จอมมารผู้กู้โลก ตอนที่ 22 หัวหน้าหมู่บ้าน
เอมิเลียถามผมออกมาในขณะที่ผมกำลังส่ายหน้าอยู่ แล้วผมก็ตอบเธอออกไป
" เธอคิดว่าถ้าเราข่วยหมู่บ้านนี้ได้แล้วยังไงต่อ ถ้าเกิดว่าพวกเราช่วยได้ พวกนั้นมันก็ยังไปเก็บภาษีที่หมู่บ้านอื่นอยู่ดี แล้วพวกเราที่ออกตัวช่วยไปก็จะมีปัญหากับพวกขุนนางที่ปกครองดินแดนแห่งนี้ และเมื่อเป็นแบบนั้นพวกเราก็จะทำอะไรลำบากกว่าเดิมอีก "
เมื่อผมพูดจบเอมิเลีย ก็เงียบไม่พูดอะไรกลับมา แล้วเธอก็เดินต่อไป
...
.....
.......
หลังจากที่พวกเราเดินกันมาได้สักพักเราก็มาถึงที่หน้าบ้านของหัวหน้้าหมู่บ้านมิลล์ ด้านหน้าบ้านตอนนี้มีรถม้าแบบที่ขุนนางนั่งมาจอดเอาไว้อยู่ แล้วก็มีทหารยืนอยู่รอบๆ 10 คน
ทหารที่กำลังยืนอยู่นั้น ต่างก็ใส่ชุดเกราะอยู่เต็มตัวในมือของทหารพวกนั้นต่างก็ถือหอกเอาไว้คนละ 1 ด้าม ' ดูเหมือนว่าสิ่งที่ชายคนนั้นพูดจะเป็นเรื่องจริงสินะ ที่บอกว่าตอนนี้พวกเจ้าที่กำลังมาคุยเรื่องภาษีอยู่ ดูจากพวกทหารที่กำลังยืนอยู่แล้วไม่ผิดแน่นอน ' ผมยืนคิดพร้อมกับมองไปที่ทหารทั้ง 10 คนที่กำลังยืนอยู่
แต่ว่า...
ในระหว่างที่ผมกำลังยืนมองทหาพวกนั้นอยู่ ก็มีคนเดินออกมาจากด้านในของบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน ' หมอนั้นเองงั้นเหรอ ที่เป็นคนมาคุยเรื่องขึ้นภาษี แต่ดูจากการแต่งตัวของมันแล้วก็คงเป็นขุนนางสินะ ' ชายที่เดินออกมาจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านตอนนี้ เป็นชายตัวอ้วนไม่สูงมากบนตัวก็็ใส่เสื้อผ้าดูดีพร้อมกับเครื่องประดับเต็มตัว
หลังจากที่ชายคนนั้นเดินออกมาก็ขึ้นไปบนรถม้า ที่กำลังจอดอยู่ทันทีแล้วพวกนั้นก็เดินทางกลับกัน เมื่อเห็นแบบนั้นพวกผมก็เดินตรงเข้าไปหาหัวหน้าหมูู่บ้านที่กำลังยืนส่งพวกนั้นอยู่
" ท่านเป็นหัวหน้าหมู่บ้านใช่มั้ย " ผมที่เดินเข้าไปถึงด้านหน้าถามชายที่กำลังยืนอยู่ออกไป
เมื่อผมพูดจบชายแก่อายุประมาณ 60 ก็หันมามองทางผมทันที ด้วยสีหน้าสงสัยแล้วเค้าก็ตอบออกมา
" อะ...อ่า ใช่ครับ แล้วท่านเป็นใคร "
" ข้าเป็นนักปราชญ์ที่ย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อวันก่อน "
" นักปราชญ์์??? ย้ายเข้ามา??? " หัวหน้าหมู่บ้านถามกลับมาด้วยน้ำเสียงสงสัย
' จริงสิ!!! เราลืมไปเลยว่าเซบาสแค่มาสร้างคฤหาสน์เอาไว้เชยๆ ไม่ได้บอกเรื่องที่ว่าเราจะมาอยู่ด้วย แบบนี้คงต้องอธิบายตั้งแต่เริ่มเลยสินะ เห้ออออ' ผมยืนคิดหลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านถามออกมาด้วยความ สงสัย
ในระหว่างนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็พูดออกมาอีก
" งั้นเชิญท่านนักปราชญ์กับคนของท่านเข้าด้านในบ้านก่อนครับ "
" อ่า "
เมื่อคุยกันจบพวกเราก็เดินเข้าำปในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านทันที
" เอาละท่านนักปราชญ์ ท่านมีอะไรจะคุยกับข้างั้นเหรอ " หัวหน้าหมู่บ้านที้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหน้าของผมพูดออกมา
จากนั้นผมก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับหมู่บ้านฟัง
แต่ว่า...
