เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 90
ตอนที่ 90
นั่นย่อมเป็นวังเหว่ยต้าเต๋า มันคือสมบัติวิญญาณที่ราชวงศ์อมตะใช้เวลาที่พวกเขาออกมาภายนอก เมื่อวังนี้ปรากฏขึ้น ปรากฏการณ์บางอย่างจะเกิดตามเช่นกัน ไม่เพียงแค่เมฆหมอกขาวกระจ่าง มวลบุปผาผลิบาน และขนนกแห่งแสงปรากฏขึ้นเท่านั้น ยังมีดอกไม้หยก สมุนไพรวิเศษ สัตว์เทพ และวิหคอมตะบางส่วนลอยตามมา...
ในทิศทางนั้น เมื่อพวกเขาเคลื่อนที่มาถึงจุดหมาย วังลอยฟ้าก็หยุดลง หลังจากนั้นก็มีร่างเงาจำนวนหนึ่งเหาะลงมา ทางราชวงศ์อมตะมีกฎของตนอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด ทว่าเหล่าศิษย์ของราชวงศ์มิได้รับอนุญาตให้รังแกผู้อื่น เพราะเหตุนี้ชื่อเสียงของราชวงศ์จึงดีเยี่ยมตลอดมา
ร่างที่ปรากฏขึ้นเป็นชายหนึ่งและหญิงอีกสอง พวกเขาแต่งกายด้วยชุดคลุมสีทองหรูหราประดับประดาด้วยขนนกสีขาวบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง รูปร่างหน้าตาของพวกเขาย่อมเหนือกว่าคนธรรมดาสามัญ พวกเขาหยุดวังลอยฟ้าไม่ไกลจากจวนสกุลหลินก่อนจะค่อยๆ เหาะลงมาอย่างช้าๆ
“นี่....พวกเขาเป็นคนของราชวงศ์อมตะจริงหรือ?”
“นั่นมัน...ราชทูตของราชวงศ์อมตะ!”
“คุณพระช่วย พวกเขามาเยือนอาณาจักรฉีซานแห่งนี้จริงๆ พวกเขามาเพื่อแสดงความยินดีแก่บรรพบุรุษตระกูลหลินที่สามารถเลื่อนขั้นสู่แดนก่อตั้งจิตได้เช่นนั้นหรือ?”
เหล่าผู้คนโดยรอบที่เป็นกองกำลังและตระกูลใหญ่ของฉีซานต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยิ่งนัก สายตาจับจ้องไปยังร่างทั้งสามด้วยดวงตาแฝงความรู้สึกมิอาจทำใจให้เชื่อลงได้
แม้ว่าอาณาจักรฉีซานจะถือว่าเป็นอาณาจักรใหญ่โตแห่งหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นเพียงพื้นที่เล็กๆ ในสายตาของราชวงศ์อมตะ แทบจะไม่มีผู้ใดในฉีซานที่ได้พบเห็นรูปลักษณ์แท้จริงของคนจากราชวงศ์มาก่อน พวกเขาเพียงเคยได้ยินข่าวลือที่เล่าต่อกันมาเท่านั้น
“ยู่ตู่เฟยแห่งราชวงศ์อมตะของแสดงความยินดีแก่ท่านหลินที่สามารถบรรลุดินแดนปราณก่อตั้งจิตได้สำเร็จ! และขอแสดงความยินดีกับการถือกำเนิดของเซียนน้อยสกุลหลิน!”
ชายที่เป็นผู้นำของคนจากราชวงศ์เป็นวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สะอาดสะอ้านและดูมิสามัญ ทั่วร่างของเขามีประกายแสงเบาบาง และสามารถมองเห็นแสงสว่างเจิดจ้าในดวงตา เขายิ้มก่อนจะประสานมือคารวะอยู่ด้านหน้าจวนสกุลหลิน
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินถ้อยคำของยู่ตู่เฟย ม่านตาของพวกเขาก็หดเล็กลงเหลือเท่าปลายเข็ม!
ชายคนนั้นว่าอย่างไรนะ? ยู่ตู่เฟย? เขาคือคนจากตระกูลยู่จริงหรือ? ต้องรู้ก่อนว่าสกุลยู่นั้นเป็นตระกูลหนึ่งที่มีสายสัมพันธ์บางประการกับตระกูลของจักรพรรดิราชวงศ์อมตะ!
