ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 87
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 89

เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 88


ตอนที่ 88

ผู้คนทั้งหลายล้วนแต่กำลังตกอยู่ในห้วงความสับสนและไม่ทราบถึงเหตุการณ์ทั้งหมด ทว่าเมื่อพวกเขาได้รับศิลาบันทึกภาพซึ่งบันทึกช่วงเวลาทั้งหมดของสงครามในครานี้ พวกเขาก็มิอาจจะทำใจให้เชื่อถือสิ่งที่เห็นได้ บางคนถึงขั้นคิดว่าตนนั้นกำลังฝันไป

มิใช่ว่านี่มันเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์จนเกินไปหรือ? บรรพชนหลินก้าวเข้าสู่ดินแดนปราณในตำนาน แดนก่อตั้งจิต! ยิ่งกว่านั้นเซียนน้อยแซ่หลินคนนั้นกลับเป็นแค่ทารกน้อยผู้หนึ่ง แต่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่น่าหวาดหวั่น อาศัยเพียงสองนิ้วทำให้จ้าวห้วงเหวถดถอยและได้รับบาดเจ็บสาหัสได้!

อีกทั้ง บทสวดบางประการที่เซียนน้อยผู้นั้นท่องออกมาคือสิ่งใดกัน? เหตุใดจึงน่าหวาดผวาเช่นนี้? อักขระลับ “สร้าง” คืออะไร?

เป็นเพียงทารกน้อยที่ยังนอนนิ่งในผ้าอ้อมและกลับสร้างปรากฏการณ์ที่ทรงพลังยิ่งใหญ่ หากเขาเติบโตขึ้นไป ผู้ใดในอาณาจักรฉีซานจะสามารถต่อกรได้?

เหม่อมองฉากต่างๆ ที่ฉายออกมาจากศิลาบันทึกภาพ สีหน้าของเหล่าผู้นำตระกูลใหญ่รวมถึงกองกำลังทั้งหลายก็กลับกลายเป็นอัปลักษณ์ยิ่ง!

หลังจากทำความเข้าใจสถานการณ์ทั้งหลายอยู่ครู่ใหญ่ หากมิใช่ความจริงที่ว่าศิลาบันทึกภาพนั้นมิอาจจะปลอมแปลงได้และยังถูกส่งมาโดยผู้บ่มเพาะระดับสูงซึ่งมีความน่าเชื่อจำนวนมาก มีหรือที่พวกเขาจะไม่สงสัยว่าตัวเองได้รับข่าวปลอมมาหรือไม่!

“รีบเร่งไปเตรียมของขวัญแสดงความยินดีมาให้ข้าเร็วเข้า! นำสมบัติที่ดีที่สุดของพวกเราไป!”

“พวกเรามิอาจปล่อยให้โอกาสเช่นนี้ผ่านไปได้ ในเมื่อสกุลหลินยังจัดงานฉลองอยู่ย่อมเป็นทางเลือกที่ดี มิเช่นนั้นในอนาคตอาจจะยากเกินไปที่เราจะได้เข้าใกล้ตระกูลหลิน!”

เมื่อเหล่าตระกูลทั้งหลายของฉีซานได้รับข่าวนี้ ความคิดของพวกเขาก็เป็นไปในทางเดียวกัน จากนั้นก็เร่งเตรียมของกำนัลเพื่อแสดงความยินดีและมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งของตระกูลหลินอย่างรวดเร็ว

ส่วนอาณาจักรข้างเคียงที่กำลังสนใจเรื่องของตระกูลหลินเมื่อพวกเขาได้รู้ว่าจ้าวหุบเหวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในศึกครานี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนก

“นี่...หลินฉิงเทียนได้บรรลุสู่แดนปราณก่อตั้งจิตในตำนานแล้ว อีกทั้งยังเอาชนะจ้าวหุบเหวที่แสนหยิ่งผยองผู้นั้นได้?”

“ฮ่าๆๆๆ นี่มันยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ! ในที่สุดอาณาเขตเหนือครามก็มียอดยุทธชนชั้นก่อตั้งจิตคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว!”

“เร็วเข้า ส่งคนไปแสดงความยินดีกับตระกูล อย่าลืมนำของขวัญไปให้พวกเขา...ไม่สิ ช้าก่อน ข้าไปเยี่ยมเยียนพวกเขาด้วยตัวเองเลยดีกว่า!”

“ข้าไม่ชอบใจจ้าวแห่งหุบเหวนั่นมานานแล้ว เขามันหยิ่งผยองจนเกินไป อีกทั้งยังชอบอวดเบ่งตลอดเวลา บัดนี้ได้รับบทเรียนเสียบ้างก็สมควรแล้ว ใช่หรือไม่? ฮ่าๆๆๆ”

“นี่มันเกินกว่าที่คาดไว้เสียจริง! เซียนน้อยสกุลหลินผู้นั้นกลับกลายเป็นเพียงทารกคนหนึ่ง ข้าอดมิได้ที่จะสงสัยขึ้นมาว่าถ้าหากเปรียบเทียบเด็กคนนั้นกับอัจฉริยะน้อยตระกูลจี้ของข้า ผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่ากัน!”

หลังจากที่ตระกูลใหญ่ในอาณาจักรอื่นได้รับข่าวเกี่ยวกับสงครามครั้งนี้กันอย่างถ้วนหน้า บางคนก็มีความสุขและตื่นเต้น บ้างก็ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง บ้างหาได้แยแสกับข่าวนี้ไม่ และบ้างก็เย่อหยิ่งเกินกว่าจะสนใจ

เมื่อสกุลหวังแห่งอาณาจักรซู่ได้ยินข่าวนี้ ในหน้าของพวกเขาก็กลับกลายเป็นอัปลักษณ์และดำคล้ำเช่นเดียวกันก้นกระทะบุบบี้ราวกับมีใครสักคนได้ขุดบรรพบุรุษของพวกเขาขึ้นมาจากหลุม!

โดยเฉพาะตาแก่บรรพชนแซ่หวังผู้นั้น ในตอนที่ได้ยินเรื่องทั้งหมด เขาก็เกรี้ยวกราดเสียจนระเบิดปราณออกมาทำลายภูเขาทั้งลูกจนย่อยยับ!

เสียงคำรามอย่างดุร้ายดังลั่นไปทั่วตระกูลหวัง

“ขยะ! พวกมันเป็นเพียงเศษขยะอย่างแท้จริง! จ้าวห้วงเหวอันใด? แดนรกร้างโบราณอันใด? พวกมันล้วนไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น!”

ในความเป็นจริงแล้ว ไม่เพียงแค่เหล่ามนุษย์เท่านั้นที่ได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ลึกเข้าไปในแดนรกร้าง ในพื้นที่ต้องห้ามและอันตรายอีกแห่งหนึ่งนอกเหนือจากห้วงเหวแห่งนั้น บริเวณแถบนี้ไม่มีผู้ใดย่างกรายเฉียดเข้ามาใกล้เนิ่นนานนับล้านปี ทว่ากลับมีสิ่งมีชีวิตบางจำพวกอาศัยอยู่ และรับรู้ได้ถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้น!

ต้นหญ้าพลิ้วไสว ดอกไม้ต่างผลิบาน

ในหุบเขาขนาดไม่ใหญ่มากแห่งหนึ่ง กาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างสงบสุข ในน้ำมีปลา ในท้องฟ้ามีหมู่นกโบยบิน

เป็นสถานที่ซึ่งมิได้มีความแปลกประหลาดอันใด ไม่มีปราณวิญญาณเข้มข้นหรือประกายสายระยิบระยับ แต่หากจ้าวหุบเหวหรือหลินซวนได้ค้นพบที่แห่งนี้ พวกเขาคงต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้างอย่างแน่นอน!

เพราะสถานที่แห่งนี้มีแท่นบูชาห้าสีที่พวกเขาแย่งชิงกันแทบเป็นแทบตายฝังอยู่นับไม่ถ้วน!

แท่นบูชาโบราณนั้นสามารถมองเห็นไปทุกที่หากทอดสายตามอง บ้างก็ผุพังแต่บ้างก็ยังมีสภาพสมบูรณ์ พวกมันล้วนปลดปล่อยกลิ่นอายเก่าแก่ราวกับว่าห้วงเวลาแห่งปฐมกาลได้ปรากฏขึ้น ณ ที่แห่งนี้

ใจกลางหุบเขาซึ่งเต็มไปด้วยแท่นบูชานั้น มีต้นหลิวขนาดยักษ์ต้นหนึ่งเติบโตอยู่

ต้นหลิวต้นนั้นแผ่กลิ่นอายพลังชีวิตอันมากล้นราวกับเป็นมหาสมุทร กิ่งก้านของมันดูอ่อนนุ่มและเขียวขจีอีกทั้งยังมีลักษณะโปร่งใสคล้ายกับหยกจักรพรรดิเนื้อดี ใบไม้ทุกใบกำลังเปล่งพลังอันศักดิ์สิทธิ์ เศษเสี้ยวแห่งกาลเวลาล่องลอยอยู่ทั่วใบเหมือนกำลังเต้นระบำ เพียงมองไปราวกับมันกำลังสะท้อนทั้งอดีตอันแสนไกลและอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ช่างงดงามจับตายิ่งนัก

ใต้ต้นหลิวที่สูงใหญ่ปรากฏร่างในชุดคลุมสีขาวกำลังนั่งบ่มเพาะอยู่

คล้ายร่างนั้นคือต้นหลิว และต้นหลิวคือร่างนั้น

ต้นหลิวต้นนี้ราวกับว่าเป็นแก่นแท้ของโลกใบนี้ ทุกคลายที่มันหายใจส่งผลให้หุบเขาโดยรอบปลดปล่อยกลิ่นอายแปลกประหลาด แท่นบูชาห้าสีทั้งหลายเปล่งประกายเจิดจ้า ก่อนจะรวมตัวกันเป็นสายธารแห่งแสงที่มีสีสันสวยงามและล่องลอยเข้าไปยังปากและจมูกของร่างสีขาวร่างนั้น

ร่างนั้นมิอาจจะระบุได้ว่าเป็นชายหรือหญิง สายตาของเขาราวกับมองเห็นกาลเวลาที่ไหลผ่าน ภายในกายประกอบไปด้วยอาณาจักรสวรรค์นับพันล่องลอยไปมา รอบตัวปรากฏสิ่งมีชีวิตมากมายกำลังคุกเข่าหันหน้าเข้าหาต้นหลิวและสวดภาวนา เสียงจางๆ ของบทสวดที่ลึกลับและยิ่งใหญ่กระจายไปทั่วบริเวณ

ทันใดนั้น ร่างใต้ต้นหลิวที่กำลังบ่มเพาะอยู่ก็หยุดการกระทำของตนลง เขาเงยหน้าขึ้น เส้นผมสีทองเป็นประกายเจิดจ้าราวกับแสงแดดปลิวไสวไปตามกระแสลม เปิดเผยใบหน้าที่แสนงดงามและไม่อาจจำแนกเพศได้แก่สรรพสิ่งรอบด้าน

วินาทีที่เขาลืมตา สายธารแห่งกาลเวลาปรากฏขึ้น ห้วงมิติหยุดนิ่งคล้ายถูกแช่แข็งในชั่วพริบตา แม้กระทั่งหมู่ดารายังหยุดโคจร มีเพียงประกายแสงบางเบาในแววตาของเขาเท่านั้นที่คล้ายจะคงอยู่มาช่วงกาลนาน

“สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าสิ่งนั้นจะอยู่ที่ชายขอบของแดนรกร้างรอบนอก”

คล้ายกับว่าเขากำลังรับฟังบางอย่างก่อนเอ่ยออกมา

“ทหาร,จงมา,รวมตัว,ก่อร่าง,สร้าง,กลศึก,ยกระดับ,มุ่งหน้า,จู่โจม….เช่นนั้นหรือ ไม่เลว...”

ประกายแสงเจิดจรัสเปล่งออกมาจากนัยน์ตาของเขาคล้ายกำลังมองย้อนไปยังอดีตและรับรู้ปัจจุบัน กิ่งของต้นหลิวไหวลู่ลม ลำต้นของมันหากเพ่งมองให้ดีจะค้นพบว่าให้ความรู้สึกราวกับหลุดไปอยู่ในห้วงของเวลาและอวกาศอันไกลโพ้น สามารถเอื้อมแตะมิติที่แตกต่างออกไปนับไม่ถ้วน คล้ายเป็นการคงอยู่อันเป็นอจินไตยประการหนึ่ง

ทว่า ร่างนั้นหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ลงทันที

ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและก้าวออกมา จากนั้นก็ผสานตัวเข้ากับต้นหลิวและจางหายไป

ด้านนอกหุบเขา เด็กน้อยวัยเพียงสามถึงสี่หนาวคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นอยู่ ใบหน้าอันน่ารักน่าชังและดวงตากลมโตที่แฝงประกายบางอย่างกลอกไปมา เมื่อเขาเข้ามาในอาณาเขตของหุบเขาก็หันไปมองรอบด้าน

ทันใดนั้น เขาก็มองเห็นต้นหลิวยักษ์ใจกลางหุบเขา ดวงตาเปิดกว้างขึ้นก่อนจะกระโดดเข้าใส่อย่างอารมณ์ดี เขากอดต้นหลิวไว้ราวกับเป็นลูกลิงตัวหนึ่งซึ่งเกาะหลังแม่ของตนแน่น

“เซียนต้นหลิว! ท่านอยู่ที่นี่เอง ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน!”

กิ่งหลิวโบกไปมาตายสายลมคล้ายมิได้สนใจในการกระทำใดๆ ของเจ้าเด็กตัวจ้อยที่เกาะลำต้นอยู่

ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นจะปรากฏร่างชายฉกรรจ์ท่าทางแข็งแกร่งจำนวนหนึ่งวิ่งมาจากด้านนอกหุบเขา เมื่อพวกเขามองเห็นการกระทำของเด็กน้อยก็ตะโกนออกมาอย่างกระวนกระวาย

“เสี่ยวหาว!”

“เจ้ารีบลงมาได้แล้ว!”

“พวกเรามิควรเสียมารยาทกับผู้พิทักษ์วิญญาณ!”

กลุ่มชายฉกรรจ์ที่วิ่งเข้ามาพากันแกะมือไม้ของเด็กน้อยออกจากลำต้นหลิวอย่างเร่งรีบ

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด