เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่86
ตอนที่ 86
ไม่มีผู้ใดในอาณาจักรฉีซานจะทำใจเชื่อได้ลงว่าตระกูลหลินได้รับชัยชนะมาจริงๆ!
กระทั่งทางฝ่ายสกุลหลินเอง พวกเขาเองยังคิดว่าตนถึงคราวต้องสิ้นชีพเสียแล้วในครานี้!
งานฉลองครบรอบเดือนที่จัดขึ้นก่อนหน้านี้ มีเพียงสองตระกูลเท่านั้นที่ยอมมาตามบัตรเชิญ!
สถานการณ์ก่อนหน้านี้ทำเอาเหล่าศิษย์สกุลหลินทั้งหลายที่ยืนอยู่ด้านหลังอดมิได้จะรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังถูกกดทับด้วยภูเขาลูกมหึมา การจะหายใจยังเป็นไปได้อย่างยากลำบากยิ่งนัก!
ทว่าบัดนี้ เมื่อจ้าวห้วงเหวพ่ายแพ้และบรรพชนของพวกเขาบรรลุแดนปราณก่อตั้งจิต ตระกูลหลินได้รอดจากภัยพิบัติใหญ่ยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาแล้ว!
ความกดดันมหาศาลที่ก่อนหน้านี้สะกดข่มไปทั่วทั้งบริเวณสกุลหลินเลือนหายไปอย่างหมดจด!
บางคนก็น้ำตานองทั่วใบหน้า บ้างกำลังหัวเราะราวกับเสียสติ แม้กระทั่งเหล่าอาวุโสทั้งหลายที่ไม่สนใจหน้าตาและชื่อเสียงของตนอีกต่อไป ตาแก่พวกนั้นทรุดตัวลงกับพื้นแล้วหัวเราะทั้งน้ำตาออกมา!
มองเห็นฉากเบื้องหน้าตนในขณะนี้ เป่ยเฉินจ้านและซวนชางหลินต่างมองหน้ากันไปมา ก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยความยินดีที่เปี่ยมล้นในหัวใจ พวกเขาเองก็นั่งลงกับพื้นและร่วมแสดงความยินดีไปพร้อมสมาชิกสกุลหลินทั้งหลาย
“ไปพาพวกรุ่นเยาว์ที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้กลับมาเร็วเข้า!”
“ตระกูลหลินของพวกเราชนะแล้ว!”
“ถูกของเจ้า พาพวกเขากลับมายังบ้านกันเถิด”
ตาเฒ่าหลินเปาตะโกนดังลั่น ทันใดนั้นศิษย์ทั้งหลายที่ยังเหลืออยู่ก็คลานมาหาเขา พวกเขาปาดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะลุกขึ้นและกระโจนไปยังที่ตั้งของค่ายกลเคลื่อนย้ายในทันที
เห็นดังนี้ หลินซวนที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนมารดาอดมิได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขายืดร่างกายของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะหันมองไปรอบด้าน เตรียมตัวจะกลับสู่การบ่มเพาะทักษะดัชนีกักสวรรค์ขังปฐพีและเก้าอักขระลับของตนอีกครั้ง
น่าเสียดาย เพียงเขาปิดเปลือกตาลงเท่านั้น อยู่ก็ปรากฏเสียงคำรามดังลั่นจนเขาจำใจต้องลืมตาขึ้นมา
“ฮ่าๆๆๆๆ บุตรชายที่ยอดเยี่ยมของข้า!”
หลินเฮ่าพุ่งทะยานเข้ามาหาหลินซวนก่อนจะอุ้มเขาออกจากอ้อมกอดของมารดา ก่อนจะเอาหน้าสากๆ เปื้อนฝุ่นดินของตนถูเข้ากับแก้มยุ้ยๆ ของบุตรชาย
“ถอยไป ตาแก่ผู้นี้นี่!”
หลินซวนอดมิได้จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เขาเปิดเปลือกตาของตนขึ้นก่อนจะใช้มือน้อยๆ ของตัวเองดึงศีรษะของบิดาไปมา แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะดูเหยียดหยามพอสมควร แต่ด้วยความที่หลินซวนยังเป็นเพียงทารกตัวน้อย เสียงของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความน่ารักน่าชัง เช่นเดียวกับหน้าตาของเขาที่มิได้ต่างกัน
เมื่อซวนยู่เห็นใบหน้าที่ไม่ชอบใจของหลินซวน นางเพียงยิ้มออกมาอย่างบางเบา
“ซวนเอ๋อร์ เจ้ามิควรพูดกับบิดาเช่นนั้น”
เมื่อหลินซวนได้ยินเสียงตำหนิของมารดาตน สีหน้าของเขาแสดงออกซึ่งความขมขื่น ก่อนจะค่อยๆ หดมือเข้ามา
อันที่จริงแล้วสำหรับหลินเฮ่าผู้เป็นบิดานั้น หลินซวนมิได้รู้สึกเคารพอีกฝ่ายมากนัก พอจะกล่าวได้ว่าค่อนข้างเฉยชาพอสมควรก็ว่าได้
ทว่าเขายังคงให้ความเกรงใจแก่มารดามากพอตัว อย่างไรเสียซวนยู่ก็เป็นผู้ที่อุ้มท้องเขามาถึงหนึ่งร้อยปีด้วยกัน แต่นางก็มิได้หมดหวังในตัวเขาและยังพยายามดูแลบุตรชายตัวน้อยในท้องเสมอมา
ซวนยู่เอ่ยปรามบุตรเล็กน้อย เพราะเหตุนั้นหลินซวนจึงยอมปล่อยให้หลินเฮ่าได้เล่นกับเขาต่อไป
“น่ารักเหลือเกิน!”
“ช่างสมกับที่เป็นบุตรชายของข้าคนนี้!”
“ปรากฏการณ์ทั้งสองที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ฮ่าๆๆๆ ช่างเป็นอัจฉริยะเหมือนกับข้าเมื่อก่อนเสียจริง!”
เมื่อหลินซวนได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเขาเปิดกว้างขึ้นและอดมิได้ที่จะเยาะเย้ยบิดาหน้าหนาของตน
“ฮึ จะเทียบตัวเองกับข้าเช่นนั้นหรือ?”
หลินเฮ่าถึงกับชะงักไป
แม้แต่สมาชิกตระกูลหลินโดยรอบเองก็นิ่งค้างไปชั่วครู่เช่นกัน พวกเขามิคาดคิดมาก่อนว่าหลินซวนจะเอ่ยประโยคที่ดูไร้หัวใจเช่นนั้นออกมา
แต่อย่างไรเสีย....เขาก็ยังน่ารักมากอยู่ดี!
ต่อให้เจ้าตัวน้อยคนนั้นจะหรี่ตาลงและเย้ยหยันอย่างโหดร้าย ทว่าเขาก็ยังเป็นทารกน้อยแสนน่ารักน่าชังราวกับหยกชั้นดีที่สลักเสลาอย่างงดงาม และเหล่าคนที่ห้อมล้อมอยู่ก็มีแต่ตาแก่หน้าเหม็นทั้งนั้น มิได้มีสตรีสักคนอยู่ในบริเวณนี้ หากว่าโดยรอบมีผู้หญิงมิว่าเด็กหรือแก่สักคนอยู่ พวกนางคงหัวใจหลอมเหลวกลายเป็นน้ำไปแล้วด้วยความน่าเอ็นดูของหลินซวน
“สมกับที่เป็นเซียนน้อยแซ่หลินของพวกเรา!”
“ใช่แล้วพี่ชาย อย่าได้พยายามอวดเบ่งแถวนี้ ท่านถามตัวเองดูดีๆ เถิด หากมิใช่เพราะทักษะที่ท่านได้รับมาจากซวนเอ๋อร์แล้วล่ะก็ มีหรือจะเอาชนะอสูรได้? ทั้งพลังดูดกลืน ทั้งปราณม่วง ไหนจะสำเนียงแห่งเต๋านั่นอีก....” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังเยาะเย้ยหลินเฮ่า และนับนิ้วไปพลางที่กล่าวออกมา เขาคือหลินเจี้ยน น้องสามจากในบรรดาลูกพี่ลูกน้องสี่คนของหลินเฮ่า
“น้องสาม ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีอาการคันตามเนื้อตัวพอสมควร อยากให้ข้าช่วยทุบตีสักหน่อยแก้คันหรือไม่?” สายตาหลินเฮ่าเย็นชาพอสมควร
ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังทุ่มเถียงกันไปมา เหล่าอาวุโสคนอื่นก็เดินเข้ามาหยอกล้อก็ใบหน้ากลมนิ่มของหลินซวนเช่นกัน
หลินซวนที่รู้สึกรำคาญเต็มทนทำได้เพียงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะผลักศีรษะของตาแก่ทั้งหลายให้ออกไปจากใบหน้าตัวเอง
“จิ้ จิ้ ไม่เพียงแต่น่ารักน่าชังเท่านั้น แต่ยังทรงพลังยิ่งกว่าลูกของอสูรโบราณเสียอีก สมแล้วที่เป็นเซียนน้อยของข้า!” หลินเปาเอ่ยหยอกเย้าออกมาระหว่างที่กอดทารกน้อยและหลบเลี่ยงกำปั้นเล็กๆ ของเขา
ในตอนนี้ ใบหน้าของหลินซวนดำมืดราวกับก้นหม้อ เขาไม่สามารถจะอดทนเหล่าตาเฒ่าไร้สติพวกนี้ได้อีกต่อไปแล้ว!
“พูดอะไรของเจ้า? ลูกอสูรอันใด? ปล่อยข้าไปได้แล้ว!”
“โอ้ะโอ๋ อย่างที่คิดไว้ ช่างเป็นเด็กน้อยที่ฉลาดเฉลียวยิ่งนัก สามารถเข้าใจคำพูดของตาแก่ผู้นี้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา!” ตาเฒ่าเปาหาได้สนใจความรำคาญและไม่เคารพในน้ำเสียงของหลินซวนแต่อย่างใด อีกทั้ง เขาเองยังมีความสุขมากมาย ดวงตาฝ้าฟางเปล่งประกายอารมณ์ดี
หลินซวนเชิดหน้าขึ้นอย่างดูแคลนหลินเปา ก่อนจะปัดมืออีกฝ่ายให้พ้นไปจากตัวเอง เขามิได้สนใจพวกคนแก่ตัวเหม็นเหล่านี้แม้แต่น้อย
ท้ายที่สุด ซวนยู่ก้าวเข้ามาอุ้มหลินซวนจากไป ช่วยชีวิตเขามิให้ต้องดมกลิ่นขมขื่นจากตาเฒ่าพวกนั้นนานกว่านี้
บรรพชนหลินเองก็มาเยี่ยมหลินซวนด้วยรอยยิ้ม ในตอนนี้ เขาเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นสีขาวสะอาดอีกครั้ง แม้ว่าบาดแผลจะยังอยู่ แต่เขาก็มิได้สนใจแต่อย่างใด
จากนั้น บรรพบุรุษหลินก็สัมผัสศีรษะของหลินซวนเบาๆ
ต่อหน้าบรรพชนแซ่หลิน หลินซวนยังมอบความเคารพให้แก่เขาอยู่บ้าง
“บรรพบุรุษ”
“ขอบใจที่ช่วยเหลือข้าก่อนหน้านี้ มันมิได้ส่งผลกระทบใดๆ แก่ร่างกายของเจ้าใช่หรือไม่?” บรรพชนสกุลหลินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล
หลินซวนชะงักไปชั่วขณะ ในคราแรกเขาเองนึกว่าชายชราผู้นี้จะถามถึงที่มาของปรากฏการณ์ต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นเพราะเขาหรือไม่ก็ถามหาผู้อยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้ ทว่าเขามิได้คาดคิดเลยว่าบรรพบุรุษของตนจะถามคำถามเช่นนี้ออกมา
“ไม่ต้องกังวล”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว” หลังจากเอ่ยออกมา บรรพชนตระกูลหลินก็มองไปยังเหล่าอาวุโสโดยรอบและกล่าวเสียงเย็น
“พวกเจ้า ไม่ว่าซวนเอ๋อร์จะเป็นเด็กรอบรู้เพียงใด แต่เขายังเป็นเพียงทารกเท่านั้น หยุดรบกวนเขาได้แล้ว”
หลังจากพูดประโยคนี้ออกมา ชายชรามิได้เอ่ยสิ่งใดอีก เพียงจากไปอย่างเงียบเชียบเท่านั้น
หลินซวนอดมิได้ที่จะถามบางอย่างขึ้นมา
“บรรพชน แล้วอาวุโสท่านอื่นเล่า? โดยเฉพาะอาวุโสหลินเทียนหยาและหลินหวางหยางล่ะขอรับ?”
“เทียนหยาและคนอื่นๆ สบายดี เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล” หลังจากกล่าวจบ เขาก็หรี่ตาลงก่อนพูดออกมาอีกครั้ง
“แม้ว่าหวางหยางจะพบกับปัญหาบางอย่างเพราะเขาเหลือเพียงดวงวิญญาณเท่านั้น การจะคืนร่างให้เขาต้องใช้สมบัติมากพอสมควร ทว่าก็ยังมีความหวังอยู่ ไม่ได้ยากเย็นจนเกินไปนัก!”
หลังจากนั้น บรรพชนหลินโบกมือของตนและเอ่ยกับคนโดยรอบ
“พวกเจ้าทุกคน เตรียมตัวให้พร้อม พวกเรายังต้องจัดงานฉลองครบรอบเดือนต่อไป!”
ผู้คนโดยรอบอดไม่ได้ที่จะสับสนอยู่บ้าง
“งานฉลองครบเดือน? ยังมีสิ่งใดต้องทำอีกหรือ?”