เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 15
เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 15
"โจรเฒ่าตั๋งโต๊ะ หมิ่นเกียรติตระกูลอ้วนของข้าเช่นนี้ ข้าขอสาบานว่าจะต้องฆ่าเจ้าให้จงได้" เมื่ออ้วนเสี้ยวที่อยู่ในกระโจมได้ยินข่าวก็กระอักเลือด เขากัดฟันพลางสบถสาบานด้วยความโกรธเกรี้ยว
"ท่านผู้นำ ลิโป้เอาแต่ตะโกนท้าทายอยู่นอกด่านทั้งวัน ไม่ยอมเข้าตีเสียที ข้ายังได้ยินมาอีกว่าพอตกค่ำ พวกเขาก็เอาแต่สังสรรค์เฮฮา เกรงว่าเขาคงไม่มีความคิดบุกตีด่านแต่อย่างใด" อ้วนสุดไม่ลืมที่จะเหน็บแนมลิโป้
"เหอะ ด่านกิสุยก๋วนง่ายต่อการป้องกัน ยากที่จะโจมตี สิ่งของป้องกันด่านก็มีมากมาย บุกตีซี้ซั้วก็เท่ากับพาตัวไปตาย พวกเราเพิ่งพ่ายแพ้ในศึกใหญ่ ขวัญกำลังใจกำลังตกต่ำ แม่ทัพลิกระทำได้ดีแล้ว ท่านอย่าได้เอ่ยวาจาไร้สาระ" ซุนเกี๋ยนแค่นเสียง เวลานี้เขาค่อนข้างรู้สึกผิดหวังกับสองพี่น้องสกุลอ้วน นับตั้งแต่ก่อตั้งกองทัพพันธมิตรมา เหล่าเจ้าเมืองต่างก็เอาแต่พูดคุย ไม่ยอมลงมือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียที
"อย่าได้ลืมว่าแม่ทัพลิได้ตัดหัวขุนศึกศัตรู" กองซุนจ้านกล่าวเสริม
"แม่ทัพเจ้าเมืองทุกคนรับคำสั่ง จัดเตรียมไพร่พล เราจะบุกโจมตีด่านกิสุยก๋วนในไม่ช้า หากตีหักด่านไม่สำเร็จ ไม่ขอเลิกลา" อ้วนเสี้ยวตัดสินใจ เขาส่งลิโป้ไปตัดทอนกำลังข้าศึก ทว่าการเคลื่อนพลของตั๋งโต๊ะทำให้เหล่าเจ้าเมืองเริ่มวิตกกังวล หากว่าพวกเขาไม่บุกโจมตี ขวัญกำลังใจกองทัพคงไม่เหลือ
"ขอรับ" เจ้าเมืองทั้งหมดกุมมือรับคำ
สามวันต่อมา อ้วนเสี้ยวที่อยู่ในชุดเกราะเต็มยศก็โบกมือ "บุก!"
