562 - โลกอันยิ่งใหญ่
562 - โลกอันยิ่งใหญ่
“ก่อนหน้านี้ก็เป็นพี่ชายของข้า ในตอนนี้แม้แต่เด็กหญิงคนหนึ่งพวกเจ้าก็กล้ารังแกนาง!”
เจียงอี้ไม่สามารถระงับความโกรธได้ เขาชี้หน้าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์คนปัจจุบันของตระกูลเจียงและเริ่มตะโกนด่า
“ชีวิตของถิงถิงมีราคาแพงกว่าลูกหลานของเจ้าร้อยเท่า ถ้าลูกหลานของเจ้าโผล่หัวออกมาข้าจะฆ่ามันและข้าจะฆ่ามันอีก!”
“นอกจากนี้เจียงไฮ่เฉิงยังเป็นลูกชายคนเดียวของพี่ชายของข้าและข้าเป็นอาของเขา! พาเขากลับไปที่ตระกูลเจียงทันที เขาต้องมีชีวิตอีกพันปี หากพวกเจ้าทำไม่ได้ข้าจะฆ่าลูกหลานของเจ้าพันคน”
ใบหน้าของผู้คนในตระกูลเจียงจากสายตระกูลราชันย์ศักดิ์สิทธิ์คนปัจจุบันเต็มไปด้วยความอับอายและโกรธแค้น มนุษย์ธรรมดาจะมีชีวิตถึงพันปีได้อย่างไร
"อีกไม่นานข้าจะไปเยี่ยมพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่อย่างมีความสุข คนที่ข้าจะฆ่าก่อนคือลูกชายของเจ้า"
โจรผู้ยิ่งใหญ่ลำดับเก้าพูดชี้หน้าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงพร้อมกับถือหม้ออสูรกลืนสวรรค์เตรียมจะเดินทางจากไป
"พอได้แล้ว ไม่มีใครทำอะไรพวกเขาได้เมื่อข้าอยู่ตรงนี้" เจียงอวิ๋นออกมาข้างหน้าเพื่อเกลี้ยกล่อมเจียงอี้
เจียงอี้ไม่ได้สนใจพี่ชายของเขาแม้แต่น้อย เขาจับตัวเจียงอี้เฉินออกมาบดกระดูกและกล่าวว่า
“หากเจ้ากล้ารังแกพวกเขาอีกแม้แต่บิดามารดาของเจ้าก็เตรียมตัวตายได้เลย!”
ใบหน้าของเจียงอี้เฉินไร้สีเลือดแต่เขาไม่กล้าส่งเสียงอะไรแม้แต่คำเดียว เขารู้นิสัยของบรรพบุรุษเฒ่าผู้นี้ มีตำนานมากมายเกี่ยวกับโจรผู้ยิ่งใหญ่คนที่เก้า แม้ว่าเจียงอวิ๋นจะเป็นปู่แท้ๆของเขาก็ไม่สามารถรักษาชีวิตของเขาไว้ได้อย่างแน่นอน
……………….
สองวันต่อมาตู้เฟยและจักรพรรดิดำข้ามความว่างเปล่ามาถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ เย่ฟ่านรอรับพวกเขาเป็นการส่วนตัว
พอเข้าเมืองจักรพรรดิดำก็ทักทายคนไปทั่วโดยเฉพาะเมื่อเห็นสาวกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มันจะรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“ไม่เจอกันนาน คิดถึงพวกเจ้าจริงๆ..”
“คิดถึงอะไร!”
ลูกศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์คำรามด้วยความโกรธ! เจ้าหมาตัวร้ายตัวนี้ได้ทิ้งเงาดำไว้ในใจใครหลายคน
“ข้ารู้จักนาง เราเคยมีความหลังกัน ครั้งหนึ่งพวกเราเคยชมดอกไม้ท่ามกลางหิมะรวมทั้งท่องกวีในค่ำคืนที่แสงจันทร์สาดส่อง”
“ใครเคยมีสิ่งนี้กับเจ้า ...” สตรีบางคนโกรธมาก
“ลืมไปหรือ คืนนั้นเป็นคืนที่มีหิมะตก ลมหนาวพัดมา เรามีสงครามที่ยิ่งใหญ่บนทุ่งน้ำแข็ง”
ระหว่างทางเข้าไปในเมืองสุนัขดำตัวใหญ่ทักทายผู้คนอย่างกระตือรือร้น ราวกับว่าไม่มีผู้คนที่มันไม่รู้จัก
"เรารู้จักกันด้วย คืนนั้นลืมไม่ลงจริงๆ!"
“ไอ้หมาบ้าใครมีคืนนั้นกับเจ้า พูดเรื่องอะไร!” คนอีกกลุ่มหนึ่งตัวสั่นด้วยความโกรธ
ไม่นานสุนัขสีดำตัวใหญ่ก็มองเห็นเป้าหมายใหม่อีกครั้ง มันรีบโบกมือแล้วตะโกนว่า
"พวกเจ้าอย่าวิ่งนะ ข้าจำได้ว่าพวกเจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงมนุษย์ของข้า......"
"ฆ่าสุนัขตัวนี้ซะ!" ผู้คนมากมายมารวมตัวกัน
“เจ้าจะทำอย่างไร ข้าสูญเสียสัตว์เลี้ยงมนุษย์และต้องการเอามันกลับมา เจ้าอยากจะหยุดข้าหรือ”
"ไอ้บ้า หุบปากซะ" ตู้เฟยทนไม่ไหวอีกต่อไป ไม่นานก่อนที่พวกเขาจะเข้าเมือง พวกเขาเกือบจะเป็นศัตรูกับชาวเมืองทุกคน
“ในเมื่อเจ้าต้องการเรียนรู้วิชาของจักรพรรดิปราศจากจุดเริ่มต้นเจ้าก็ควรทำตัวให้เป็นศัตรูกับทุกคนอยู่แล้ว!” สุนัขสีดำตัวใหญ่พูดจาแข็งกร้าวและชอบธรรม
“ให้ข้าอยู่อย่างสงบสุขเถอะ!” เย่ฟ่านอยากจะเตะมันจริงๆ
“ได้ๆ” ในที่สุดสุนัขสีดำตัวใหญ่ก็หยุดทักทาย แต่จ้องไปที่หลี่เหอซุยถัดจากเย่ฟ่านและพูดว่า
"ตัวเจ้าดำมาก!"
'"ข้า...... หมาตัวนี้พูดจาได้เลวบัดซบจริงๆ” หลี่เหอซุยพูดอะไรไม่ออก
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ผู้ฝึกตนในเมืองศักดิ์สิทธิ์กำลังพูดคุยกันไม่หยุดหย่อน ร่างเซียนโบราณจะเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้ว ดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วน
หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆบางทีอาจหมายความว่า สวรรค์และปฐพีได้เริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง!
ในสวรรค์และปฐพีในปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ได้ปรากฏตัวในร่างศักดิ์สิทธิ์มากมายเกินกว่าที่ควรจะเป็น ตัวอ่อนเต๋าโดยกำเนิดก็เข้าสู่โลกแล้ว ร่างอสูรสวรรค์ก็มีข่าวลือ...อย่าบอกนะว่าร่างราชันย์โบราณทุกชนิดจะเข้าสู่โลกพร้อมกัน?
ถ้าเป็นเช่นนั้นบางทีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อาจปรากฏขึ้นในโลกนี้อีกครั้ง?
เมื่อทุกคนนึกถึงสถานการณ์นี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท่วมท้นไปด้วยอารมณ์ ภายใต้ทะเลแห่งดวงดาวที่ไม่มีที่สิ้นสุด การต่อสู้ของยอดฝีมือวัยเยาว์เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จะเข้มข้นมากแค่ไหน
…………….
หลังจากที่เย่ฟ่านมาที่โลกนี้เขาก็ใช้ชีวิตอย่างไร้บ้านและอนาถาเขาหลบหนี ดิ้นรนเอาชีวิตรอด และตอนนี้เขาก็สามารถเผชิญหน้ากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสันติ
หลายวันมานี้ เขาได้ตอบรับคำเชิญจากมหาอำนาจมากมาย ไปงานเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง และจัดการกับผู้ฝึกตนหลายคน เมื่อมีเบื้องหลังอันยิ่งใหญ่เขาก็สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้เช่นลูกหลานของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น
“ร่ำสุราร่ายกวี ความงามแห่งชีวิต” เย่ฟ่านพึมพำอย่างผ่อนคลาย
“ดูเหมือนพวกเราจะเริ่มเมาแล้ว…” หลี่เหอซุยเขย่าจอกเหล้าและมองดูดวงจันทร์
“เจ้าตัวดำมาก...” จักรพรรดิดำยังคงเยาะเย้ยจากด้านข้าง
“ไอ้หมาบ้า เจ้าพูดตั้งหลายรอบแล้วไม่ใช่หรือไง!”
หลี่เหอซุยโกรธจัด ผู้คนรอบๆต่างหัวเราะกัน บรรยากาศสนุกสนานและคึกคัก มันเป็นเรื่องยากจริงๆสำหรับพวกเขาที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแบบนี้
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ความบันเทิงประเภทนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในทุกๆวันพวกเขาจะต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงของมหาอำนาจต่างๆ และดื่มสังสรรค์กับทายาทของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และตระกูลขุนนางโบราณ
วันนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุดเซียงอี้เฟย และบุตรศักดิ์สิทธ์ร้อยนิกายเป็นเจ้าภาพในงานเลี้ยง ซึ่งแน่นอนว่าพวกเย่ฟ่านก็ตอบตกลงด้วยดี
จนถึงช่วงดึกที่การสังสรรค์ริมทะเลสาบสิ้นสุดลง ผู้ยิ่งใหญ่วัยเยาว์คนอื่นๆจึงจากไป
เมืองศักดิ์สิทธิ์ยังคงสว่างไสวในตอนกลางคืน นี่คือเมืองโบราณที่ไม่เคยเปลี่ยวเหงา
“ข้าหวังว่าเจ้าจะถอนคำสาปได้ ไม่อย่างนั้นต่อให้จับตัวเจ้าได้ก็ไร้ประโยชน์”
ในขณะนี้เด็กชายอายุสิบสามหรือสี่ขวบมาจากฝั่งตรงข้าม เสื้อผ้าของเขาพลิ้วไหวราวกับเซียนน้อยผู้ศักดิ์สิทธิ์
แน่นอนว่าคนคนนี้ต้องเป็นเป็นเซี่ยจี้โหยว เขาจ้องไปที่เย่ฟ่าน และกล่าวว่า
"ข้ารอเจ้าอยู่ที่อาณาจักรสี่สุดขั้ว”
“เจ้าเป็นเด็กขนดกหรือสาวน้อย”
จักรพรรดิดำเริ่มเมามายจึงพูดจาเพ้อเจ้อ เซี่ยจี้โหยวพ่นลมอย่างเย็นชา เขายื่นฝ่ามือสีขาวราวกับหิมะออกมาคว้าจักรพรรดิ์ดำและฟาดลงกับพื้น
"เอ๋ง!"
ความว่างเปล่าสั่นสะท้านและแผ่นจารึกโบราณลึกลับปรากฏขึ้น ติดอยู่กับปลายนิ้วของเซี่ยจี้โหยว เขาเตรียมที่จะโจมตีจักรพรรดิดำอีกครั้ง
"เด็กน้อยเจ้าโอหังเกินไปแล้ว"
หลี่เหอซุยเปิดปากของเขาและพ่นระฆังขนาดใหญ่เพื่อปิดกั้นแผ่นจารึกโบราณของเซี่ยจี้โหยวทำให้เสียงระฆังดังไปทั่วทั้งเมืองศักดิ์สิทธิ์
จักรพรรดิดำถูกทุบตีและถูกโยนออกไป แต่มันไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย มันยังคงลุกขึ้นยืนและตะโกนว่า
“นี่มันเป็นนางมารร้ายตัวน้อยชัดๆ แม้กระทั่งก่อนยุครกร้างโบราณก็มีคนแบบนี้เพียงไม่กี่คน!”
เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้ามองไปที่เซี่ยจี้โหยวอย่างสงบและพูดว่า
"ต้องการต่อสู้กับข้างั้นรอสองสามวัน ถ้าข้าเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วได้เมื่อไหร่คู่ต่อสู้คนแรกของข้าจะเป็นเจ้า!"
“อย่ายอมแพ้ก่อนที่ข้าจะสนุกก็แล้วกัน!”
เซี่ยจี้โหยวยังคงมีท่าทีเย่อหยิ่ง เขาไม่ได้มองเย่ฟ่านอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
มีคนจากมหาอำนาจหลายแห่งอยู่สองข้างทางของถนน และผู้ฝึกตนจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น
“เจ้าเป็นเด็กขนดกหรือสาวน้อย”
จักรพรรดิดำยังไม่ละความพยายามที่จะถามคำถามนี้
“เจ้าหมาชั่วร้าย ข้าถลกหนังเจ้า!” เซี่ยจี้โหยวโกรธ
“นายน้อยใจเย็นๆ อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม” ในตอนนี้มีผู้อาวุโสสองคนออกมาขวางหน้าเซี่ยจี้โหยว พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้นายน้อยสร้างความขุ่นเคืองแก่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าได้