เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 89
ตอนที่ 89
เจ้าเด็กตัวน้อยกัดฟันแน่นและเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิด
“ปล่อยข้าไปนะ ที่ข้ามากอดเซียนต้นหลิวเพราะข้ากำลังบ่มเพาะอยู่! เขามิได้ต้องการจะกินเขาเสียหน่อย!!” เด็กผู้นั้นกำลังบิดตัวไปมาเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเราจะปล่อยเจ้าแล้ว ตกลงไหม? แต่มิใช่ว่าเจ้าเองก็แอบเอานมอสูรไปต้มกินเล่นบ่อยหรอกหรือ? แล้วเหตุใดครานี้จึงไม่ทำเช่นเดิมเล่า?” ชายหนุ่มรูปร่างกำยำผู้หนึ่งเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
ในหน้าของเจ้าหนูน้อยกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความอับอาย เหตุใดเขาจะไม่ดื่มนมอสูรเล่า? มันหอมอร่อยมากเลยนะ!
“ข้ามิได้จะดื่มมันเองเสียหน่อย! เขาจะเอามาให้เซียนต้นหลิวต่างหากเล่า!”
เพียงแต่ยามเขาพูดจนจบ ก้นของเขาก็ถูกหวดด้วยกิ่งของต้นหลิวทันที
“เพ้ย!”
เจ้าตัวเล็กอดมิได้ที่จะแสดงความหงุดหงิดออกมา เขาพยายามจะอ้าปากเพื่อเอ่ยบางอย่าง แต่ก็ถูกห้ามด้วยชายรูปร่างใหญ่ยักษ์ที่จับเขาพาดบ่าตนเอง
“ผู้พิทักษ์วิญญาณ พวกเราได้เตรียมทุกอย่างสำหรับการออกเดินทางไว้พร้อมหมดแล้ว แต่หากให้กล่าวตามตรง พวกเราจำเป็นต้องออกจากที่นี่ไปยังเขตแดนลึกลับแห่งนั้นจริงๆ หรือขอรับ?” ชายคนนั้นมีสีหน้าที่เคร่งขรึมจริงจังยิ่งนัก
สายลมพัดผ่าน กิ่งหลิวที่สวยงามราวกับหยกเคลื่อนไหวไปมาตามแรงพัดพา เสียงอ่อนโยนสายหนึ่งลอยล่องไปทั่วทั้งหุบเขา
“เป็นเช่นนั้น”
“ยุคสมัยใหม่กำลังมาถึง และที่แห่งนั้นกำลังจะปรากฏ แม้ว่าข้าจะอยู่ที่นี่มายาวนานเพียงใด ทว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องออกจากแดนรกร้างเสียที”
“หากพวกเจ้าไม่ต้องการจะจากไป ข้าจะสลักค่ายกลปกป้องไว้ให้ เพื่อที่พวกเจ้าจะได้อยู่กันอย่างปลอดภัย”
เมื่อเจ้าหนูน้อยที่ถูกจับพาดบ่าได้ยินประโยคนั้น เขาก็ตะโกนออกมาอย่างรีบร้อนและกระวนกระวาย
“ไม่นะ อย่าไปนะเซียนต้นหลิว!”
สีหน้าช่วยมิได้ปรากฏขึ้นกับชายหนุ่มผู้นั้น แต่แล้วเขาก็ก้มศีรษะคำนับด้วยความเคารพอย่างถึงที่สุดและเอ่ยทันที
“นับตั้งแต่ท่านผู้พิทักษ์วิญญาณได้ตัดสินใจจะย้ายออกจากที่แห่งนี้ พวกเรามีหรือจะไม่ติดตามท่านไป?”
ท่านผู้พิทักษ์วิญญาณได้ช่วยเหลือพวกเรามามากมายหลายครั้ง พวกเราเองก็หวังเพียงว่าจะได้ให้การตอบแทนแก่ท่านบ้าง ต่อให้มันจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม!”