เวลาต่อมา ปรากฏรอยแยกบนท้องฟ้า บรรพชนหลินก้าวเดินออกมาจากตรงนั้นในชุดคลุมสีขาวสว่าง แขนเสื้อของปลิวไสวไปตามกระแสลม
เมื่อบรรพบุรุษสกุลหลินมองเห็นยู่ตู่เฟย เขาเองก็อดมิได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
ชายชราไม่คาดคิดว่าการเลื่อนขั้นของเขาจะได้รับความสนใจจากคนในราชวงศ์อมตะมาก่อน อย่าได้กล่าวถึงผู้ยิ่งใหญ่เช่นยู่ตู่เฟยคนนี้
แม้ผู้อื่นอาจจะไม่ทราบว่ายู่ตู่เฟยคือใคร ทว่าว่าบรรพชนแซ่หลินกลับรู้ว่าไม่เพียงเขาจะมีสายสัมพันธ์กับตระกูลของจักรพรรดิเท่านั้น เขายังเป็นอาวุโสผู้หนึ่งซึ่งมีชีวิตมาอย่างยาวนาน ถึงขั้นกำเนิดอยู่ในยุคเดียวกับบรรพบุรุษสกุลหลินเสียด้วยซ้ำ!
บรรพชนแซ่หลินแย้มยิ้มพร้อมประสานมือคารวะอีกฝ่ายกลับไปเช่นกัน
“ขอบคุณท่านที่มาแสดงความยินดีกับข้าในวันนี้ ท่านยู่ นี่ผ่านมากว่าหมื่นปีแล้วที่พวกเรามิได้พบเจอกัน ทุกคราที่ข้านึกถึงช่วงเวลาที่ได้ร่ำสุรากับท่านใต้แสงจันทร์ก็อดมิได้จะต้องทอดถอนใจออกมา แม้ว่าตระกูลหลินของข้าจะตั้งอยู่ในบริเวณที่คับแคบเช่นนี้ ข้าก็ยังต้องการจะเชิญท่านมาดื่มสุราด้วยกัน”
“ฮ่าๆๆๆ เช่นนั้นข้าคงรอช้ามิได้เสียแล้ว!” ยู่ตู่เฟยหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะพาบุคคลทั้งสองที่ติดตามมาด้วยเข้าไปยังด้านในจวนสกุลหลิน
“เชิญๆ!”
หลังจากเห็นยู่ตู่เฟยเดินเข้าไปภายในงานเลี้ยงตระกูลหลิน เหล่าคนที่เฝ้าคอยอยู่ด้านนอกทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
พวกเขามิได้พบหน้ากันมานานกว่าหมื่นปี? ยู่ตู่เฟยผู้นั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับบรรพบุรุษตระกูลหลินเลยเชียวหรือ?
เขาย่อมต้องเป็นตัวตนในระดับสูงของราชวงศ์อมตะอย่างแน่นอน และระดับการบ่มเพาะของเขาต้องไม่สามัญอย่างยิ่ง!
บัดนี้ ผู้คนทั้งหลายที่เฝ้ารออยู่ต่างต้องการที่จะเข้าไปในงานฉลองให้ได้ เพราะการมาเยือนของยู่ตู่เฟยย่อมแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตระกูลหลินที่มีต่อราชวงศ์อมตะว่ามากมายเพียงใด!
ผู้คนของฉีซานต่างมองหน้ากันไปมา สีหน้าของพวกเขาคล้ายกับต้องการจะร้องไห้เต็มทน
นี่มันแย่มากๆ เหตุใดพวกเขาจึงได้โง่งมเช่นนี้ การปฏิเสธเทียบเชิญเข้างานฉลองของตระกูลหลินเมื่อสิบวันก่อนส่งผลร้ายแรงแก่พวกเขาเข้าแล้ว!
ในห้องรับรองพิเศษที่อยู่ลึกเข้าไปในจวนสกุลหลิน บรรพบุรุษหลินและอาวุโสบางส่วนที่เป็นคนสำคัญของตระกูลกำลังนั่งสนทนากับยู่ตู่เฟยอยู่
หลังจากการปะทะกับจ้าวแห่งห้วงเหว ส่วนนี้ของจวนย่อมได้รับการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วนที่สุด
“หลังจากที่พวกเราแยกกันนานกว่าหมื่นปี การบ่มเพาะของสหายหลินล้ำลึกกว่าแต่ก่อนมากมายยิ่งนัก!” ยู่ตู่เฟยมองบรรพชนหลินและถอนหายใจเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็เอ่ยบางอย่าง
“ย้อนกลับไปตอนนั้น สหายหลิน ท่านเป็นผู้มีพรสวรรค์เหลือล้นคนหนึ่ง ต่อให้เป็นอาณาจักรเซี่ยเต๋าเอง ท่านก็นับว่าคือยอดอัจฉริยะที่น่าตื่นตะลึง ทว่าท่านกลับปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับราชวงศ์อมตะเสียอย่างนั้นและเลือกเดินทางมายังอาณาจักรฉีซานแห่งนี้เพื่อค้นหาเส้นทางบ่มเพาะด้วยตนเอง ผู้คนมากมายย่อมรู้สึกเสียดายความสามารถอันมากล้นและคิดไปว่าท่านจะทำให้ความเก่งกาจของตนต้องเสียเปล่าไป กระทั่งข้าเองก็อดมิได้จะรู้สึกเช่นนั้น”
“อย่างไรเสีย บัดนี้ สหายหลิน ความแข็งแกร่งของท่านขึ้นมาสู่แดนปราณก่อตั้งจิต และสามารถเอาชนะจ้าวหุบเหวลงได้ ข้าเองเสียอีกที่ยังคงติดอยู่ในขั้นที่เก้าของแดนแก่นทองคำ ตัวข้ามิได้พัฒนามากนักในช่วงพันปีที่ผ่านมา น่าเศร้า ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน...” เมื่อเอ่ยถึงตอนนี้ ยู่ตู่เฟยก็ถอนหายใจออกมาพลางส่ายหน้าไปพร้อมกัน จากนั้นเขาก็จิบชาเข้าไปอึกใหญ่
เมื่อได้ยินประโยคของยู่ตู่เฟย บรรพบุรุษตระกูลหลินหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นเล็กน้อย
“ทรัพยากรของราชวงศ์อมตะต่างเต็มไปด้วยสิ่งล้ำค่าและทรงพลังที่เหนือกว่าอาณาจักรฉีซานมากนัก ข้าเกรงว่าท่านคงมิได้มาที่นี่เพียงเพื่อจะแสดงความยินดีแก่ข้าและซวนเอ๋อร์เท่านั้น!”
