูอิสที่ตอนนี้ยกมือขึ้นมาปิดตา เพราะทนดูฉากสยองไม่ได้ แต่ก็แอบแง้มมือไว้เล็กน้อยเพราะความอยากรู้อยากเห็นนั้นมีมากกว่า
‘โหดมากสมกับเป็นการโจมตีของสัตว์ป่า’ ลูอิสมองผ่านมือน้อย ๆ ถึงอย่างนั้นลูอิสก็ยังมั่นใจว่าสามารถเอาชนะมันได้อยู่
หมีกริซลี่โยนศพทิ้งไปจากนั้นก็กลับไปยืน 4 ขาข้าง ๆ เจียน่าและเลียอุ้งเท้าเพื่อทำความสะอาดเลือดสด ๆ ที่เลอะอยู่
อาร์มันโด้ที่อึ้งไปแล้วตั้งแต่หมีกริซลี่ถูกอัญเชิญออกมา เขามองไปทางเด็กสาวก่อนจะกลืนน้ำลายเพราะรู้สึกคอแห้งจากอาการตกใจกลัว ระดับเดียวกับเขาถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นถ้าหมีนั้นโจมตีตนเอง อาร์มันโด้เชื่อว่าตนคงตายไปแน่นอน
ตอนนี้ในที่สุดอาร์มันโด้ก็เข้าใจว่าทำไมทั้งท่านลูอิสและเจียน่าถึงไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อยและมาช่วยหมอเทรย์เวอร์จากนักเลงพวกนี้ทันที อย่าว่าแต่นักเลงพวกนี้เลย แม้แต่นักล่าในเขตของชุมชนอพยพก็ไม่มีใครทำร้ายทั้งสองได้
อาร์มันโด้ไม่รู้ว่าลูอิสสเองก็มีพลังระดับ 1 ดาวเช่นกัน ถ้ารู้เขาคงตกใจมากกว่านี้แน่นอน