เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 14
เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 14
"แม่ทัพลิช่างเปี่ยมด้วยคุณธรรมโดยแท้" อ้วนสุดกล่าวชม
"ฮึ่ม แม่ทัพผู้นี้จะโฉดชั่วเหมือนเจ้าได้อย่างไร?" ลิโป้แค่นเสียงเย็น
อ้วนสุดโกรธจนหน้าแดง ขณะที่กำลังจะโต้เถียงออกไป อ้วนเสี้ยวก็รีบส่งสายตาปรามไว้
เจ้าเมืองบางคนรู้สึกเอือมละอากับลิโป้ นักรบหนอนักรบ ไม่รู้จักอดทนอดกลั้นเอาเสียเลย หากแต่ซุนเกี๋ยนและเจ้าเมืองบางส่วนที่มาจากสายทหารกลับมองลิโป้ด้วยความชื่นชม
.........
"ท่านแม่ทัพ พวกเจ้าเมืองได้จัดส่งไพร่พลมาห้าหมื่น แม้จะดูเหมือนมากมาย ทว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เรียกได้ว่าทหาร ที่เหลือแทบจะไม่มีประโยชน์ ส่วนใหญ่เป็นคนแก่อ่อนแอ คงนำเข้าทัพปิงโจวได้เพียงห้าคน" โจเส็งกล่าวอย่างขมขื่น
"เจ้าไม่อาจกล่าวเช่นนั้น เจ้าดู ยังมีทหารม้าเหล่านั้น" ลิโป้กล่าวด้วยรอยยิ้มพลางชี้ไปยังกลุ่มทหารม้าที่ยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าลักษณะท่าทางของทหารอาชาขาวนั้นดูดีอย่างมาก
"ท่านแม่ทัพ นั่นคือทหารม้าอี้ฉงของกองซุนจ้าน ได้ยินมาว่า กองซุนจ้านนำทหารม้าอี้ฉงสามพันคนออกปราบปรามชนเผ่านอกด่านต่างๆ ช่วยเหลือราชสำนักได้มากมาย ทหารของเจ้าเมืองคนอื่นๆย่อมไม่อาจนำมาเทียบ" โจเส็งกล่าวด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน
'ทหารม้าอี้ฉงไม่ธรรมดาจริงๆ เทียบกันแล้วเกรงว่าจะไม่ได้ด้อยกว่ากองพลหมาป่าเลย' ลิโป้พยักหน้า ดูเหมือนว่ากองซุนจ้านจะลงทุนลงแรงไปไม่น้อย
หลังจากจัดกำลังพลใหม่ ลิโป้ก็นำทหารม้าสองพันและทหารม้าอี้ฉงหนึ่งพัน ถือทวนกรีดนภาไปที่หน้าด่านกิสุยก๋วน ลิโป้กล่าวตะโกนท้าทาย "นายอำเภอจิ่วหยวน ลิเฟิ่งเสียนอยู่ที่นี่แล้ว มีผู้ใดกล้าสู้กับข้าบ้าง?"
"สู้! สู้! สู้!" ทหารม้าสองพันคนยกชูหอกพลางตะโกนประสานเสียง ภายใต้การตะโกนนำ ทหารของเจ้าเมืองคนอื่นๆก็ตะโกนตาม เสียงของพวกเขาค่อยๆพร้อมเพรียงกันจนดังกึกก้องฟ้า
แรงกดดันจากเสียงตะโกนของผู้คนหลายหมื่นทำให้ทหารที่เฝ้าด่านกิสุยก๋วนอยู่รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แต่เพราะเมื่อคืนพวกเขาเพิ่งชนะศึกมา หลายคนจึงเริ่มสงบลง ในสายตาของพวกเขาแล้ว กองทัพพันธมิตรก็ไม่เห็นจะร้ายกาจอะไร
"เรียนท่านแม่ทัพ ลิโป้มาท้าสู้อยู่ที่นอกด่านขอรับ"
"รู้แล้ว หากไม่ได้รับคำสั่ง ห้ามผู้ใดออกไปต่อสู้" ฮัวหยงยิ้มออกมา เมื่อคืนเพิ่งชนะศึกใหญ่ แน่นอนว่ามีความดีความชอบใหญ่หลวง ท่านอุปราชกำลังจะเดินทางมาที่ด่านแห่งนี้ ถึงตอนนั้นเขาจะร้องขอความดีความชอบ และตำแหน่งภายในทัพเสเหลียงของเขาจะต้องพุ่งทะยานเป็นแน่
