534 - การตัดสินใจของอวิ๋นซี
1844 - การตัดสินใจของอวิ๋นซี
ใบหน้าของคนเหล่านี้ดูแข็งกร้าวในทันที เขาไม่ได้เป็นคนพิการแต่ยังมีเวลาเหลืออีกหนึ่งเดือน?
หลายคนเหงื่อแตกและรู้สึกปวดหัวอย่างยิ่ง เป็นเพราะพวกเขาประมาทเกินไปจริงๆในตอนแรกพวกเขาคิดว่าฮวงกลายเป็นคนพิการไปแล้ว
แม้จะมีบางคนลอบด่าสือฮ่าวอยู่ข้างในแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะกล่าวออกมาตรงๆต่อหน้าเขา?
ผู้คนที่ไม่ได้พูดอะไรในตอนแรกรู้สึกโล่งใจเพราะว่าพวกเขาไม่ถูกสือฮ่าวชี้
ใบหน้าของปรมาจารย์นิกายหยกงามเต็มไปด้วยความเสียใจและไม่พอใจอย่างมาก เพราะเขาเป็นคนหนึ่งที่ถูกสือฮ่าวชี้
ในที่สุดทุกคนก็ค่อยๆกระจัดกระจายออกไป
พวกเขาทั้งหมดมีอารมณ์ที่แตกต่างกันบางคนไม่พอใจบางคนหัวเราะเสียงดังอยู่ข้างใน
อย่างไรก็ตามข่าวเรื่องนี้ก็แพร่กระจายออกไปราวกับพายุร้ายพัดถล่มพื้นที่สามพันแคว้น
ข่าวของฮวงที่ถูกทำให้พิการถูกแจ้งไปยังนิกายใหญ่ๆในสามพันแคว้นทั้งหมด
“สหายน้อยเราเสียใจจริงๆ!”
ผู้สูงสุดของสำนักเซียนและสำนักปราชญ์เดินออกมาจากความว่างเปล่า ผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองต่างพากันเสียใจและโกรธแค้นอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
พวกเขารู้สึกละอายใจอย่างมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสือฮ่าว
“ไม่ใช่ความผิดของผู้อาวุโส” สือฮ่าวกล่าว
เป็นเพราะคนที่ลงมือนั้นคือผู้อมตะของตำหนักเซียน หากสิ่งมีชีวิตสูงสุดทั้งสองไม่เลือกที่จะกลับเก้าสวรรค์เบื้องบน พวกเขาก็น่าจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากเช่นกันบางทีอาจต้องตายที่นี่ด้วย
ผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองไม่ใช่คนที่ไม่มีความยืดหยุ่น แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ยังรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาทำผิดต่อสือฮ่าว
หลังจากปลอบใจและถอนหายใจในบางครั้งผู้สูงสุดทั้งสองก็จากไป พวกเขานำธงสงครามเลือดเหล็กกลับไปที่เก้าสวรรค์เบื้องบนด้วย
หลังจากความปั่นป่วนโกลาหลอยู่พักใหญ่ ในที่สุดตระกูลฉินก็ค่อยๆเงียบลง
“ไปกันเถอะอวิ๋นซีเราควรออกไปเช่นกัน” ผู้อาวุโสของตระกูลเทพสวรรค์กล่าว
แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาในตอนแรก ทั้งไม่ได้เยาะเย้ยสือฮ่าว แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถอดกลั้นตัวเองไว้อีกต่อไป ที่มุมปากของเขามีรอยยิ้มขึ้นมา
ตอนนี้ฮวงพิการไปแล้วไม่มีสิ่งที่เขาต้องกังวลอีก ไม่จำเป็นต้องรู้สึกหวาดกลัวใดๆ ในที่สุดเด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ระดับผู้สูงสุดได้
ผู้สูงสุดของตระกูลเทพสวรรค์หัวเราะออกมาด้วยความสุข เขาต้องการที่จะพาอวิ๋นซีออกไป
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คืออวิ๋นซีปฏิเสธคำเรียกหาของเขาอย่างสิ้นเชิง
"เจ้าเป็นอะไรไป? เขาพิการไปแล้วในอนาคตเมื่อบรรพบุรุษโบราณออกมาเจรจากับเซียนอมตะฉินเราจะได้ศิลาสวรรค์อมตะคืน เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป” ผู้อาวุโสของตระกูลเทพสวรรค์กล่าว
“ไม่ผู้อาวุโส ข้าจะอยู่ที่นี่กับเขา!” อวิ๋นซีกล่าว
“เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ? เขาพิการไปแล้วไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้อีกต่อไป!” ผู้อาวุโสของตระกูลเทพสวรรค์ตกตะลึงเล็กน้อยไม่เข้าใจในความคิดนาง
เป็นเพราะก่อนหน้านี้เมื่อเขานำอวิ๋นซีมาที่ตระกูลฉินนางก็ต่อต้านอย่างถึงที่สุดโดยแสดงเจตจำนงว่าจะไม่มีทางแต่งเข้าตระกูลฉินอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามตอนนี้ทำไมนางถึงต้องการอยู่ที่นี่?
ผู้อาวุโสของตระกูลเทพสวรรค์ไม่เข้าใจจริงๆ
“ก่อนหน้านั้นสือฮ่าวนั้นสูงส่งและยิ่งใหญ่พลังของเขาทำให้พวกท่านหวาดกลัว การที่พวกท่านส่งข้ามาเพื่อให้ติดตามเขาทำให้ข้ารู้สึกอับอายอย่างยิ่ง” อวิ๋นซีกล่าว
“ศักดิ์ศรีของเราเหล่าเทพสวรรค์อยู่ที่ไหน? การที่พวกท่านทำอย่างนี้ทำให้สายเลือดตระกูลเทพสวรรค์ต้องรู้สึกอัปยศอดสู”
“ตอนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาและข้าเต็มใจจะอยู่ที่นี่เพื่อเริ่มต้นใหม่ไปกับเขา ในอดีตเขาพาข้าฝ่าฟันอันตรายเป็นระยะทางนับแสนลี้ในที่สุดก็พาข้าไปถึงตระกูล แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับเป็นการปฏิบัติอย่างโหดร้ายของพวกท่าน”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแม้ว่าเขาจะกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง แต่ข้าก็จะติดตามเขาและดูแลเขาไปตลอดชีวิต”
อวิ๋นซีกล่าวออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวโดยไม่ยอมรับการตัดสินใจของผู้อาวุโสตระกูลเทพสวรรค์
สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของผู้อาวุโสของตระกูลเทพสวรรค์เปลี่ยนไปทันที
"เจ้าบ้าไปแล้ว! เจ้าพยายามจะทำอะไร?!"
“ข้าเคยทำให้เขาผิดหวังมาก่อน นับจากนี้เขาจะไม่ผิดหวังในตัวข้าอีกแล้ว!” การตัดสินใจของอวิ๋นซีนั้นมั่นคงไม่มีความลังเล
“ในตอนที่เขารุ่งโรจน์ข้าเพียงสามารถมองเขาจากระยะไกลเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาอ่อนแอลงแล้วข้าต้องการที่จะอยู่กับเขาตลอดไป!” อวิ๋นซีหันกลับมาและเดินเข้าไปในห้องโถงของตระกูลฉิน
ภายในตระกูลฉิน สือฮ่าวถูกล้อมรอบไปด้วยกลุ่มคนมากมายที่ต้องการช่วยเหลือเขา แต่เขาก็ปฏิเสธทุกคน
เขาไม่ยอมให้พ่อแม่หรือน้องชายแตะต้องตัวเขาด้วยซ้ำ
“พลังแห่งคำสาปประเภทนี้ดำรงอยู่ในตัวของข้า พวกท่านไม่อาจแตะต้องตัวข้าได้จนกว่าข้าจะค้นพบวิธีจัดการมัน”
ในเวลานี้อวิ๋นซีเดินเข้ามารวมกลุ่มกับพวกเขา ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็มึนงงไม่เข้าใจ
ฉินอี้หนิงแม่ของสือฮ่าวก็มีสีหน้างุนงงเช่นเดียวกัน นางไม่คิดว่าหญิงสาวของตระกูลเทพสวรรค์จะกลับมา
“สือฮ่าวเจ้าอย่ากังวลไปเลยข้ารู้ว่าเจ้าต้องมีวิธีจัดการมันได้แน่…” อวิ๋นซีปลอบโยนเขา
“แม่นางเจ้าไม่กลับไปหรือ?…” สือจื่อหลิงกล่าวเบาๆ
“นับแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะติดตามดูแลเขาไปตลอดชีวิต” อวิ๋นซีกล่าวอย่างสงบ ยิ่งกว่านั้นนางยังเดินไปยืนเคียงข้างสือฮ่าว
“นี่…” ทุกคนมึนงง
“เจ้าจะทำอะไร? อีกไม่นานข้าจะไม่ต่างจากคนธรรมดา มันไม่เหมาะที่เจ้าจะกลับไปยังอาณาจักรที่ต่ำกว่ากับข้าเลย” สือฮ่าวส่ายหัว
“ข้าต้องการกลับไปที่หมู่บ้านหินผากับเจ้า ข้ารู้สึกเหนื่อยหน่ายกับโลกเบื้องบนแล้ว” อวิ๋นซีกล่าว