ถึงจะบอกว่าเรื่องทั้งหมด มันก็เป็นเรื่องที่ผมแต่งขึ้นมาเท่านั้นส่วนมากเรืื่องที่ผมเล่าออกไป มันก็เป็นแค่เรื่องการพัฒนาหมู่บ้านแล้วก็การเปลี่ยนรูปแบบการทำเกษตรแบบใหม่ที่ผมคิดเท่านั้น
" อื้ม!!! " หัวหน้าหมู่บ้านพูดออกมาเหมือนน้ำเสียงเข้าใจเรื่องที่ผมพูด แล้วก็ใช้มือจับที่หนวดของตนเองแล้วก็พูดออกมาต่อ
" ถึงสิ่งที่ท่านบอกมามันจะเป็นเรื่องจริงที่บอกว่าสามารถทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ มีผลผลิตมากขึ้น
แต่ว่า...
เรื่องที่ชาวบ้านจะร่วมมือทำกับท่านนั้นข้าคิดว่ามันแทบเป็นไปไม้ได้ "
" ท่านหมายความว่ายังไง " ผมถามออกไปด้วยความสงสัย
หลังจากที่ผมถามออกไปหัวหน้าหมู่บ้านก็ลุกออกจากเก้าอี้ แล้วเดอนตรงไปที่มุมห้อง
...
.....
......
หลังจากที่หัวหน้าหมู่เดินไปที่มุมห้องสักพักก็เดินกลับมาพร้อมกับดาษ 1 แผ่นในมือที่กำลังม้วนเป็นวงกลม
" ท่านลองดูสัญญานี่ก่อน เมื่อปีที่แล้วพวกเราหมู่บ้านมิลล์ทำสัญญากับพวกพ่อค้าเอาไว้แล้ว " หัวหน้ายื่นกระดาษที่อยู่ในมือมาทางผม แล้วก็พูดออกมา
" อ่า " ผมตอบออกไปแล้วหยิบกระดาษในมือของเค้ามา
' สัญญางั้นเหรอ ??? ' ผมหยิบกระดาษมาแล้วก็นั่งมองด้วยความสงสัย จากนั้นผมก็เริ่มเปิดอ่านข้อความด้านในกระดาษ
ทันทีที่ผมเปิดอ่านผมก็เข้าใจทันที ว่ามันเป็นเพราะอะไรหัวหน้าหมู่บ้านถึงได้พูดกับผมแบบนั้น มันไม่ใช่ว่าไม่อยากทำตามหรือไม่เชื่อที่ผมพูด
แต่ว่า...
มันเป็นเพราะสัญญานี่ กระดาษสัญญาที่ผมกำลังอ่านอยู่นั้นมันมีชื่อเรียกว่าสัญญาซื้อขายล่่วงหน้า หรืออีกชื่อของมันก็คือ สัญญาเอาเปรียบ สาเหตุที่มันถูกเรียกแบบนี้มันก็เพราะมันเป็นสัญญาแบบเอาเปรียบผู้ผลิตอย่างชาวบ้าน นั้นก็เพราะว่าพวกพ่อค้าที่ทำสัญญานี้พวกมันจะจ่ายเงินก่อน 50% ของราคาของที่ตกลงไว้
จะให้ยกตัวอย่าง มันก็เหมือนกับเอมิเเลียเป็นพ่อคนกลางที่ต้องการข้าวสารี ส่วนผมเป็นชาวบ้านธรรมดา เอมิิเลียก็จะเข้ามาคุยกับผมแล้วถ้าผมตกลงปลูกข้าวสารีตามที่เธอต้องการเธอก็จะจ่ายเงินให้ผม 50% ของราคาข้าวสารีตอนนั้นโดยคำนวนจากกำลังการผลิตของพืื้นที่นั้นๆ ปกติแล้วข้าวสารี 1 ไร่ที่ปลูกในอณาจักรทางเหนือจะราคาอยู่ที่ 5 - 10 เหรียญเงินต่อไร่
แต่ว่า...
เมื่อทำข้อตกลงไปแล้วนั้นแหละมันก็จะกลายเป็นสัญญาเอาเปรียบทันที เพราะว่าหลังจากเอมิเลียจ่ายเงินให้ผม 50% ตามราคาข้าวตอนนั้นแล้วเธอจะมีสิทธิ์ในสินค้าทั้งหมดของผมทันที แล้วเวลามาซื้อถ้าราคาข้าวตก ผมที่เป็นคนผลิตก็ต้องเป็นคนออกส่วนต่างเอง ถ้าราคาตอนทำสัญญาอยู่ที่ 10 เหรียญเงินต่อไร่ แล้วตอนที่เอมิเลียเก็บผลผลิตราคามันเหลือ 5 เหรียญเงินต่อไร่ผมก็จะไม่ได้แม้แต่เหรียญเดียว เพราะผมได้เงินมาแล้ว 5 เหรียญเงินมาตอนทำสัญญาแล้ว
นี้แหละที่มันเป็นกับดักของสัญญานี้ และสาเหตุที่ชาวบ้านยอมทำสัญญานี้ก็เพราะว่า