ตอนที่แล้วSTBI : ตอนที่ 26 เรือฉางเหลียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTBI : ตอนที่ 28 เงาสีเทาออกอาละวาด

ฺSTBI : ตอนที่ 27 กล่องทองแดงลึกลับ


ขณะที่แสงจันทร์สาดส่องบนผิวของแม่น้ำ และ มีลมพัดเป็นประกาย

เรือลำใหญ่หนึ่งลำได้แล่นผ่านไปอย่างรวดเร็วบนพื้นผิวของแม่น้ำ ในระหว่างนี้ การเรืองแสงของอักขระที่เขียนไว้บนเรือก็ค่อนข้างสะดุดตาเป็นอย่างมากโดยเฉพาะตอนกลางคืน

ในขณะนี้ ท่ามกลางสินค้าที่ยุ่งเหยิงมากมายในห้องเก็บสัมภาระด้านล่าง กล่องทองแดงสัมฤทธิ์ที่เต็มไปด้วยลวดลายแปลก ๆ ก็บังเกิดความผิดปกติบางอย่าง

ลวดอายอันผิดปกตินี้ได้เผยปากที่กว้างของมันออกมา ราวกับว่ามันต้องการกลืนกินวิญญาณของบุคคลที่จ้องมองไปที่มัน

ตอนนี้กล่องทองแดงได้สั่นเล็กน้อย

แรงสั่นของมันได้ร่วงลงมาจากกองสินค้าและหล่นลงบนพื้น

จากนั้นควันสีเทาก็พ่นออกมาจากปากของมันที่เผยออกมา

เสียงหัวเราะที่มืดมนและเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวได้ดังขึ้นในห้องเก็บสัมภาระที่เงียบงัน

“จิ๊จิ๊จิ๊…”

“วิญญาณ…เวลา…โลหิต…”

ภาษาที่ไม่เป็นที่รู้จัก ได้ดังขึ้นอย่าคลุมเครือ ราวกับว่ามันพยายามเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก

ควันสีเทาได้ปลดปล่อยออกมาจากกล่องทองสัมฤทธิ์จากนั้นมันก็เคลื่อนตัวผ่านข่ายอาคมและเข้าใกล้บริเวณที่ผู้โดยสารพักอาศัยอยู่

ควันสีเทานี้ได้ลอบเข้าไปในห้องของแขก โดยที่ นักพรตเต๋าที่อยู่ในห้องไม่รู้ตัว เขาคนนี้ยังคงนั่งดูดซับกลิ่นอายพลังงานฟ้าดิน เฉกเช่นนักพรตเต๋าธรรมดาทั่วไป ทว่า ทันใดนั้น ควันสีเทา ก็พุ่งเข้าไปกระแทกใส่ร่างของนักพรตเต๋า

นักพรตเต๋าคนนี้เป็นเพียงผู้บ่มเพาะพลังดินแดนปราณแท้จริงเท่านั้น และ เขายังอยู่ในช่วงที่สองของการฝึกจิตวิญญาณ แม้ว่าจิตวิญญาณของเขาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปมากนัก แต่มันก็ดูไม่มีนัยความสำคัญ

เพราะมันยังคงเปราะบางและอ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับควันสีเทาที่โจมตีจิตวิญญาณ มันทำให้เขาไม่สามารถต่อต้านได้เลย

จากนั้นควันสีเทาก็กลืนจิตวิญญาณของนักพรตเต๋าคนนี้ไปอย่างง่ายดาย นักพรตเต๋าคนนี้ไม่ได้มีร่องรอยของอาการบาดเจ็บ ทว่าทั่วร่างของเขากลับดูตายสนิทอย่างน่าสงสัย

ผ่านไปไม่นาน ควันสีเทาก็ออกมาจากร่างของนักพรตเต๋าคนนี้แล้วพุ่งไปยังห้องถัดไป

ไม่ว่าจะเป็น นักพรตเต๋า มนุษย์ ผู้โดยสาร หรือ ลูกเรือ ควันสีเทานี้ ล้วนไม่ละเว้น ตราบใดที่คุณพบมัน มันก็จะกลืนกินจิตวิญญาณของผู้ที่พบ จนกระทั่งปาเข้าไปร่วม 100 คน