ลมพัดผ่านไปอย่างเบาบาง และกิ่งของต้นหลิวโบกไปมาคล้ายกำลังตอบรับคำพูดนั้น
โลกภายนอกย่อมมิอาจรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในส่วนลึกสุดของแดนรกร้างแห่งนั้น
ในตอนนี้ ณ อาณาจักรฉีซาน ตระกูลหลินกำลังจัดงานฉลองใหญ่โต ไม่เพียงฉลองให้กับการเลื่อนขั้นของบรรพชนและชัยชนะในสงครามครั้งนี้ แต่รวมถึงจัดงานเลี้ยงครบรอบเดือนให้แก่เซียนน้อยของพวกเขา หลินซวนผู้นั้นอีกด้วย
เวลานี้ สมาชิกสกุลหลินย่อมเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและตื่นเต้นในหัวใจ ทั้งคนตระกูลหลินและสองตระกูลที่เหลือคือตระกูลซวนและตระกูลเป่ยเฉินกำลังร่ำสุรากันอย่างรื่นเริง
อาการเมามายของชายหนุ่มและแก่ทั้งหลายต่างเป็นเครื่องบ่งบอกได้อย่างดีถึงสถานการณ์แสนอันตรายที่พวกเขาเผชิญมาก่อนหน้านี้
ทางด้านฝั่งผู้หญิงก็มีบางส่วนที่ล้อมรอบหลินซวนอยู่ในเวลาเดียวกัน พวกนางต่างจ้องมองทารกน้อยที่น่ารักน่าชังในห่อผ้าอ้อม ดวงตาเต็มไปด้วยประกายความสงสัยและประหลาดใจ เหตุการณ์นี้ทำให้ซวนหยานหรานอดมิได้ที่จะกระสับกระส่ายพอสมควร นางกอดหลินซวนในอ้อมแขนของตนอย่างระมัดระวังราวกับกลัวว่าจะมีผู้ใดมาขโมยเขาไป
บัดนี้ ผู้คนจำนวนมากมายมหาศาลราวกับมหาสมุทรปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทางเข้าอาณาเขตสกุลหลิน พวกเขาส่วนใหญ่คือตระกูลใหญ่ทั้งหลายที่มาที่นี่เพื่อพบคนสกุลหลิน!
แต่ละคนที่เป็นตัวแทนของตระกูลเหล่านั้นล้วนเป็นผู้มีชื่อเสียงและเป็นคนสำคัญในตระกูลทั้งสิ้น กระทั่งผู้นำตระกูลและผู้นำกองกำลังบางส่วนก็มาที่นี่ด้วยตนเอง ยิ่งกว่านั้น พวกเขาทุกคนยังนำเอาสมบัติล้ำค่ามาด้วยเพื่อใช้เป็นของขวัญแสดงความยินดีกับสกุลหลิน
ทว่า ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ใด ทั้งตระกูลใหญ่โตและกองกำลังที่ชื่อต่างก็ถูกปฏิเสธการเข้าพบทั้งสิ้น มีเพียงตระกูลซวนเท่านั้นที่ได้โอกาสเข้าไปยังงานเลี้ยงด้านใน!
ในฐานะอาวุโสผู้หนึ่ง หลินเปากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ประตูด้านหน้าและทำหน้าที่เป็นคนป้องกันไม่ให้ใครเข้าไปได้โดยที่มิได้รับอนุญาต ในมือของเขามีน่องไก่ย่างอยู่ ระหว่างที่เคี้ยวไป เขาเองก็มองหน้าเหล่าคนทั้งหลายที่กำลังแสดงสีหน้าน่าเกลียดออกมาด้วยใบหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง
ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามขออภัยหรืออธิบายเหตุผลต่างๆ เพียงใด แต่ช่างน่าเสียดาย พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน
“อาวุโสหลินเปา ก่อนหน้านี้พวกเรามีเหตุด่วนมากให้ต้องจัดการ ทำให้ไม่สามารถจะมาปรากฏตัวได้ก่อนหน้านี้ ได้โปรดยกเว้นให้พวกเราสักคราหนึ่งเถิด!”
“อาวุโส โปรดอภัยให้พวกเราด้วย นี่เป็นหญ้ามังกรน้ำแข็งอายุแสนปี....”
“ท่านผู้อาวุโสหลินเปา ในอนาคตหากมีสมาชิกตระกูลหลินผู้ใดเข้าไปใช้บริการสมาพันธ์การค้าม่านพิรุณ ไม่ว่าเขาจะต้องการสิ่งใด พวกเราจะลดราคาให้ครึ่งหนึ่งในทันที ข้าหวังเพียงว่าท่านผู้อาวุโสจะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดี ยินยอมให้พวกเราเข้าไปด้วยในสักครั้ง...”
ได้รับฟังคำขอร้องอ้อนวอนมากมาย หลินเปาที่กำลังเคี้ยวไก่อย่างเมามันรู้สึกได้ถึงความพึงพอใจอย่างยิ่ง!
เพียงตอนนี้เท่านั้นหรือที่พวกมันรู้ว่าควรจะมาร้องขอความเมตตา? พวกมันรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น? เช่นนั้นเหตุใดจึงทำเพียงเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับรับชมการแสดงสักอย่างอยู่ หาได้มีความตั้งใจจะมาช่วยไม่? มีเพียงตระกูลซวนเท่านั้นที่แสดงออกถึงมิตรภาพจนยอมมาเข้าร่วมกับตระกูลหลินตั้งแต่คราแรก!
พวกมันที่รีบโผล่หัวมาหลังจนสงคราม? ไปลงนรกเสีย อย่าได้คิดฝันว่าเขาจะยอมให้เข้าไปในงานเลี้ยงเด็ดขาด!
ช่างเป็นโชคมหาศาลที่บรรพชนของเราฝึกฝนอย่างหนักหน่วง และโชคดีที่สุดที่ซวนเอ๋อร์ของข้านั้นยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน!
มองใบหน้าอันน่าสมเพชของผู้คนด้านนอก หลินเปารู้สึกมีความสุขจริงๆ เขารู้สึกดีเสียยิ่งกว่าได้เลื่อนขั้นด้วยซ้ำไป!
‘ซวนเอ๋อร์ของเราแข็งแกร่งที่สุด ช่างเป็นเซียนตัวน้อยที่เก่งกาจ!’ หลินเปากำลังปลื้มอกปลื้มใจ คล้ายกับว่าเขาจะลอยได้เสียแล้ว
ทันใดนั้น เสียงของบางอย่างก็ดังขึ้นไกลออกไป ตามมาด้วยแรงกระแทกของอากาศ
“พวกเจ้า ดูนั่น! คนเหล่านั้น? โอ้ คุณพระช่วย...”
“พวกเขาถึงกับมาที่นี่เช่นกัน คุณพระ!”
“ช้าก่อน นี่ข้ามิได้ฝันไปใช่หรือไม่?”
ตาแก่เปาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา แม้ในปากของเขาจะยังมีไก่ย่างอยู่ก็ตาม จากนั้น เขาก็เช็ดคราบน้ำมันบนปากและมือของตนก่อนลุกขึ้น มองไปยังทิศทางของเสียงนั้นก่อนจะได้ยินประโยคบางอย่างที่ทำให้เขาประหลาดใจ
“ราชวงศ์อมตะมาเยี่ยมเยือนแล้ว!”
“ขอแสดงความยินดีกับบรรพบุรุษตระกูลหลินในการเลื่อนขั้นสู่ดินแดนปราณก่อตั้งจิตได้สำเร็จ!”
“ขอแสดงความยินดีกับเซียนน้อยตระกูลหลินที่มีอายุครบรอบหนึ่งเดือนในคราวนี้!”
เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายคือราชวงศ์อมตะ กระทั่งหลินเปาเองที่เป็นตาแก่คนหนึ่งซึ่งอยู่มาเนิ่นนานก็ยังอดมิได้ที่จะรู้สึกแปลกใจขึ้นมา
นี่เป็นเพราะว่าราชวงศ์อมตะนั้นถือเป็นกองกำลังอันดับต้นๆ ของอาณาเขตเหนือคราม และเป็นเจ้าผู้ปกครองอาณาเขตเหนือครามแห่งนี้!
สถานที่ซึ่งราชวงศ์อมตะตั้งอยู่คืออาณาจักรเซี่ยเต๋า ซึ่งเป็นอาณาจักรที่มั่งคั่งและงดงามที่สุดอีกทั้งยังตั้งอยู่ใจกลางอาณาเขตเหนือครามอีกด้วย!
ดินแดนส่วนนั้นนับได้ว่ามีความกว้างใหญ่กว่าอาณาจักรฉีซานและอาณาจักรซู่รวมกันหลายเท่าตัว!
ยิ่งกว่านั้น ราชวงศ์อมตะนั้นคงอยู่ในคู่กับอาณาเขตเหนือครามอย่างยาวนานจนแทบมิอาจนับเวลาที่แน่นอนได้ ตามตำนานกล่าวไว้ว่าประวัติศาสตร์ของราชวงศ์อมตะนั้นสืบย้อนกลับไปได้จนถึงสมัยบรรพกาล!
ราชวงศ์อมตะนั้นมียอดยุทธนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ ในคราที่บรรพชนหลินเริ่มก่อนตั้งตระกูลหลินในอาณาจักรฉีซาน ทว่าด้านราชวงศ์อมตะนั้นกลับหยั่งรากลึกในอาณาเขตเหนือครามมาอย่างช้านาน!
ก่อนหน้านี้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของจ้าวห้วงเหวจะมากมายมหาศาล ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าราชวงศ์อมตะแล้วจ้าวหุบเหวย่อมอ่อนด้อยกว่าอย่างมิต้องสงสัย นี่ล้วนเป็นเพราะว่าในราชวงศ์อมตะนั้นมีตัวตนชนชั้นปราณเดียวกับจ้าวห้วงเหวอยู่มากมาย! ยิ่งกว่านั้น ตัวตนที่ว่าคือชนชั้นปราณเดียวกับนายเหนือแห่งห้วงเหวในยามที่เขาสมบูรณ์ถึงขีดสุดอีกด้วย!
อีกทั้ง มีข่าวลือออกมาว่ามียอดยุทธระดับแดนปราณสู่นิพพานอาศัยอยู่ลึกเข้าไปในราชวังจักรพรรดิของพวกเขา!
แล้วเหตุใดคนเหล่านี้จึงมาที่ตระกูลหลิน? อาวุโสเปาอดมิได้ที่จะประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้
ทันใดนั้น ไกลออกไปบนท้องนภา แสงเจิดจ้าฉายชัดขึ้น สิ่งก่อสร้างรูปร่างคล้ายราชวังปรากฏขึ้นตรงนั้น กฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินเกิดขึ้นตามมา เมฆหมอกนับไม่ถ้วนและสีสันมากมายกวาดผ่านไปทั่วบริเวณ ราวกับสรวงสวรรค์กำลังเปล่งประกายและขนนกทองคำกระจายไปทั่วทุกพื้นที่!