เกิดใหม่อีกครั้งกับการแย่ง ตอนที่ 140 พวกมันคิดอะไรอยู่
ตอนที่ 140 พวกมันคิดอะไรอยู่
“ตอนนี้ที่ทางเข้าของเมืองโบสถ์ส่งทูตมาเพื่อเจรจาครับ”
‘ไฟติดอยู่รอบเมืองไม่ใช่หรือไง แล้วมันเข้ามาทางไหนกันละเนี่ย? แต่เรื่องไฟช่างมันเถอะตอนนี้มาสนใจเรื่องของทูตที่มันส่งมาก่อนดีกว่า ตามจริงถ้าทหารไม่เห็นเราก่อนก็ต้องไปรายงานกับชไนน์เดอร์รวมถึงท่าทางตกใจแบบนี้ก็แปลว่าพวกมันน่าจะส่งทูตมาครั้งแรก’ ไมล์เริ่มวิเคราะห์ จากนั้นก็เริ่มถามต่อ “ขอยืนยันอะไรหน่อยแล้วกัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกมันติดต่อมาใช่ไหม”
“ครับท่าน” ทหารตอบแบบไม่ต้องคิด เพราะตลอดช่วงเวลาสองเดือนที่ผ่านมาไม่เคยมีการติดต่อจากโบสถ์หรือส่งทูตเข้ามาสักครั้งเพราะแบบนี้ทหารจึงตอบเฮเลอร์แบบไม่ต้องคิดอะไร
“ถ้างั้นพวกมันได้บอกไหมมาทำอะไร?”
“เรื่องนั้นข้าก็ไม่ทราบครับ แต่ทางนั้นบอกว่าต้องการเข้าคุยกับท่านโดยตรงถ้าไม่ได้คุยกับท่านทางนั้นก็จะไม่เริ่มการเจรจาอะไรเด็ดขาด”
‘ชักเริ่มได้กลิ่นอะไรไม่ดีแล้วละสิ เฮ้อ~’ เฮเลอร์คิดด้วยความรู้สึกหนักใจกับเรื่องที่ได้ยิน เพราะคำพูดแบบนี้มาทีไรมันต้องเป็นเรื่องมาทุกครั้ง อีกอย่าง ก็จริงอยู่ที่เฮเลอร์เป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพทั้งหมดตอนนี้ในประเทศคนเถื่อน แต่ก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรพิเศษขนาดที่ต้องเจรจาตัวต่อตัวเช่นนี้
จากนั้นเฮเลอร์ก็เริ่มพูดทหารต่ออีกว่า
“งั้นก็อนุญาตให้พวกมันเข้ามาได้เลยข้าจะรออยู่ที่คฤหาสน์… ไม่สิ! รออยู่ที่บ้านพักของตัวเองแล้วกัน แล้วก่อนให้เข้ามาก็ทำให้แน่ใจด้วยว่าพวกมันจะไม่เข้ามาก่อปัญหาภายในเมืองด้วย เข้าใจใช่ไหมต้องทำแบบไหน”
“แน่นอนครับท่าน!”
หลังจากตอบทหารก็วิ่งขึ้นม้าอีกครั้งแล้วควบม้ากลับไปทางเดิมที่พยามวิ่งมาด้วยความเร็ว ซึ่งความเร็วในการควบม้ากลับไปก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเดิมเลย ‘ถ้าไอทหารคนนี้มันไปเกิดในโลกของเราไม่ใช่โลกนี้ละก็ คงจะได้ทำอาชีพนักแข่ง …หรือไม่ก็ได้เป็นเด็กแว้นชั้นแนวหน้าของประเทศแน่ หึหึ!’ เฮเลอร์มองทหารที่กำลังควบม้าด้วยความเร็วด้วยสีหน้ายิ้มอ่อนๆ
ระหว่างนั้นเอง ผู้คนที่กำลังอยู่ตามทางเดินของเมืองต่างก็กำลังส่งสายตามองมาทางเฮเลอร์ด้วยแววตาแปลกใจกันยกใหญ่ เพราะคนที่อยู่ในเมืองตอนนี้ไม่ได้มีเพียงพวกทหารและพวกขุนนางเท่านั้นแต่ยังมีพวกชาวบ้านธรรมดาเป็นจำนวนมากอีกด้วย
ส่วนเหตุผลที่กำลังมองมาทางเฮเลอร์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะผู้คนเองก็เดินทางมาจากหลายที่ทั้งอาณาจักรและจักรวรรดิผสมรวมกันไปหมด ทำให้ทุกคนมองเฮเลอร์ด้วยความสงสัยเป็นธรรมดาเพราะเฮเลอร์สามารถทำให้ทหารหยุดได้แถมยังสั่งทหารได้อีก ผู้คนตามทางเดินจะมองด้วยแววตาสงสัยก็ไม่ได้แปลก โดยตลอดสองเดือนที่ผ่านมาเฮเลอร์ไม่เคยปรากฏตัวออกมาให้ใครเห็นเลย จนบางคนก็คิดว่าเฮเลอร์ตายไปแล้วเพียงแต่ว่าพวกชไนน์เดอร์ปิดข่าวเอาไว้อยู่ แต่ก็ไม่ทั้งหมดที่กำลังสงสัย เพราะมีชาวบ้านบางคนก็กำลังยิ้มแบบดีใจกันอยู่บ้างประปราย
‘รู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้แหะ!’ เฮเลอร์ที่รู้สึกถึงสายตาชาวบ้านที่กำลังมองมาทางตนกำลังรู้สึกอึดอัดใจ ตอนนี้ความรู้สึกของฮเลอร์ไม่ได้ต่างอะไรจากนักเรียนใหม่เวลาย้ายโรงเรียนที่กำลังเจอสายตาสงสัยและไม่คุ้นเคยจับจ้องมาที่ตัวเอง
แต่แล้วเฮเลอร์ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วรีบเร่งการเดินของตัวเองให้เร็วขึ้นแบบไม่ได้ผิดสังเกตมาก เพื่อตรงไปยังบ้านพักของตัวเองที่เก็บตัวตลอดสองเดือนที่ผ่านมาอย่างรวดเร็ว
###########
ณ ห้องรับแขกของบ้านพัก
เวลานี้เฮเลอร์ที่เดินทางกลับมาจากห้องประชุมของพวกชนชั้นนำก็มาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ของบ้านพักตัวเอง ตัวห้องเป็นห้องที่ทำด้วยไม้ไม่ได้ต่างอะไรจากห้องประชุมที่เฮเลอร์เดินทางไปจัดการพวกโกลด์ดรอฟมาเมื่อครู่ แต่กลางห้องมีชุดโต๊ะขนาดกลางตั้งเอาไว้อยู่แล้วตัวของเฮเลอร์ก็กำลังนั่งอยู่
‘เฮ้อ~ ไม่เข้าใจเลยว่ามันจะมาคุยเรื่องอะไรของพวกมันถึงได้ส่งทูตมาตอนนี้’
หลังจากที่พยามคิดตั้งแต่เดินทางกลับจนถึงบ้านพักตอนนี้เฮเลอร์ก็ยังไม่เข้าใจเป้าหมายของโบสถ์ว่าจะส่งทูตมาเพื่ออะไรตอนนี้ เพราะถ้าจะให้ยอมแพ้มันก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วทางโบสถ์ก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ระหว่างที่กำลังพยามคิดอยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“องค์ชายท่านทูตเดินทางมาถึงแล้วคะ”
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาสามครั้ง แล้วตามด้วยเสียงของเอมิเลียที่พูดตามมา ในตอนนี้เองคนที่ทำหน้าที่ทุกอย่างแทนคาสันกับอาเลียก็คือเอมิเลียเพราะเธอเป็นเพียงคนไม่กี่คนที่เฮเลอร์ไว้ใจได้ในตอนนี้ รวบถึงเรื่องทูตจากโบสถ์เองก็ยังมีคนรู้ไม่มากแล้วเฮเลอร์ก็ได้สั่งทหารองครักษ์คุ้มกันของตัวเองที่อยู่รอบบ้านพักเอาไว้แล้วว่าให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะต้องระวังตัวเอาไว้ก่อนในหลายความหมาย
“พาเข้ามาได้เลย”
“ค่ะ!”
หลังอนุญาตเอมิเลียก็เดินเข้ามาพร้อมกับชายสวมชุดแบบพระศาสนาคริสต์ แต่ชายที่เดินเข้ามาให้ความรู้วสึกว่าหนุ่มกว่าบิดาแห่งพระเจ้าที่เฮเลอร์เคยเจอเมื่อคราวก่อนมากอยู่พอสมควร แต่ที่กำลังทำเหมือนกันก็คือกำลังแสดงใบหน้าปั้นยิ้มออกมาแบบให้สบายใจแต่แฝงไม่ได้ความรู้สึกกดดันในการหาผลประโยชน์
‘เบื่อพวกมันก็ตอนแสดงหน้าตาแบบนี้แหละ นี้พวกมันคิดว่าเรื่องจะจบด้วยการเจรจาจริงๆ หรือยังไงกัน ชิ!’ เฮเลอร์สบถในใจแบบอารมณ์เสีย แต่ถึงจะรู้สึกยังไงก็ตามในฐานะที่ชายด้านหน้าเป็นทูตเดินทางมาเพื่อเจรจาทางเฮเลอร์ก็เลยต้องพยามสงบสติของตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุด แล้วเหตุผลอีกอย่าง ตอนนี้เฮเลอร์ก็อยากรู้ด้วยว่าทำไมโบสถ์ต้องส่งคนมาในเวลาแบบนี้ ทั้งๆที่ปัญหาระหว่างเฮเลอร์กับทางโบสถ์ มันเกินที่จะจบโดยเพียงการเจรจาไปตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อนแล้ว!