เมื่อเทียบกันแล้วในตอนนี้นางเป็นคนเปิดเผยและมีความกล้าที่จะพูดความในใจออกมา ถ้าเมื่อหลายปีก่อนนางจะไม่สามารถกล่าวคำเหล่านี้ออกมาอย่างแน่นอน
“เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะ ในทางกลับกันข้าจะกลับไปใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชนธรรมดาเป็นเวลาหลายปีอาจทำให้เจ้าได้รับความลำบากอยู่บ้าง หวังว่าเจ้าคงไม่รู้สึกเบื่อหน่ายไปก่อนหรอกนะ?” สือฮ่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สิ่งนี้ทำให้ฉินอี้หนิง สือจื่อหลิงและคนอื่นๆตกตะลึง พวกเขาเห็นว่าสือฮ่าวไม่ได้แสร้งทำเป็นดูมีความสุข ในสถานการณ์เช่นนี้เขามีความผ่อนคลายได้อย่างไร
ลูกชายคนโตของพวกเขาต้องใจแข็งแค่ไหนถึงสามารถมีรอยยิ้มในสถานการณ์เช่นนี้ได้? เขาไม่รู้สึกเศร้าโศกหรือหดหู่ใจเลยเหรอ? บนใบหน้าของเขาไม่มีความรู้สึกวิตกกังวลแม้แต่น้อย เรื่องนี้ทำให้ทุกคนไม่เข้าใจจริงๆ
“เด็กเอ๋ยเจ้าอย่าเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว หากเจ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ” ฉินอี้หนิงพูดในขณะที่น้ำตาของนางไหลไม่หยุดเพราะนางกลัวว่าลูกชายคนโตของนางจะทำร้ายตัวเองด้วยการกระทำนี้
“ข้าไม่ได้เสแสร้งจริงๆ พวกท่านอย่ากังวลเลยข้ามีวิธีจัดการกับมันได้” สือฮ่าวกล่าวพลางเช็ดน้ำตาของฉินอี้หนิงเบาๆ
“จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ใหญ่ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะกลับมาสังหารผู้อมตะเหล่านั้นจนหมดสิ้นอย่างแน่นอน” ฉินฮ่าวกล่าว
ยิ่งไปกว่านั้นเขากล่าวเสริมว่า“ถ้าพี่ใหญ่ไม่ต้องการจัดการกับพวกมันด้วยตัวเอง สักวันหนึ่งข้าจะทำเรื่องนี้แทนเขา!”
เมื่อเขาได้ยินคำเหล่านี้แม้แต่สือฮ่าวก็ยังตะลึง เขาสบตากับน้องชายโดยไม่กล่าวอะไรออกมา
ตาของสือจื่อหลิงและฉินอี้หนิงเปลี่ยนเป็นแดงก่ำรู้สึกเจ็บหน้าอกที่เห็นลูกชายทั้งสองของตัวเอง
หลังจากนั้นไม่นานอวิ๋นซีก็นำซุปสมุนไพรมาให้สือฮ่าว โดยยืนอยู่เคียงข้างคะยั้นคะยอให้เขาดื่มลงไป
“ข้ายังไม่ได้พิการยังมีเวลาเหลืออีกหนึ่งเดือน” สือฮ่าวมองไปที่นาง
…
สามวันผ่านไปบางนิกายนำของขวัญที่ยิ่งใหญ่มาให้มากกว่าสิบเท่าของก่อนหน้านี้ แม้ว่าพวกเขาต้องทุกข์ทรมานจากการสูญเสีย แต่พวกเขาก็ไม่ยอมเสี่ยงเพราะกลัวว่าสือฮ่าวจะลงมือจริงๆ
อย่างไรก็ตามมีมหาอำนาจบางแห่งที่เพิกเฉยต่อคำพูดของสือฮ่าวโดยสิ้นเชิงเพราะพวกเขาสร้างความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ พวกเขาติดต่อไปยังตำหนักเซียนเพื่อขอความคุ้มครองพวกเขาจึงไม่หวาดกลัวต่อสือฮ่าว
“เขาพิการไปแล้วหากเขากล้าลงมือ ผู้อมตะของเราจะออกไปจัดการเขาเองพวกท่านสบายใจได้” ผู้สูงสุดตำหนักเซียนกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับรับของขวัญเป็นจำนวนมาก