เสียงกลองปลุกใจทำให้ไพร่พลทัพพันธมิตรเลือดลมพลุ่งพล่าน ความหวาดกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับทหารเสเหลียงค่อยๆมลายหายไปตามจังหวะกลอง
เมื่อได้รับคำสั่ง ทหารกองทัพพันธมิตรมากกว่าแสนนายก็เริ่มบุกโจมตี พวกทหารแบกบันไดเมฆวิ่งโถมเข้าหากำแพง ที่ต้อนรับพวกเขาคือลูกธนูที่พุ่งลงมาดุจห่าฝน ชีวิตทหารก็เป็นเช่นนี้ ส่วนใหญ่ พอล้มลงแล้วก็ล้มลงไปตลอดกาล
ทหารตัวเล็กๆ แม้บาดเจ็บก็ไม่อาจถอยกลับ เสียงครวญครางของทหารที่บาดเจ็บค่อยๆถูกกลบกลืนไป ที่บาดเจ็บล้มลงก็แต่ได้เบิ่งตามองดูทหารชุดใหม่วิ่งโถมเข้าหากำแพงและล้มลงคนแล้วคนเล่า
ลิโป้เวลานี้อยู่ในทัพกลาง มองดูความโหดร้ายของสงครามอาวุธเย็น โดยเฉพาะต่อหน้าเมืองด่านที่แข็งแกร่งอย่างด่านกิสุยก๋วน หากเขาต้องการบุกตีเข้าไป สิ่งที่จำเป็นต้องจ่ายออกก็คือหยาดโลหิตและซากศพของเหล่าทหารเพื่อเปิดทางสู่ความสำเร็จ
สงครามครั้งนี้แตกต่างจากการทำศึกคุมเชิงกับตั๋งโต๊ะก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง ด่านแห่งนี้พึ่งพากำแพงที่สูงใหญ่และหนาทึบในการตั้งรับ ฝ่ายป้องกันเพียงคอยยิงธนูและทุ่มหินลงจากช่องกำแพง ข้าศึกก็จะตกตายไปโดยไม่ทราบด้วยซ้ำว่าศัตรูมีหน้าตาเป็นอย่างไร เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้เป็นแม่ทัพที่เก่งกล้าสามารถก็ไม่กล้าบอกว่าจะสามารถตีหักด่านโดยลำพัง พลังฝีมือส่วนบุคคลกลายเป็นถูกจำกัดไป
มองดูไพร่พลปิงโจวที่ค่อยๆล้มตาย ลิโป้ก็ราวกับถูกมีดกรีดหัวใจ เขายึดถือไพร่พลที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขเหล่านี้เสมือนพี่น้อง เป็นสหายร่วมเป็นตาย มาตอนนี้พี่น้องเหล่านั้นค่อยๆล้มหายตายจากเพียงชั่วกระพริบตา
"ท่านผู้นำ ในด่านมีทัพหนุนศัตรูจำนวนห้าหมื่น อีกทั้งเวลานี้ตั๋งโต๊ะยังบัญชาการศึกอยู่ภายในด่าน ยากที่จะพิชิตได้ในเวลาอันสั้น" ลิโป้กล่าวเกลี้ยกล่อม
"ท่านไม่ต้องพูดแล้ว หากไม่อาจตีหักด่านได้สำเร็จ ไม่ขอเลิกลา!" อ้วนเสี้ยวกล่าวเสียงเด็ดขาด
ทหารกองทัพพันธมิตรแทบจะทั้งหมดเป็นไพร่พลที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝน ส่วนใหญ่เป็นชาวไร่ชาวนา จับจอบจับเสียม เมื่อได้เห็นทหารฝ่ายเดียวกันล้มตายดุจใบไม้ร่วง หลายคนก็เริ่มแตกตื่น โยนอาวุธในมือทิ้งก่อนจะพยายามหลบหนีจากนรกบนดินแห่งนี้ แต่ที่ไล่ตามหลังพวกเขามาก็คือลูกธนู
ผ่านการบุกตีตลอดวัน ซากศพก็กองสุมซ้อนเป็นภูเขา ตามกำแพงเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต ประตูด่านที่ปิดอยู่ดูบิดเบี้ยวผิดรูปเล็กน้อย
"เรียนท่านผู้นำ กองทัพพันธมิตรสูญเสียไพร่พลและม้าแปดพันกว่าคน บาดเจ็บสาหัสสี่พันกว่าคน บาดเจ็บเล็กน้อยอีกนับไม่ถ้วนขอรับ" หลังจากที่ผู้รับผิดชอบตรวจนับไพร่พลรายงานขึ้นมา ลิโป้ก็สูดหายใจอย่างหนาวเหน็บ เพียงวันเดียวก็ตายไปแปดพันกว่าคนแล้ว
ที่อีกด้าน เหล่าเจ้าเมืองยังคงมีสีหน้าเป็นปกติ ดูเหมือนว่าจำนวนการตายเท่านี้จะเป็นเรื่องปกติสามัญในสงคราม อย่างไรเสียทุกคนในนี้ก็เคยนำทัพออกปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองมาก่อน ตอนนั้นยังตายมากกว่านี้อีก ในสงครามนั้น ชีวิตของคนก็มีค่าไม่ต่างจากต้นหญ้าริมทาง
"ถ่ายทอดคำสั่งลงไป พรุ่งนี้ให้บุกตีด่านอย่าได้หยุด!" อ้วนเสี้ยวสั่งการ
........
"ท่านแม่ทัพ ดูสีหน้าท่านไม่ค่อยดีเลยขอรับ" ระหว่างกลับที่พัก โจเส็งก็กล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วง
"ไม่มีอะไร เห็นทหารปิงโจวล้มตายตอนบุกตี ข้าก็รู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าใด"
"ท่านแม่ทัพรักไพร่พลประดุจลูกหลาน นับเป็นบุญวาสนาของพวกเขา แต่กองทัพชั้นยอดต้องผ่านศึกครั้งแล้วครั้งเล่า ค่อยกลายเป็นกองพลหมาป่า ออกสู้ศึกกับพวกคนเถื่อนอีกหลายครั้ง จึงค่อยกลายเป็นทัพแกร่งดังเช่นทุกวันนี้" โกซุ่นกล่าวปลอบใจ
"เฮ้อ ก็จริง! แต่เมื่อเห็นพวกเขาล้มตายกับตา ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจ" ลิโป้ถอนหายใจ
"สั่งการลงไป ให้จดบันทึกข้อมูลไพร่พลที่ตาย รักษาไพร่พลที่บาดเจ็บ เพิ่มจำนวนไพร่พลรักษาการณ์ตอนกลางคืน ป้องกันข้าศึกลอบโจมตีค่าย"
"ขอรับ!" โจเส็ง โกซุ่น กุมหมัดรับคำ ทัพปิงโจวเคยผ่านการฝึกตอนกลางคืนจากลิโป้มาแล้วหลายครั้ง เวรยามตอนกลางคืนจึงเข้มงวดเป็นพิเศษ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฮัวหยงเคยบุกโจมตีแล้วไม่ได้ผลลัพธ์อะไร
ดวงดาวส่องแสงประดับฟ้าเคียงคู่ดวงจันทร์ ค่ายของเหล่าเจ้าเมืองเองมีเวรยามหนาแน่น พวกเขาย่อมไม่ยอมผิดพลาดซ้ำสอง การสูญเสียไพร่พลและขุนศึกเวลานี้จะส่งผลต่อการสร้างผลงานและรางวัลตอบแทน อย่างซุนเกี๋ยนที่รู้จักกันในนามพยัคฆ์แห่งกังตั๋ง หลังจากสูญเสียไพร่พลที่นอกด่านกิสุยก๋วน อำนาจในการเจรจาต่อรองในหมู่เจ้าเมืองของเขาก็ลดน้อยลงไปด้วย
"เรียนท่านแม่ทัพ ที่นอกค่ายมีผู้อ้างตัวว่าเป็นสหายเก่าของท่านแม่ทัพมาขอเข้าพบท่านแม่ทัพขอรับ"
"หืม ที่นี่ยังมีสหายเก่าของข้าด้วยรึ? รีบเชิญเข้ามา" ซุนเกี๋ยนไม่ได้นึกสงสัยผู้มาแต่อย่างใด
"แม่ทัพซุนสบายดี?"