"ท่านแม่ทัพ ผู้น้อยขออาสาออกไปประหารฆ่าเจ้าลิโป้เองขอรับ" หูเฟิงกล่าวขันอาสา ชัยชนะที่ได้รับมาเมื่อคืนนี้ทำให้เขาดูถูกดูแคลนทัพพันธมิตรยิ่ง
"ลิโป้เก่งกล้าสามารถ ไม่อนุญาต" ฮัวหยงส่ายหน้า
"ฮึ่ม ไฉนท่านแม่ทัพยกย่องชื่มชมศัตรู บั่นทอนกำลังใจฝ่ายเดียวกัน ผู้น้อยจะรีบไปรีบมา" หูเฟิงหยิบดาบขึ้นม้า พี่ชายของเขาหูเจิ้นถูกทัพพันธมิตรฆ่าตาย ย่อมมีความคิดที่จะล้างแค้น
"เฮ้อ ลูกวัวไม่กลัวพยัคฆ์" ฮัวหยงทอดถอนใจ ก่อนหน้าที่เขาจะได้พบกับลิโป้ ตัวเขาก็มีความมั่นใจเปี่ยมล้น ว่าตนเก่งกาจไม่น้อยหน้าใคร หากแต่ความคิดนั้นก็ต้องเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้เจอกับลิโป้ ดังนั้นแม้ว่าจะเพิ่งชนะศึกมา ตัวเขาก็ไม่กล้าประมาทแต่อย่างใด
ประตูด่านค่อยๆเปิดอ้าออก สีหน้าลิโป้เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา เขาคิดว่าพวกฮัวหยงจะทำตัวเป็นเต่าหดหัว คาดไม่ถึงว่าจะส่งคนออกมาจริงๆ ที่ออกมาใช่เป็นยอดฝีมือหรือไม่? หากว่าเป็นเจ้าของร่างคนก่อน ย่อมไม่หวั่นเกรงใดๆ ทว่าลิโป้คนปัจจุบันมีพลังฝีมือประมาณแม่ทัพระดับต่ำ ไม่อาจต่อสู้กับยอดขุนศึกระดับกวนอูหรือเตียวหุย
"เจ้าเป็นใคร แจ้งชื่อมา" ลิโป้ชี้ทวนออกไปพลางกล่าวถามเสียงเย็น
"แม่ทัพแห่งทัพเสเหลียง หูเฟิง เจ้าแม่ทัพขี้แพ้ เจ้าจะได้ตายโดยเร็ว" หูเฟิงตะโกนเสร็จก็กระตุ้นท้องม้า ชี้ดาบพุ่งเข้าใส่ลิโป้
"เจ้านี่มันใครกัน" ลิโป้งุนงง
ทักษะขี่ม้าก็พอใช้ได้ เพียงแต่การเคลื่อนไหวเชื่องช้าไปหน่อย พละกำลังก็อ่อนปวกเปียก สู้กันไม่ถึงสามกระบวน ลิโป้ก็เห็นว่าหูเฟิงไม่ชำนาญการศึก ใช้พละกำลังเพียงสามส่วนก็ทำให้อีกฝ่ายต้องมือไม้ปั่นป่วนแล้ว คนละระดับกันอย่างสิ้นเชิง
หลังจากสู้กับหูเฟิงสิบกว่ากระบวน เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา การสู้กับอีกฝ่ายไม่ได้ช่วยยกระดับฝีมือของเขาเลยแม้แต่น้อย คิดได้ดังนั้น เขาก็แทงทวนกรีดนภาออกไป ปลายทวนพุ่งแทงเสียบคอหอยของหูเฟิง เป็นอันจบชีวิตไป
ทหารหลายหมื่นทางด้านหลัง เมื่อเห็นลิโป้ยกชูร่างของหูเฟิงขึ้นก็ส่งเสียงเฮดังลั่น ขวัญกำลังใจฟื้นคืนกลับมา เช่นเดียวกับทหารจากทัพปิงโจว ทั้งหมดมองดูลิโป้ด้วยสายตาเทิดทูน
สีหน้าของลิโป้แข็งขึ้นเล็กน้อย การสังหารคนด้วยอาวุธเย็นในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ทำให้ขารู้สึกไม่ค่อยดี 'ต้องปรับตัวๆ'
"ท่านแม่ทัพเก่งกล้าสามารถ! ท่านแม่ทัพเก่งกล้าสามารถ!" ไพร่พลหลายหมื่นตะโกนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ในยุคสงครามรบพุ่งเช่นนี้ ผู้คนย่อมยกย่องเทิดทูนผู้แข็งแกร่ง แม้แต่ทหารม้าอี้ฉงก็เช่นกัน
"รายงาน แม่ทัพหูเฟิงถูกลิโป้สังหารแล้วขอรับ!"
