556 - ราชันย์รัตติกาลทมิฬ
556 - ราชันย์รัตติกาลทมิฬ
“เจียงไท่ซู วิญญาณของเจ้ากลายเป็นครึ่งเซียนได้อย่างไร!?”
ชายชราที่เหลืออยู่คนสุดท้ายถอยหลังด้วยความกลัว
ในตอนแรกพวกเขาเชื่อว่าต่อให้ร่างกายของตัวเองไม่สามารถเทียบกับร่างศักดิ์สิทธิ์ของเจียงไท่ซูได้ แต่วิญญาณของพวกเขาจะต้องมีความแข็งแกร่งกว่าฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน
พวกเขาเคยรับประทานหญ้าหยินใต้พิภพซึ่งทำให้วิญญาณของพวกเขาแทบจะกลายเป็นอมตะไปแล้ว!
วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาได้รับการหล่อเลี้ยง และมันก็เติบโตถึงระดับที่ไม่สามารถจินตนาการได้
พวกเขามาที่นี่ด้วยความมั่นใจว่าต่อให้เจียงไท่ซูมีความแข็งแกร่งเหมือนเช่นในอดีต พวกเขาก็จะสามารถล้างความอัปยศได้
แต่ใครจะรู้ว่าสี่พันปีที่ถูกขังอยู่ในภูเขาสีม่วง เจียงไท่ซูก็มีพัฒนาการที่น่าตกตะลึงเช่นเดียวกัน!
ชายชราคนสุดท้ายมีสีหน้าเศร้าหมองอย่างถึงที่สุด เป็นเวลาสี่พันปีที่เขาได้เดินเตร่ไปมาระหว่างความเป็นและความตาย
พวกเขามาที่ด้วยความมั่นใจ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังก็ยังไม่อาจรอดพ้นชะตากรรมที่พวกเขาหลีกเลี่ยงได้สำเร็จเมื่อสี่พันปีก่อน!
“ในเมื่อเจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วเจ้าก็ไปตามทางของตัวเองเถอะ!”
เมื่อพูดจบหม้ออสูรกลืนสวรรค์ในมือของเจียงไท่ซูก็บินเข้าหาชายชราคนสุดท้ายโดยเลือกที่จะทำการปะทะตรงๆไม่ได้ใช้ทักษะที่มหัศจรรย์แต่อย่างใด
ปีศาจเฒ่าวิญญาณสีดำในตอนแรกยกมือขึ้นมาโดยต้องการที่จะต่อต้านอีกครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจเบาๆและปล่อยให้หม้ออสูรกลืนสวรรค์ทำลายวิญญาณของเขาโดยปราศจากการต่อต้าน!
"นี่......"
ผู้คนมากมายในเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่มองเห็นเหตุการณ์ต่างก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือก
แต่พวกเขาไม่มีโอกาสได้แสดงออกมากนัก เพราะพวกเขาต้องรีบกลับไปซ่อนตัวให้เร็วที่สุด เนื่องจากเตาเทพสุริยันดูเหมือนจะสลัดหลุดจากการต่อสู้อันบ้าคลั่งกับอาวุธเต๋าสุดขั้วอีกชิ้นได้แล้ว
ในตอนนี้มันบินเข้าหามือของเจียงไท่ซูที่ยืนอยู่บนฟ้าอย่างองอาจสง่างาม
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ได้มีร่างกายที่สวมชุดเกราะสีเทาร่วงลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว!
“ปัง!”
ด้านล่างอาคารบ้านเรือนที่งดงามมากมายแตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อชายชราคนนั้นลุกขึ้นยืนอีกครั้งร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยเลือดสีเงิน
“นั่นมัน...เลือดสีเงิน!”
“ทำไมเลือดของเขาถึงเป็นสีเงิน”
ผู้คนในเมืองเมืองศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจว่าชายชราที่สามารถต่อสู้กับอาวุธเต๋าสุดขั้วได้หลายชั่วยามเป็นใครกันแน่
แม้แต่เผ่าพันธุ์อสูรของดินแดนรกร้างตะวันออกก็ยังมีเลือดสีแดง คนผู้นี้เป็นใคร มีความลึกลับอะไรซ่อนอยู่ในร่างกายของเขา?
“เจียงไท่ซูแม้ว่าจะผ่านไปนานหลายพันปีข้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะทำลายลูกหลานของเจ้าให้หมด!”
เมื่อเขาพูดจบความว่างเปล่าก็เหมือนม้วนภาพที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
ชายชราคนนั้นประสานอินอย่างรวดเร็วพร้อมกับปลดปล่อยร่างธรรมที่มีความสูงหลายหมื่นจ้าง ภาพธรรมนั้นเป็นร่างของชายหนุ่มที่สวมชุดสีดำและมีมงกุฎเทพสีแดงอยู่กลางศีรษะ
เมืองศักดิ์สิทธิ์ซึ่งยืนยงมาหลายปีและเป็นอมตะกำลังสั่นคลอนพร้อมที่จะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ
ชายชราคนนี้เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งมากกว่าปีศาจเฒ่าครึ่งผีครึ่งคนก่อนหน้านี้ เพียงแค่สิ่งที่เขาแสดงออกมาก็สามารถบดขยี้ยอดฝีมือทุกคนในดินแดนรกร้างตะวันออกได้แล้ว!
“เจ้าแห่งราตรีอันมืดมิด นี่คือภาพธรรมของราชันย์รัตติกาลทมิฬ!”
จักรพรรดิเซี่ยที่ชมการต่อสู้จากด้านข้างอุทานด้วยความตกใจ
เงาขนาดมหึมาดังกล่าวปกคลุมท้องฟ้าของเมืองศักดิ์สิทธิ์ และเขาก็ใช้มือใหญ่ตบเข้าหาเมืองโบราณที่มีประวัติยาวนานหลายแสนปี!
“มนุษย์จะมีพลังมากมายถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ผู้คนที่อยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์สิ้นหวังอย่างถึงที่สุดแล้ว พลังที่ฝ่ายตรงข้ามแสดงออกมานั้นสามารถเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตอมตะที่จู่โจมเมืองศักดิ์สิทธิ์เมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างแน่นอน!
“บูม!”
ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังของทุกคน เจียงไท่ซูได้ส่งเตาเทพสุริยันบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อปิดกั้นการโจมตีทั้งหมดของราชันย์รัตติกาลทมิฬ
“เจียงไท่ซูข้าจะทำลายลูกหลานของเจ้าทั้งหมดเพื่อแก้แค้นให้พี่ใหญ่ของข้า”
ในเมืองโบราณเกือบทุกคนรู้สึกเจ็บปวดที่แก้วหู หลายคนกระอักเลือดออกมา ในขณะที่ผู้บ่มเพาะระดับต่ำหลายคนถึงกับร่างกายระเบิดจากคลื่นเสียงของราชันย์รัตติกาลทมิฬด้วยซ้ำ
ราชันย์รัตติกาลทมิฬมีชื่อเสียงตั้งแต่เมื่อห้าพันปีก่อน เขาเป็นหนึ่งในจักรพรรดิของราชวงศ์ภาคกลางร่วมกันกับพี่ชายของเขาราชันย์ทิวาไร้สิ้นสุด พวกเขาถูกเรียกรวมกันว่าราชันย์แฝดผู้ยิ่งใหญ่!
“อา!!”
ราชันย์รัตติกาลทมิฬร้องลั่น แม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุดแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้เนื้อหนังของตัวเองต่อต้านอาวุธเต๋าสุดขั้ว
“ปัง!”
เจียงไท่ซูใช้เตาเทพสุริยันทุบใส่ร่างกายของราชันย์รัตติกาลทมิฬซ้ำอีกครั้ง!
“โครม!”
ราชันย์รัตติกาลทมิฬบินออกไปไกลสุดขอบฟ้า ร่างของเขากระแทกเข้ากับยอดเขาขนาดใหญ่จนแรงสั่นสะเทือนนั้นแม้แต่ผู้คนในเมืองศักดิ์สิทธิ์ก็ยังสัมผัสได้!
แม้ว่าเขาจะเคยเป็นหนึ่งในราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ของภาคกลางซึ่งได้ชื่อว่าแข็งแกร่งมากกว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนรกร้างตะวันออก
แต่เมื่อปะทะกับอาวุธเต๋าสุดขั้วโดยตรงมันก็เป็นเรื่องโชคดีแค่ไหนแล้วที่เขายังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้!
“ชุดเกราะของปราชญ์โบราณแข็งแกร่งสมคำร่ำลือ ขอบใจเจ้าที่นำมามอบให้ข้าด้วยตัวเอง!” เจียงไท่ซูหัวเราะอย่างเย็นชา
“ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์เป็นอาวุธเต๋าประจำตระกูลของเรา เมื่อมันถูกสวมอยู่บนร่างกายของข้า ต่อให้เตาเทพสุริยันของตระกูลเจียงแข็งแกร่งกว่านี้สิบเท่า เจ้าก็ไม่มีทางฆ่าข้าได้!”
ราชันย์รัตติกาลทมิฬหัวเราะเบาๆก่อนจะกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ไม่สามารถประคองร่างกายให้ตัวเองยืนได้อีกต่อไป
ก่อนหน้านี้เขาต่อสู้อยู่กับเตาเทพสุริยันหลายชั่วยามโดยใช้เลือดเนื้อของตัวเอง
แม้ว่าเขาจะสวมชุดเกราะที่เป็นอาวุธเต๋าสุดขั้ว แต่อาวุธเต๋าของเขามันก็เป็นเพียงของผุพังที่ตกทอดมาจากยุคโบราณเท่านั้น มันไม่สามารถเทียบกับเตาเทพสุริยันอันแข็งแกร่งได้
“บรรพบุรุษเทพไร้ผู้ต่อต้าน!”
ลูกหลานของเจียงไท่ซูส่งเสียงโห่ร้องดังลั่น ในที่สุดบรรพบุรุษของพวกเขาก็สามารถแสดงความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
“ฮะฮะ...”
เจียงไท่ซูเยาะเย้ยด้วยเสียงหัวเราะโดยไม่พูดอะไร
“เจียงไท่ซูพวกเราร่วมมือกันโจมตีภูเขาสีม่วงอีกสักครั้งเป็นอย่างไร หากลงมือสำเร็จคัมภีร์ปราศจากจุดเริ่มต้นจะเป็นของเจ้าในขณะที่ระฆังศักดิ์สิทธิ์เป็นของข้า เจ้าเห็นว่าข้อเสนอนี้ดีหรือไม่!”
ราชันย์รัตติกาลทมิฬไม่ได้มองโลกในแง่ดีอีกต่อไป แม้ว่าชุดเกราะที่เขาสวมอยู่จะเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วเช่นกัน แต่มันก็เป็นอาวุธประเภทที่เน้นการป้องกัน ซ้ำยังได้รับความเสียหายมาจากสงครามโบราณอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับเตาเทพสุริยันหนึ่งในสามอาวุธที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของดินแดนรกร้างตะวันออก มันทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังจนเริ่มใช้ผลประโยชน์ในการต่อรองเอาชีวิตรอด
ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ทุกคนต่างหวาดกลัว แม้ว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นภาคกลางจะมีท่าทีอ่อนข้อลงเล็กน้อย แต่พลังที่เขาแสดงออกมาเมื่อสักครู่นี้มันก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนกดดันจนแผ่นหลังเปียกชุ่ม
"ข้าอยู่ในภูเขาสีม่วงมานานกว่าสี่พันปี สิ่งที่ข้าควรได้รับข้าก็ได้รับมาหมดแล้ว มีความจำเป็นอะไรที่ข้าจะต้องขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ตายเช่นเจ้า?"
เจียงไท่ซูแสดงออกอย่างเฉยเมย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดจะปล่อยราชันย์รัตติกาลทมิฬให้รอดชีวิต
“เจียงไท่ซูเจ้าหยิ่งผยองเกินไปแล้ว เมื่อชุดเกราะปราชญ์โบราณถูกสวมอยู่บนร่างกายของข้า มันไม่มีอะไรในโลกที่จะสามารถทำร้ายข้าได้” ราชันย์รัตติกาลทมิฬตะโกนด้วยความโกรธ
“ราชันย์รัตติกาลทมิฬตัวเจ้าไม่สามารถเทียบได้กับพี่ชายของเจ้า ในตอนที่ข้าสู้กับเขาแม้กระทั่งตอนที่เขาตายเขาก็ยังต่อสู้อย่างกล้าหาญ ข้ารู้สึกผิดหวังในตัวเจ้านัก!” เจียงไท่ซูแค่นเสียงอย่างดูถูก
"หุบปาก! หากตอนนั้นเจ้าไม่โกงโดยแอบใช้เตาเทพสุริยันมีหรือที่จะทำอันตรายต่อพี่ชายของข้าได้!"
ราชันย์รัตติกาลทมิฬเหมือนถูกสะกิดแผลเก่า เขาคำรามออกมาด้วยท่าทางคุ้มคลั่งในทันที
“พวกเราต่อสู้กันอย่างเท่าเทียม เจ้าที่แอบดูอยู่ด้านข้างก็น่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด!” ดวงตาของเจียงไท่ซูยิ่งเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
“เจ้า……”
ทันใดนั้นร่างของราชันย์รัตติกาลทมิฬก็เกิดการชักกระตุกราวกับถูกสายฟ้าฟาด หลังจากนั้นเนื้อหนังของเขาก็ค่อยๆแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผง
แดง!
ชุดเกราะสีเทาหม่นร่วงลงบนพื้น ตรงกลางศีรษะของเขาถูกแยกออกจากกันเป็นสองส่วนและวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่หม่นหมองของเขาก็ค่อยๆสูญเสียความสดใส
“เจ้าพูดถูกแล้ว…พวกเราพี่น้องสู้เจ้าไม่ได้จริงๆ!”
ฟุบ!
เศษเสี้ยววิสุดท้ายของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ราชันย์รัตติกาลทมิฬระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงจนก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่กว่าสิบลี้!