"ท่านคือ?" ซุนเกี๋ยนเอ่ยถาม
"อา ผู้น้อย ลิฉุย แม่ทัพใต้บัญชาของใต้เท้าอุปราชขอรับ" ลิยฉุยยิ้มพลางค้อมตัวคารวะ
"ฮึ่ม ที่แท้ก็สมุนของโจรเฒ่าตั๋งโต๊ะนี่เอง เวลานี้สองฝ่ายต่อสู้ทำศึก เจ้าไม่กลัวว่าแม่ทัพผู้นี้จะตัดหัวเจ้ารึ?" ซุนเกี๋ยนแค่นเสียงเย็น
"แม่ทัพซุนเป็นวีรบุรุษผู้กล้า ทุกคนล้วนทราบดี หากแต่ในหมู่เจ้าเมืองนั้นกลับมีผู้ที่ไม่ค่อยพอใจท่านอยู่" จากนั้นลิฉุยก็กล่าวต่อโดยไม่ปล่อยให้ซุนเกี๋ยนโต้แย้ง "แม่ทัพซุนคงยังไม่ลืมเรื่องที่อ้วนสุดกักตุนเสบียง ไม่ยอมส่งให้ท่านจนเป็นเหตุให้กองกำลังของท่านต้องพ่ายแพ้หรอกใช่หรือไม่? นี่น่ะหรือการปฏิบัติต่อพันธมิตรร่วมรบ? เทียบไม่ได้กับผู้ใต้บัญชาของท่านอุปราชแม้แต่น้อย เมื่อคืนกองทัพพันธมิตรยังพ่ายแพ้แก่กองทัพท่านอุปราช ท่านแม่ทัพเห็นหรือไม่ว่ากองทัพพันธมิตรอ่อนแอถึงเพียงไหน?"
"เรื่องของกองทัพพันธมิตรไม่ต้องให้เจ้าและโจรกบฏเข้ามายุ่ง แม่ทัพผู้นี้ขอถามเจ้าแล้วกัน ไฉนฮัวหยงจึงไม่กล้ายกทัพออกมารบ?" ซุนเกี๋ยนถามกลับ
"ไม่ช้าก็เร็ว พวกเราจะตีหักด่านเข้าไป กุดหัวโจรกบฏตั๋งโต๊ะ!" เทียเภาจ้องลิฉุยเขม็ง
"แม่ทัพซุนเข้าใจผิดแล้ว ท่านอุปราชให้การนับถือท่านแม่ทัพเป็นอย่างมาก ไม่ได้มีความคิดมุ่งร้ายแต่อย่างใดโปรดวางใจ ท่านอุปราชมีบุตรีอยู่ ต้องการจะยกให้แต่งงานกับบุตรชายของท่านแม่ทัพ สองตระกูลเกี่ยวดองกันเป็น......"
ซุนเกี๋ยนพลันเดือดดาล "ตั๋งโต๊ะต่อต้านฟ้าดิน ข่มเหงรังแกโอรสสวรรค์ การสังหารจะได้รับการสรรเสริญจากผู้คนทั่วแผ่นดิน แล้วข้าจะยอมยกบุตรชายให้แต่งงานกับตระกูลโจรกบฏได้อย่างไร? ระหว่างสองทัพสู้รบไม่ฆ่าทูตเจรจา เจ้าไปซะ กลับไปบอกโจรเฒ่าตั๋งโต๊ะ ให้รีบออกจากด่านมารับความตายโดยเร็ว"
"ท่านแม่ทั......" เมื่อเห็นว่าเหล่าแม่ทัพนายกองในกระโจมต่างจ้องมองมาอย่างดุร้าย เขาก็ตื่นตกใจ รีบกุมมืออำลาจากไปโดยเร็ว
เมื่อได้รับรายงานจากลิฉุย ลิยูก็เสนอแผนการ "ท่านอุปราช เวลานี้เหล่าเจ้าเมืองกำลังอยู่ในสภาวะเข้มแข็ง ควรรออีกสักหลายวัน รอให้พวกมันบุกตีด่านจนอ่อนล้าก่อน ถึงตอนนั้นค่อยบุกออกไป"