"รู้แล้ว จับตาดูความเคลื่อนไหวของทัพพันธมิตร หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามผู้ใดออกไปต่อสู้อีก มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษตามกฏกองทัพ" ฮัวหยงออกคำสั่งอย่างเย็นชา หากหูเฟิงออกไปแล้วไม่ตายสิแปลก กระนั้นขวัญกำลังใจของทัพเสเหลียงก็ยังมั่นคง ไม่จำเป็นต้องนำการท้าทายของลิโป้มาใส่ใจ
"ก็งั้นๆ!" อ้วนสุดที่อยู่ในกระโจมกล่าวขึ้นหลังได้รับข่าว
"แม่ทัพอ้วน แม่ทัพลิตรากตรำกรำศึกที่หน้าด่าน ตอนนี้สังหารแม่ทัพรับใช้โจรตั๋งได้ ไฉนจึงกล่าวสบประมาทเช่นนี้?" ซุนเกี๋ยนที่อยู่อีกด้านทนฟังไม่ได้ ต้องถามออกไป
"ฮึ่ม แม่ทัพลิสังหารศัตรู บั่นทอนขวัญกำลังใจของข้าศึก นับว่าสร้างความดีความชอบ" กองซุนจ้านกล่าวเสริม
"แม่ทัพลิสร้างผลงาน ควรได้รับรางวัลตามผลงาน" อ้วนเสี้ยวรีบกล่าวขึ้น
"นี่สิถึงคู่ควรเป็นกองทัพพันธมิตร ไม่เหมือนตระกูลอ้วน ถูกฮัวหยงบุกโจมตี แต่กลับเอาแต่บ่นมาผู้อื่นมาช่วยเหลือช้าไป" เตียวหุยพึมพำอย่างไม่พอใจ
แม้ว่าเตียวหุยจะพึมพำ กระนั้นสุ้มเสียงก็ไม่ได้แตกต่างจากผู้อื่นพูดคุยปกติ ดังนั้นเหล่าเจ้าเมืองที่อยู่ภายในกระโจมย่อมได้ยินอย่างชัดเจน หลายคนก้มหน้าลงไม่กล่าววาจา แต่ในใจก็ผิดหวังกับกองทัพพันธมิตรอยู่เล็กน้อย
"น้องสาม อย่าได้พูดจาไร้สาระ" เล่าปี่รีบปราม
สีหน้าของอ้วนเสี้ยวเปลี่ยนกลับไปกลับมา แต่เขาก็ไม่อาจโต้แย้งแต่อย่างใด
ตลอดหลายวัน ลิโป้เพียงนำไพร่พลไปตะโกนยั่วยุที่หน้าด่านเป็นการฝึกฝน ไม่ได้ส่งไปโจมตีแต่อย่างใด นี่ทำให้ทหารของอ้วนสุดรู้สึกโล่งใจมาก
ตอนนี้ทุกคนในกองทัพพันธมิตรต่างก็ทราบว่าลิโป้และอ้วนสุดนั้นไม่ถูกกัน กระทั่งเคยลงไม้ลงมือกันเสียด้วยซ้ำ โชคดีที่ลิโป้ไม่ได้ส่งไพร่พลของอ้วนสุดออกไปตายเปล่า ไพร่พลของเจ้าเมืองคนอื่นๆต่างก็พยายามตีตัวออกห่างจากไพร่พลของอ้วนสุด เพราะกลัวจะโดนร่างแหไปด้วย นอกจากอ้วนสุดแล้ว เจ้าเมืองคนอื่นๆก็ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับลิโป้ ย่อมไม่อยากให้ไพร่พลของพวกเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ฮัวหยงปิดด่าน หดหัวอยู่ในกระดอง ทำให้ขวัญกำลังใจของทัพเสเหลียงลดต่ำลง ข้าศึกมาแสดงความโอหังอยู่หน้าด่าน ทว่าแม่ทัพของพวกเขากลับเอาแต่นิ่งเฉยไม่ตอบโต้ แม่ทัพหลายคนต่างขันอาสาออกไปต่อสู้ หากแต่สุดท้ายก็ถูกฮัวหยงปฏิเสธปัดตกไป
ฮัวหยงรู้สึกทุกข์ใจอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้เขาชนะศึกใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ทัพพันธมิตรจะชนะแล้ว
ยามเมื่อเห็นศีรษะของอ้วนงุยถูกเสียบประจานอยู่เหนือประตูด่าน กองทัพพันธมิตรก็กลายเป็นเดือดดาล