ในเวลานี้ ใบหน้าจำนวนมากได้ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องบนควันสีเทา พวกเขาคือเหล่าจิตวิญญาณที่ถูกกลืนกินไปก่อนหน้านี้ พวกเขาแสดงออกมาด้วยสีหน้าที่ โกรธเคือง เจ็บปวด ไม่เต็มใจ และ หวาดกลัว…

แต่โดยรวมแล้วบรรยากาศจะออกไปเชิงด้านลบเป็นอย่างมาก

จากนั้น ควันสีเทาก็กลับมาที่ห้องเก็บสัมภาระและเข้าไปในกล่องทองแดง , กล่องทองแดงได้ส่องประกาย และ ลวดลายบางส่วนของมันก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อย

“จิ๊จิ๊จิ๊…”

เสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองได้ดังขึ้นอีกครั้งภายในห้องเก็บสัมภาระที่เงียบงัน

เช้าวันรุ่งขึ้น.

เสียงกรีดร้องแห่งความหวาดกลัวได้ทำลายความเงียบสงบบนเรือในทันที

ในเวลานี้ ประตูห้องพักได้ถูกเคาะอย่างรุนแรงจากนั้นก็มีพลังงานเดินเข้ามา

“เกิดอะไรขึ้น?”

“มีการเรียกตรวจสอบขอให้ทุกคนมารวมตัวกันด้วยขอรับ!”หลังจากพูดจบเขาก็รีบออกไปเคาะประตูห้องถัดไป

ไป๋ตงหลิน ที่เพิ่งออกกำลังกายตอนเช้าเสร็จ เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกเขาล่องเรือในแม่น้ำนูมา 5 วันแล้ว และ ภายในระยะเวลา 5 วัน ก็ไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น

ระยะเวลาการเดินทางทั้งหมดก็คือ 18 วัน หากไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นพวกเขาก็จะไปถึงจุดหมายปลายทางตามระยะเวลาที่กำหนด

แต่น่าเสียดาย ดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ จะขัดแย้งกับความคาดหวังของเขา หลังจากเปิดประตู เขาก็เรียก หลิวต้าฟู่ และ จื่อเสี่ยวหลิง ไปที่บนดาดฟ้าเรือพร้อมกัน

ในเวลานี้ ดาดฟ้าเรือเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก และ มีเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่าง ตอนนี้ ไป๋ตงหลิน ได้มองเห็น กัปตันเรือ หวางลู่เฟย เดินเข้ามา

ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างร้ายแรงเกิดขึ้น แม้กระทั่งท่าทีของกัปตันเรือก็ยังดูตื่นตระหนก

เมื่อทั้งสามคนเข้ามาใกล้ พวกเขาก็ได้ยินกัปตันเรือซักถาม

“ศพเหล่านี้ถูกพบในพื้นที่ C ใช่หรือไม่ ใครเป็นคนแรกที่พบศพ?”

“กัปตัน พบศพในพื้นที่ C จำนวน 93 ศพ และ อีก 24 ศพ ถูกพบในพื้นที่ B ซึ่งอยู่ถัดจากพื้นที่ C เล็กน้อย คนแรกที่พบศพคือ จางเอ้อโกว จากครัวด้านหลัง เขาต้องการลุกขึ้นไปเตรียมอาหารในตอนเช้า แต่กลับพบร่างของเพื่อนของเขานอนตายอยู่ในห้องครัว”

“หลังจากได้รับรายงาน พวกเราก็ทำการตรวจสอบเรือทั้งหมดแล้วพบศพทั้งหมด 117 ศพ พวกเขามีลักษณะการตายโดยไม่ทราบสาเหตุ!”

“เมื่อคืนมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่?”

“ข้าได้สอบถามผู้โดยสารโดยรอบที่อยู่ใกล้ศพผู้เสียชีวิตแล้ว พวกเขาทั้งหมดต่างตอบว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น แม้แต่คนที่อยู่ห้องพักเดียวกันก็ไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวใด ๆ ราวกับว่าคนเหล่านี้เสียชีวิตเองโดยธรรมชาติ”

กัปตันเรือได้สำลักออกมาในทันที คนบนเรือมีมากกว่า 3,000 คน แต่ทว่าคนกว่า 100 คนกลับตกตายในเวลาเดียวกันงั้นหรือไม่? ความเป็นไปได้ที่จะถูกวางยาในอาหารก็ตัดออกไปได้เลย เพราะลักษณะของการตายนั้นไม่เป็นที่ชัดเจน

อีกอย่าง ในฐานะนักพรตเต๋่า พวกเขามีวิธีการเดินลมหายใจที่แตกต่างกันออกไป หากถูกพิษก็จะรีบเดินพลังในการรักษาทันที

มันแทบจะไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังถูกพิษ

“เนตรว่างเปล่า! ทำงาน!”

ในเวลานี้ รูม่านตาของกัปตันก็ได้เปลี่ยนเป็นสีทอง เขาได้สังเกตุศพหนึ่งอย่างระมัดระวังจากบนลงล่าง จนท้ายที่สุดก็จ้องมองไปที่หน้าผากของศพ

กัปตันได้หยุดเทคนิคของเขา จากนั้นดวงตาของเขาก็กลับมาเป็นปกติ แต่ใบหน้าของเขาได้กลายเป็นจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ

จิตวิญญาณถูกกลืนกินโดยสมบูรณ์ เพราะจิตวิญญาณหายไปจึงทำให้ร่างกายตายสนิท วิญญาณที่หายไปนั้นคาดว่าคงจะหวนคืนสู่แม่น้ำจิตวิญญาณไปแล้ว

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีร่องรอยของรัศมีพลังวิญญาณอยู่ในซากศพ

นี่ไม่ใช่การสลายตัวของจิตวิญญาณตามธรรมชาติ มันน่าจะเป็นผลมาจากการถูกโจมตีทางจิตและส่งผลให้จิตวิญญาณถูกทำลาย

สิ่งนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณเป็นคนลงมืองั้นหรือไม่?หรือเป็นสัตว์ปีศาจที่เคลื่อนไหว? หรือว่าจะเป็นฝีมือของผู้บ่มเพาะพลังปีศาจ?

ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดี อีกฝ่ายสามารถฆ่าคนได้อย่างเงียบ ๆ กว่า 117 ชีวิต ในชั่วข้ามคืน อีกฝ่ายจะต้องมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าเขาอย่างแน่นอน

กัปตัน ได้ครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไร ตามกำหนดการเดินเรือ ‘ฉางเหลียน’ ยังคงเหลือเวลาอีก 13 วัน ก่อนจะเดินทางไปถึง ท่าเรือซือเป่ย และ ระยะทางมันก็ไกลเกินกว่าที่จะเทียบท่าเรือในพื้นที่อันใกล้นี้

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องวางแผนบางอย่าง ที่นี่มี นักพรตเต๋า จำนวนมาก ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น เกรงว่าเขาก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้

หวางลู่เฟย ได้กล่าวสั่งการในทันที “เก็บศพทั้งหมดให้เรียบร้อยและนำไปไว้ในห้องแช่แข็ง แยกย้ายกันไปเตือนแขกทุกท่านว่าให้อยู่แต่ในห้องของพวกเขา”

“สั่งให้ลูกเรือทั้งหมดกลับไปทำงานตามปกติและอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป”

“ขอรับ!”

เหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับคำสั่งและจากไป

กัปตันเรือ ได้หยิบ ยันต์หมื่นลี้ ออกมา เขาได้ส่งข้อความออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือ ยันต์ใบนี้ได้ลุกเป็นไฟและกลายเป็นแสงสีขาวสองดวง ดวงหนึ่งได้พุ่งไปทางเหนือ ส่วนอีกดวงได้พุ่งไปทางใต้ จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากเสร็จเรื่องนี้ กัปตันเรือ ก็เรียกคนเข้ามาในห้องของกัปตันเพื่อหารือเกี่ยวกับการลาดตระเวนในตอนกลางคืนอย่างรอบคอบ

พวก ไป๋ตงหลิน ทั้งสามคน มองเห็นทุกอย่างในสายตาของพวกเขา ในเวลานี้ หลิวต้าฟู่ มีสีหน้าที่เคร่งขรึมเป็นอย่างมาก แต่ จื่อเสี่ยวหลิง ก็ยังคงกินเค้กของนางอย่างไม่ใส่ใจ ปากของนางได้อมพงำตลอดเวลา

“พี่หลิว ท่านคิดอะไรอยู่งั้นหรือ?”ไป๋ตงหลินได้ริเริ่มกล่าวถามในทันที

“พี่ไป๋ ข้า อะแฮ่ม…ไม่สิ ข้าคิดว่าพวกเรากำลังเจอปัญหา มีใครบางคนสามารถฆ่านักพรตเต๋าบนเรือจำนวนมากได้อย่างเงียบเฉียบ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ธรรมดาแล้ว”

“ยิ่งไปกว่านั้น การฆ่าอย่างไม่เลือกปฏิบัติเช่นนี้ ใช่ว่านักพรตเต๋าธรรมดาจะสามารถทำได้!”

การแสดงออกของ ไป๋ตงหลิน ได้ขยับ ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

“ท่านหมายถึง…”

“ใช่ มันคล้ายกับรูปแบบการซุ่มโจมตีของพวก สัตว์ปีศาจ หรือ ภูติผีมากกว่า และมันอาจจะเป็นประเภทที่จัดการได้ยากลำบากที่สุด”

หลิวต้าฟู่ ได้หรี่ตาลงเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังคิดถึงประสบการณ์ที่ไม่เป็นที่น่าพอใจ

แม้ว่า ไป๋ตงหลิน จะไม่เคยสัมผัสกับ สัตว์ปีศาจ และ ภูติผี มากมาย แต่เขาก็รู้ว่า เป้าหมายของพวกสัตว์ปีศาจและภูติผีเหล่านี้ก็คือการฆ่าและทำลาย

การฆ่าตามอำเภอใจเช่นนี้ มีลักษณะที่แปลกมาก ดังนั้นมีโอกาสเป็นไปได้ว่าจะเป็นพวก สัตว์ปีศาจ หรือ ภูติผี เป็นคนทำ

เจ้าพวกนี้ได้ใช้วิธีการแปลก ๆ ในการคร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมาก

หากพวกเขาไม่ได้คิดผิด เกรงว่า ทุกคนบนเรือ ‘ฉางเหลียน’ กำลังตกอยู่ในอันตราย

“พี่ไป๋ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราสามคนมาพักห้องเดียวกันดีรึไม่ หากเกิดอะไรขึ้นพวกเราจะได้ดูแลซึ่งกันและกันได้!”

หลิวต้าฟู่ กล่าวถามด้วยความเขินอาย ความแข็งแกร่งของไป๋ตงหลิน นั้นไม่ธรรมดา หากได้อยู่กับเขา พวกเขาก็จะปลอดภัยมากกว่า นี่ไม่ใช่แค่ตัวเขาเอง เพราะเขากลัวว่าเขาจะไม่สามารถปกป้อง จื่อเสี่ยวหลิง ได้

“นี่ก็ดีเหมือนกัน!”

ไป๋ตงหลิน ได้พยักหน้าและตอบตกลง แน่นอนว่าเขาไม่ได้กลัวตาย แต่เขาค่อนข้างมีความรู้สึกฉันท์มิตรที่ดีกับ หลิวต้าฟู่ หลังจากคบหากันมาสักระยะนึง ดังนั้น เขาจึงเต็มใจที่จะช่วยเหลืออีกฝ่าย

ที่เขากังวลก็แค่ จื่อเสี่ยวหลิง จะเห็นด้วยหรือไม่?

เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน

“อื้ม~เค้กนี่ช่างหอมและหวานมัน กินได้ไม่เบื่อเลยจริง ๆ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด