เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 87
ตอนที่ 87
บัดนี้ บรรพชนหลินแย้มยิ้มและกล่าวตอบ
“พวกเราจะฉลองให้กับเซียนน้อยสกุลหลินสำหรับความสำเร็จของเขา!”
“เฉลิมฉลองให้การกำเนิด ให้ชัยชนะ มีเรื่องมากมายที่สมควรแก่การได้จัดงานเลี้ยงแสดงความยินดี ยิ่งกว่านั้น พวกเราได้เวลาประเมินเหล่าสหายสองหน้าทั้งหลายที่เฝ้ามองอยู่ที่กำลังจะมาแสดงความยินดี!”
ในตอนนี้ บรรพบุรุษตระกูลหลินหรี่ตาพลางมองไกลออกไป ราวกับว่าเขามองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอายของกองกำลังแห่งฉีซานทั้งหลายที่คอยทำตัวเป็นแร้งจ้องซากศพด้านนอกเมือง
“สิบวันที่ผ่านมานี้ พวกเขาช่างหน้าหนาทนทานยิ่งนัก!”
ไกลออกไป ผ่านภูเขาและสายน้ำมากมาย ม่านหมอกขาวปกคลุมไปทั่วบริเวณ นี่คืออาณาเขตของตระกูลเฉิน ตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดของอาณาจักรฉีซาน และแน่นอนว่าด้วยความไม่ธรรมดาของพวกเขา บริเวณที่ตั้งของตระกูลย่อมมีสมบัติล้ำค่าและความลึกลับนับไม่ถ้วน
ผู้คนสามารถมองเห็นปักษาวิญญาณหลากหลายสายพันธุ์โผบินเหนือหุบเขา อสูรรับใช้ที่แข็งแกร่ง เสียงของสายน้ำและน้ำพุใสกระจ่างแว่วมาแผ่วเบา
หากเพ่งมองให้ดีจะพบผู้บ่มเพาะคนหนึ่งกำลังขี่กระบี่บินเหินฟ้าตรงเข้ามาด้วยความรวดเร็ว
คฤหาสน์ของสกุลเฉินตั้งอยู่บนยอดเขา สามารถมองเห็นได้ชัดจากระยะไกล ประกายแสงระยิบระยับสะท้อนไปมาล้อแสงอาทิตย์ ไม่ว่าใครที่เข้ามาใกล้ก็ย่อมบอกได้ว่าจวนหลังนี้สร้างถึงจากทรัพยากรล้ำค่าบางอย่าง ความสลับซับซ้อนของแผนผังที่ตั้งและตึกอาคารต่างๆ ของพวกเขาช่างแสดงให้เห็นถึงความร่ำรวยมหาศาล นี่ยังมิได้กล่าวถึงค่ายกลที่วางเอาไว้ทั่วทุกพื้นที่ กล่าวได้ว่าภูเขาทั้งลูกนั้นแทบจะก่อร่างสร้างขึ้นมาจากการถักทออักขระและค่ายกลนับไม่ถ้วนเลยเสียด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นผู้บ่มเพาะแดนแก่นทองคำก็ยังต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่จะเข้าถึงตัวคฤหาสน์ด้านบนยอดเขาได้
ขณะนี้ ด้านบนสุดของภูเขาตระกูลเฉิน ชายชราสองคนกำลังนั่งผ่อนคลายอารมณ์พลางสนทนากันไปมา
“อาวุโสใหญ่ หากท่านกล่าวมาเช่นนี้แล้ว ก็มาพูดคุยกันให้เรียบร้อยเถิด เมื่อสถานการณ์ของที่นั่นสงบลงแล้ว สมาพันธ์การค้าม่านพิรุณของเราควรจะส่งคนไปยังเมืองต้าหยานและให้พวกเขาประจำอยู่ที่สาขานั้น” ชายแก่ในชุดสีทองอร่ามกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จริงของเจ้า ในตอนที่ตระกูลหลินยังปกครองเมืองต้าหยานอยู่ พวกเราไม่กล้าพอที่จะไปแตะต้องเมืองแห่งนั้นหรือแม้กระทั่งบริเวณโดยรอบเสียด้วยซ้ำ บัดนี้ตระกูลหลินกำลังจะล่มสลาย และจ้าวห้วงเหวได้ทำการโจมตีพวกเขา อีกไม่กี่วันพวกเราคงได้รับรายงานข่าวทั้งหมด” อาวุโสใหญ่ตระกูลเฉินเป็นชายที่ใจแคบและเย่อหยิ่งผู้หนึ่ง
“ถูกของท่าน ช่างน่าเสียดายที่เมืองนั้นตกอยู่ในเงื้อมมือของสกุลหลิน อย่างไรเสีย ต้าหยานก็เป็นเมืองใหญ่และเป็นศูนย์กลางของการขนส่งในอาณาจักรฉีซาน พวกเขากลับเปิดจุดแลกเปลี่ยนสินค้าเพียงไม่กี่แห่ง แถมภาษีการค้าก็ยังต่ำจนเกินไป”
“หากสมาคมม่านพิรุณของเราสามารถยึดครองต้าหยานจากพวกตระกูลหลินได้แล้ว พวกเราย่อมสามารถหากำไรได้มากมายจากการนี้ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราสองตระกูลจะแบ่งปันผลประโยชน์อย่างลงตัว!”
“ฮ่าๆๆๆ เยี่ยม ยอดเยี่ยม! อันที่จริงแล้ว ตระกูลเฉินของข้าได้ตั้งสาขาในเมืองที่อยู่ใกล้ต้าหยานแล้วบางส่วน บัดนี้ เมื่อสกุลหลินตกตายจนหมดสิ้นก็นับว่าเป็นโอกาสอันดี จะมีใครเล่าที่แข่งขันกับสกุลเฉินได้?” ตาแก่แซ่เฉินหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
เฒ่าหน้าเหม็นทั้งสองต่างมองตากันไปมาอย่างรู้ใจ
ก๊อกๆๆ!
ทว่าว่า อยู่ๆ ก็มีใครบางคนเคาะประตูด้านนอกอย่างร้อนรน
ตาแก่สกุลเฉินยืมขึ้นพลางยิ้มร่าก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างมีความสุข
“เอาล่ะ ดูเหมือนว่าข่าวของพวกสกุลหลินจะมาถึงแล้ว ควรเป็นเช่นนั้น เวลาผ่านมาพอสมควรเยี่ยงนี้ ผลลัพธ์ของสงครามย่อมต้องเกิดขึ้นแล้ว”
“พวกมันเย่อหยิ่งเกินไป กล้าหาญถึงขั้นจะต่อต้านจ้าวแห่งหุบเหว นับว่าช่างโง่เขลาสิ้นดี ยิ่งกว่านั้นยังถึงขั้นจัดงานเลี้ยงฉลองครบรอบเดือนในทารกอีก เป็นเรื่องตลกนัก!”
เมื่อประตูเปิดออก อาวุโสใหญ่สกุลเฉินมองเห็นคนที่รออยู่ด้านนอกก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
เพราะว่าด้านนอกนั้น มีชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วนผู้หนึ่งยืนอยู่ เขาคือผู้นำตระกูลเฉิน และสีหน้าของเขาช่างเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
“ท่าน....ผู้นำตระกูล?” ตาแก่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มีสิ่งใดเกิดขึ้นจึงทำให้ท่านต้องมาเป็นผู้ส่งข่าวด้วยตนเองเช่นนี้?”
ผู้นำตระกูลเฉินไม่ได้ตอบคำถามชายชราแต่อย่างใด เขาเพียงเดินเข้าไปค้นหาบางอย่างในหีบสมบัติของอาวุโสคนนั้น ก่อนจะถามขึ้นมาอย่างร้อนรน
“หยกสื่อสารอยู่ที่ใด? พวกเราต้องเรียกเหล่าศิษย์ของตระกูลที่อยู่ในเมืองใกล้กับต้าหยานทั้งหมดกลับมาโดยด่วน!”
เรียกพวกเขากลับมา?
ได้ยินแบบนั้น ไม่เพียงอาวุโสเฉินเท่านั้น แม้กระทั่งชายชราจากสมาพันธ์ม่านพิรุณเองก็กำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ท่านผู้นำ การเรียกพวกเขากลับมาจะไม่เป็นการเสียเวลาเปล่าหรอกหรือ? พวกเขาล้วนแทรกซึมอยู่เข้าใกล้ตระกูลหลินแล้ว พวกเราใช้จ่ายไปมากมายเพื่อจะทำเช่นนั้น หากพวกเขายังคงทำหน้าที่ของตนได้อย่างดี ต้าหยานสมควรจะ....”
“อย่าพูดอะไรตอนนี้ รีบทำตามที่ข้าสั่ง พวกเขาอาจจะถูกค้นพบโดยคนตระกูลหลินแล้วก็เป็นได้!” ผู้นำเฉินกล่าวออกมา พร้อมความเดือดเนื้อร้อนใจอย่างยิ่งพลางมือก็ค้นหาหยกสื่อสารไม่หยุดหย่อน
อาวุโสเฉินและชายแก่ของม่านพิรุณยังคงไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ คนจากสมาพันธ์ม่านพิรุณก็เอ่ยออกมา
“ท่านผู้นำเฉิน กล่าวกันตามตรง ถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้คนของเราที่วางไว้ถูกค้นพบแล้วอย่างไร? ตระกูลหลินล่มสลายไปแล้ว ตราบใดที่เรายังดำเนินแผนการต่อ....”
“ล่มสลาย?”
ผู้นำแซ่เฉินหยุดชะงักในทันทีก่อนจะหันศีรษะกลับมา สีหน้าแปลกประหลาดยิ่งนัก
“อย่าบอกข้านะว่าพวกท่านยังไม่ทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ต้าหยาน?”
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ชายแก่ทั้งสองกำลังตกตะลึง
“มิใช่ว่าสกุลหลินถูกสังหารจนหมดสิ้นโดยจ้าวห้วงเหวแล้วหรอกหรือ? ข้าได้ยินมาว่าต้าหยานถูกล้อมด้วยกองทัพอสูรแล้ว?!”
สีหน้าของผู้นำสกุลเฉินแปรเปลี่ยนไปดำคล้ำราวกับก้นหม้อ เขาหยิบหมากตัวหนึ่งออกมาก่อนจะขว้างมันใส่หน้าของชายชราตระกูลตนทันที!
“ผายลม! กองทัพอสูรอันใด? หยุดฝันหวานได้แล้ว!”
“ตาแก่หลินฉิงเทียนบรรลุแดนก่อตั้งจิตแล้ว อีกทั้งเซียนน้อยสกุลหลินที่โด่งดังยังเป็นเพียงทารกผู้หนึ่งที่เพิ่งฉลองครบเดือน และยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเด็กตัวเหม็นนั่นคือผู้ที่ช่วยให้หลินฉิงเทียนเอาชนะจ้าวห้วงเหวได้!”
“ตระกูลหลินกำลังมีความสุขกับงานฉลองที่จัดขึ้นอีกครั้ง ตกตาย? ท่านคิดว่าพวกมันจะตกตายได้อย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้?”
สีหน้าของชายแก่ทั้งสองซีดขาวราวกับกระดาษ
“ท่าน ท่านว่าอย่างไรนะ?!”
“ทุกสิ่งที่ข้าเอ่ยมาเป็นความจริงทั้งหมด อย่ายืนทำหน้าโง่งมเช่นนี้! เร็วเข้า รีบออกคำสั่งให้คนของเรากลับมาและนำสมบัติของคลังทรัพยากรของพวกเราไปขออภัยตระกูลหลินกับข้า!”
ในสงครามของต้าหยาน บรรพชนหลินก้าวขึ้นสู่แดนปราณก่อตั้งจิตและเอาชนะจ้าวหุบเหวลงได้ เซียนน้อยสกุลหลินที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ปราณม่วงและสำเนียงแห่งเต๋าเป็นเพียงทารกเท่านั้น!
ข่าวนี้แพร่กระจายไปไวราวกับสายฟ้าฟาด เพียงไม่นานทั่วทั้งอาณาจักรฉีซานก็ทราบเรื่องทั้งหมด
เมื่อเหล่าผู้นำของตระกูลต่างๆ ทราบข่าว ดวงตาของพวกเขาเบิ่งกว้างจนแทบถลนออกมา!
ตระกูลหลินเอาชนะจ้าวแห่งห้วงเหวได้จริงหรือ?
นี่มันเรื่องบัดซบอันใดกัน? ยอดยุทธเหนือใต้หล้าเช่นจ้าวหุบเหวพ่ายแพ้ให้สกุลหลิน? ยิ่งกว่านั้น เมื่อใดกันที่เซียนน้อยแซ่หลินผู้นั้นกลายเป็นเพียงทารกคนหนึ่ง? มิใช่ว่าเขาเป็นรุ่นเยาว์สักคนหรอกหรือ?