559 - ยังเหลืออีกนิดหน่อย
559 - ยังเหลืออีกนิดหน่อย
คลื่นพลังโหมกระหน่ำออกจากเตาเทพอัคคี ทันใดนั้นวิหกสวรรค์และพระอาทิตย์ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใกล้สุดยอดเต๋ามากที่สุดก็บินออกมา
บนฝาเตามีอักขระโบราณเก้าตัวซึ่งลึกลับและน่าค้นหาซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะความหมายของพวกมัน ก็ปรากฏพร่างพราวตามมาติดๆ
บุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์หลายคนต่างจ้องมองไปที่เย่ฟ่านด้วยความโกรธ
ในขณะเดียวกันแม้ว่าจะถูกราชันศักดิ์สิทธิ์เจียงข่มขู่อย่างหนัก แต่เหล่าผู้อาวุโสมากมายที่อยู่ในห้องก็ยังอดไม่ได้ที่จะเกิดความขุ่นเคืองต่อเย่ฟ่าน
“ปัง!”
เงาทั้งสามกลายเป็นสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์สามเส้นกระโดดออกมาจากเตาเทพอัคคี พลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขานั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ทายาทรุ่นหลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะมองดูตรงๆได้
“ปัง!”
ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ทั้งสามเคลื่อนตัวพร้อมกันและพุ่งเข้าหาเย่ฟ่านราวกับดาวหางขนาดเล็กที่พร้อมจะทำลายโลกทั้งใบ
"บูม"
ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงยื่นมือขนาดใหญ่ออกมาจับกุมทั้งสามอย่างรวดเร็ว คลื่นที่น่าสะพรึงกลัวเช่นมหาสมุทรของพวกเขาถูกทำลายและหายไปทันที
“ห้ามทำตัวหยาบคาย!”
ราชาเผิงสวรรค์ส่งเสียงคำราม เขาเกรงกลัวอย่างยิ่งว่าหลานชายของเขาจะทำให้ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์จี้ไม่พอใจ
“พี่เผิง บุตรศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวเหยา ไม่เจอกันนานแล้วนะ” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ราชาเผิงน้อยปีกทองยังคงความสง่างามเหมือนเช่นทุกครั้ง มีเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองลุกโชนบนตัวของเขา แม้ว่าทางกองเขาจะยังสงบแต่ดวงตาของเขาดุร้ายอย่างยิ่ง
เขาถือง้าวรกร้างชี้ไปที่เย่ฟ่านเตรียมที่จะลงมือต่อสู้อยู่ตลอดเวลา
อีกด้านหนึ่งบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงถูกปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้จบราวกับเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เขายืนอยู่ในความว่างเปล่าโดยมีรัศมีเทพ 108 วงล้อมรอบตัวเขา
ในเวลานี้บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเปรียบเสมือนราชันย์อมตะ เสด็จลงมายังโลกมนุษย์ ทำให้คนจำนวนมากต้องการสักการะบูชา
แม้จะไม่ได้เห็นเขาแสดงฝีมือต่างๆแต่ในอนาคตผู้คนก็คาดหวังว่าเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะคนใหม่ของดินแดนรกร้างตะวันออก
“เทพธิดาเหยาซี ความงามของเจ้านับวันมีแต่จะเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ” เย่ฟ่านยิ้มให้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงอีกครั้ง
เหยาซีก็เปรียบเสมือนเทพธิดาผู้มาจากเก้าสวรรค์ กลิ่นอายของนางราวกับว่าเป็นเซียนอมตะที่อยู่เหนือโลก
คำพูดของเย่ฟ่านที่กล่าวเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้เลื่อนลอย เพียงไม่พบกันรายเดือนดูเหมือนว่านางจะงดงามมากขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง ราชาเผิงน้อยปีกทอง เหยาซี และคนอื่นๆที่ออกจากเตาเทพอัคคีตามก็ปลดปล่อยไอสังหารอย่างเต็มที่
พวกเขาถูกผนึกในเตาเทพอัคคีเป็นเวลาหลายเดือนโดยปราศจากปราณสวรรค์และปฐพี และได้รับความทุกข์ทรมานจากการพังทลายของกระดูกของซึ่งเกิดจากการเผาผลาญของไฟศักดิ์สิทธิ์ภายในเตาเทพอัคคี
พวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะที่หาที่เปรียบมิได้ แต่ในความเป็นจริงพวกเขาไม่เคยได้รับความทุกข์ทรมานเช่นนี้มาก่อน เมื่อพวกเขารอดพ้นจากความทุกข์ทรมานนี้พวกเขาจึงเกิดความโกรธแค้นถึงขีดสุด
"แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่น่าทึ่ง นับว่ามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง" ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงพยักหน้าเบา ๆ
ราชาเผิงน้อยปีกสีทองได้รับการส่งสัญญาณเสียงและคำเตือนจากราชาเผิงสวรรค์ผู้เฒ่าอย่างเห็นได้ชัด แต่เขายังคงดุร้ายอย่างยิ่งและตอนนี้เขาหันไปกล่าวกับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงว่า
"ผู้อาวุโสการที่ท่านทำเช่นนี้ไม่ยุติธรรม!"
“ทำไมถึงไม่ยุติธรรม” ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงนั่งอยู่ในห้องโถงและถามอย่างใจเย็น
“เขาก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่งเหตุไฉนท่านจึงปกป้องเขา ข้าขอท้าประลองเขาต่อสู้ตัวต่อตัว หากว่าเขายังมีความเป็นชายอยู่ก็จงรับคำท้าของข้า!”
ผมสีทองของเขาพลิ้วไหวและง้าวศึกก็ปลดปล่อยแรงกดดันออกมาทันที
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงไม่ได้ไม่พอใจในท่าทีเช่นนี้ เขายิ้มและกล่าวว่า
"เจ้าสามารถต่อสู้กับเขาได้ตราบเท่าที่เขาบุกเข้าไปใน อาณาจักรสี่สุดขั้วแล้วเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นเด็กรุ่นหลังผู้ใดที่คิดจะต่อสู้กับเขาข้าจะไม่ให้ความช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอน"
ทันทีที่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงกล่าวเช่นนี้ ก็เกิดความโกลาหลขึ้นในหมู่ทายาทรุ่นเยาว์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และตระกูลขุนนางโบราณ
ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณจะเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วได้จริงๆ? นับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาไม่เคยมีผู้ใดทำได้ แล้วเมื่อใดที่พวกเขาจะได้แก้แค้น
ราชาเผิงน้อยปีกทองจ้องมองไปที่เย่ฟ่าน เขายังจะสามารถพูดอะไรได้อีก ในเมื่อราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงให้การปกป้องถึงขนาดนี้
คำพูดของราชาสวรรค์ดินแดนรกร้างตะวันออกจะมีผู้ใดสามารถต่อต้านได้?
“ข้าหวังว่าน้องชายเย่จะสามารถเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วทำลายคำสาปโบราณได้จริงๆ”
เหยาซีก็สะบัดแขนเสื้อด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แต่นางก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เช่นกัน
พวกนางได้แต่หวังว่าเย่ฟ่านจะทำลายคำสาปและเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วได้ เมื่อนั้นเขาจะต้องเผชิญหน้ากับการแก้แค้นครั้งยิ่งใหญ่ของยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด!
เมื่อเห็นท่าทางของพวกเขาราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
"ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่พอใจอะไรบางอย่าง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? จากลักษณะท่าทางของพวกเจ้าเห็นได้ชัดว่าการถูกปิดผนึกอยู่ในเตาเทพอัคคีนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแย่
พวกเจ้าได้รับการขัดเกลาตัวเองและมีความรู้แจ้งในเต๋าสวรรค์เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว สิ่งที่พวกเจ้าได้รับจากการถูกคุมขังนั้นข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นผลประโยชน์มากกว่า"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ทุกคนก็ตกใจจนอ้าปากค้าง แม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์และราชันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็ยังตกตะลึง!
“นี่เรื่องจริงเหรอ?” ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงถามด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
การรู้แจ้งในเต๋าผู้ยิ่งใหญ่เป็นสิ่งที่พวกเขาปรารถนามาตลอดชีวิต ในระดับความแข็งแกร่งของพวกเขา มีเพียงการศึกษาเต๋าผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นจึงจะทำให้พวกเขาเข้าใกล้ความเป็นอมตะมากขึ้น
"แค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็เพียงพอแล้วที่พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยกว่าสองเท่า" ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"เตาเทพอัคคีที่ท่านพูดถึงคืออะไรกันแน่?" ทุกคนประหลาดใจและอยากรู้
"มันเป็นอาวุธเต๋าชิ้นแรกของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่นิรันดร์กาล แต่หลังจากที่เขาสร้างเต๋าเทพสุริยันขึ้นมาเขาจึงไม่ได้ใช้มันอีก" ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงกล่าวความจริง
ทุกคนตกตะลึง ร่างกายของพวกเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอาวุธชิ้นนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่นิรันดร์กาลแห่งตระกูลเจียง
จากคำพูดนี้ไม่ได้หมายความว่าเย่ฟ่านได้ครอบครองอาวุธเต๋าสุดขั้วเป็นของตัวเองอย่างนั้นหรือ!
เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจมาก และในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมเตาหลอมนี้ถึงเป็นอมตะ มันมีลวดลายของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่นิรันดร์กาลหากไม่ใช่สิ่งมีชีวิตระดับราชาอมตะ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะทำลายของชิ้นนี้
เตาเทพสุริยันของตระกูลเจียงก็ถูกสร้างขึ้นมาจากรูปแบบของเตาชิ้นนี้ เพียงแต่ว่ามันถูกสร้างขึ้นจากวัสดุที่ดีกว่าอย่างเช่นทองคำโลหิตหงส์จึงทำให้พลานุภาพของมันกลายเป็นหนึ่งในสามอาวุธเต๋าสุดขั้วที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
ย้อนกลับไปที่ต้นกำเนิด เตาเทพอัคคีจึงถือได้ว่าเป็นอาวุธรุ่นแรกของเตาเทพสุริยันนั่นเอง
"ในเมื่อความคับข้องใจของพวกเจ้าได้รับการแก้ไขแล้ว ยังมีผู้ใดที่ไม่พอใจอีกหรือไม่?" ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงกล่าว จากนั้นเขาก็หันมาถามเย่ฟ่านอย่างไม่จริงจังว่า
"เจ้าไม่ได้จับตัวใครไว้แล้วใช่ไหม?"
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นเย่ฟ่านก็ยิ้มอย่างเขินอายและกล่าวว่า
“ยังมีอีกนิดหน่อย”
"ยี่"
เมื่อแสงสว่างวาบเจดีย์สีทองก็ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า
ในระยะไกลสวีเทียนเซี่ยงโจรผู้ยิ่งใหญ่อันดับสามอยู่ในความงุนงง เจดีย์สีทองนั้นเห็นได้ชัดว่ามันเป็นสมบัติของเขา นั่นแสดงให้เห็นว่าคนที่ทำร้ายหลานชายของเขาคือเย่ฟ่านนั่นเอง
สวีเทียนเซี่ยงก้าวไปข้างหน้า ความแข็งแกร่งของเขาแม้แต่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็ยังต้องให้ความเกรงใจ
"ชัว!"
แสงวาบ สวีหยวนได้รับการปล่อยตัวออกมาด้วยสภาพทุลักทุเล เมื่อเขามองเห็นสวีเทียนเซี่ยงเขาก็รีบชี้ไปที่เย่ฟ่านโดยต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
ปะ!
สวีเทียนเซี่ยงตบเขาอย่างรุนแรงพร้อมกับลากตัวเขาออกจากห้องในทันที
“ท่านปู่” สวีหยวนตะโกน
ไม่ไกลนักยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งในบรรดาทายาทของโจรผู้ยิ่งใหญ่สวีเหิงก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับใช้มืออุดปากน้องชายตัวเองไว้