ยู่ตู่เฟยคือผู้ใด? เขาคือยอดคนที่มาจากยุคเดียวกันกับบรรพชนแซ่หลิน นับว่าเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่งในสมัยของตน และเป็นทายาทโดยตรงคนหนึ่งของราชวงศ์อมตะ เขาย่อมต้องเป็นยอดอัจฉริยะในยุคสมัยนั้นอย่างมิต้องสงสัย
ย้อนกลับไปตอนที่บรรพชนหลินละทิ้งอาณาจักรเซี่ยเต๋าและเดินทางมายังฉีซานเพื่อกองตั้งตระกูล ยู่ตู่เฟยคือคนที่มาเกลี้ยกล่อมเขา หวังให้หลินฉิงเทียนเข้าร่วมกับราชวงศ์อมตะ ทว่าท้ายที่สุด บรรพบุรุษสกุลหลินก็ยืนยันที่จะอยู่ฉีซานอย่างไม่ลังเล
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อบรรพบุรุษหลินก่อตั้งตระกูลหลินขึ้นมา ยู่ตู่เฟยก็มิได้หยุดเขาแต่อย่างใด ทั้งยังแอบช่วยเหลือสกุลหลินอย่างลับๆ หลายครั้งหลายครา เพราะเหตุนี้บรรพชนหลินจึงมีความรู้สึกที่ดีให้แก่ยู่ตู่เฟยอยู่ไม่น้อย
ทว่า แม้พวกเขาจะมีสามสัมพันธ์บางอย่างต่อกัน บรรพชนแซ่หลินก็ไม่เชื่อว่ายู่ตู่เฟยจะเดินทางหลายหมื่นลี้จากราชวงศ์อมตะมาที่นี่เพียงเพื่อจะแสดงความยินดีเท่านั้น ระดับความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อกันมิได้มากมายถึงเพียงนี้!
เมื่อได้ยินคำพูดของบรรพบุรุษหลิน ยู่ตู่เฟยก็อดไม่ได้จะส่ายหน้าเล็กน้อยและยิ้มออกมา
“สหายหลิน ท่านยังคงเป็นคนที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่งไม่ต่างกับเมื่อก่อนเลย อันที่จริงแล้ว นอกจากมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับท่าน ข้ายังมีเหตุผลอื่นอยู่ด้วย...”
“ข้าอยากได้ยินรายละเอียดของเรื่องนี้”
ยู่ตู่เฟยยิ้มออกมาก่อนจะจิบชาเล็กน้อย เขามิได้ปิดบังสิ่งใดและเลือกเอ่ยออกไปตามลง
“ข้ามายังอาณาจักรฉีซานเพื่อตามหาแฝดคู่หนึ่ง”
“แฝดคู่นี้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนเทือกเขาในฉีซาน ก่อนหน้านี้ คนของราชวงศ์อมตะไปยังที่นั่นเพื่อฝึกฝนและดูแลพวกเขา เพราะพวกเขานับได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง พวกเรามีแผนจะพาพวกเขากลับไปยังที่ตั้งของราชวงศ์”
โดยเฉพาะแฝดชายผู้นั้น พรสวรรค์ของเขาไม่สามัญอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะมิได้แข็งแกร่งเช่นเซียนน้อยของตระกูลหลิน แต่ก็ยังนับได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยม”
“พวกเขามีนามว่าอะไร? ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุนี้เช่นนั้นหรือ?” บรรพบุรุษหลินอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา