551- แส้ศักดิ์สิทธิ์สำแดงเดช
551- แส้ศักดิ์สิทธิ์สำแดงเดช
ชายชราที่มีชีวิตอยู่มานานกว่าสี่พันปีโดยไม่ตายได้นำแรงกดดันที่สัมผัสไม่ได้มาสู่ตระกูลเจียง ครึ่งมนุษย์ครึ่งผี ใครเล่าจะปราบปรามเขา?
บรรยากาศที่อยู่ลึกเข้าไปในวังใต้ดินทำให้หายใจไม่ออก ทุกคนในตระกูลเจียงดูหนักอึ้ง จ้องมองอย่างประหม่าที่ร่างที่น่ากลัวข้างนอก
ร่างระดับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบคนไม่ได้หลบเลี่ยงมากเท่าไหร่ พวกเขาเป็นราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน ดังนั้นต่อให้รู้ว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อพวกเขาก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ภายในเวลารวดเร็ว
ชายชราที่น่ากลัวก้าวไปข้างหน้า หมอกดำทะลักออกมาจากร่างกายของพวกเขาเป็นครั้งคราว กลิ่นอายที่รุนแรงของความตายทำให้คนใจสั่น กลิ่นหืนทำให้ผู้คนคลื่นไส้
ฝ่ามือที่แห้งของเขาก็เกือบจะเน่าเปื่อยไปแล้ว เมื่อกระทบกับความว่างเปล่าหมอกสีดำก็พุ่งออกมา พลังหยินเกิดการรั่วไหลและเริ่มทำลายสัญลักษณ์ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวเราจะช่วยเจ้าอีกแรง!”
ทันใดนั้นชายชราอีกสองคนที่ดูน่ากลัวไม่แพ้กันก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่า ดวงตาสีเขียวของพวกเขาเต็มไปด้วยความลึกลับ
เพียงพวกเขาร่วมกันขยับมือไม่กี่ครั้งสัญลักษณ์ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ถูกทำลายในทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้คนอื่นๆก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว เพียงชายชราคนเดียวก็น่ากลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากลับมีถึงสามคน!
"สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังมาก!"
พวกเขารู้ว่าสัตว์ประหลาดทั้งสามตัวนั้นยังไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่เลย มันจะน่ากลัวยิ่งกว่านี้หากพวกเขาแสดงพลังที่แท้จริงออกมา
“ปัง!”
หลังจากนั้นไม่นานวังใต้ดินที่พังทลายไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็ค่อยๆพังลงอย่างช้าๆทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นซากปรักหักพังโดยสมบูรณ์
พระราชวังใต้ดินใต้พื้นดินนี้ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับเมืองศักดิ์สิทธิ์ นี่คือในสถานที่สำคัญที่สุดของเมือง มันเป็นสถานที่เก็บรักษาบ่อแปลงมังกรนั่นเอง
ชายชราทั้งสามที่ดำรงอยู่มากกว่าสี่พันปีไม่ใช่ตัวตนแบบธรรมดา วิญญาณของพวกเขาแทบจะบุกทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแห่งความเป็นอมตะแล้ว
ผู้คนที่มองเห็นฉากนี้ต่างก็เสียวซ่านที่หนังศีรษะ สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเปรียบเสมือนกระแสน้ำที่ขจัดสิ่งกีดขวางทั้งหมด ทำให้ทุกคนเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งร่างกาย
ตัวตนระดับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบคนอดไม่ได้ที่จะถอยหลังกลับไป ชายชราเหล่าน่ากลัวอย่างถึงที่สุด พลังของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปจะเทียบได้
“ปัง!”
“ปัง!”
ไฟวิญญาณเต๋าสว่างขึ้นและคลื่นพลังอันหนาวเย็นก็เข้าปกคลุมเมืองศักดิ์สิทธิ์
ชราชราทั้งสามคนถูกล้อมรอบด้วยเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงกลัว
หนึ่งในนั้นมีสีแดงราวกับเลือด นี่คือไฟศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นพลังวิญญาณของพวกเขา มันโหมกระหน่ำราวกับภูเขาไฟกำลังจะระเบิด
อีกคนนั้นถูกห่อหุ้มไปด้วยไฟสีน้ำเงิน และเปลวไฟก็พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าอันสูงส่ง แผดเผาท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับภูเขาสีเขียวขนาดใหญ่ที่สั่นสะเทือน
ชายชราคนที่สามไฟของเขามีสีดำราวกับหมึก เปลวเพลิงสีดำพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเขย่าเก้าทั้งเก้าสวรรค์ และครอบคลุมทั้งเมืองศักดิ์สิทธิ์ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความมืด
ไฟสีแดง ไฟสีน้ำเงิน และไฟสีดำเป็นสีเดียวกับร่างกายที่เน่าเปื่อยของพวกเขา พวกมันเป็นตัวแทนของความบ้าคลั่ง ความมืดมน และความตาย
“มือ!”
ชายชราทั้งสามคนคำรามต่ำ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์บินออกมาจากร่างกายที่เน่าเปื่อยของพวกเขา ก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าหาเจียงไท่ซูที่นอนสลบไสลไม่ได้สติ
“ไม่ หยุดพวกเขา!”
ผู้เฒ่าหลายคนของตระกูลเจียงไม่สามารถนั่งนิ่งและรีบไปข้างหน้า คนตายทั้งสามมีพลังเกินไปดังนั้นพวกเขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเผาผลาญแก่นแท้ของตัวเองทั้งหมดเพื่อทำการต่อต้าน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้เฒ่าเหล่านี้จะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเจียง แต่พวกเขาก็ยังไม่เพียงพอที่จะขัดขวางการลงมือของสามปีศาจเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มานานกว่า 4,000 ปีได้
ทันทีที่อาวุธของพวกเขาสัมผัสกับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของปีศาจเฒ่า พวกมันก็ถูกบดขยี้อย่างรุนแรงก่อนจะกลายเป็นเศษฝุ่นละอองนอนไม่สามารถต่อต้าน
“สามคนนี้เป็นสิ่งมีชีวิตอมตะหรือไม่?”
ไม่ไกลนักราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบคนล้วนสูดลมหายใจเย็นยะเยือก ผู้ที่มีอายุมากกว่าสี่พันปี แน่นอนว่ามันน่ากลัวและทรงพลังอย่างยิ่ง
คนตายทั้งสามคนสามารถคุกคามพวกเขาได้อย่างแน่นอน แม้ว่าร่างกายจะเน่าเปื่อย แต่พลังแห่งวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขานั้นแข็งแกร่งมากเกินไป
มันเพียงพอที่จะบดขยี้ทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าอาณาจักรแห่งความเป็นอมตะ
ผู้สูงสุดของตระกูลเจียงเผาผลาญร่างกายของตัวเองเพื่อให้เป็นพลังก่อนจะหยิบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือเพียงไม่กี่ชิ้นบินไปข้างหน้า
“หิ่งห้อยกล้าแข่งกับแสงจันทร์?”
หนึ่งในนั้นเยาะเย้ยและดำเนินการเพียงลำพัง ทั้งร่างของเขาแดงราวกับเลือด และสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังก็พุ่งออกมาราวกับคลื่นทะเลเปลี่ยนให้โลกกลายเป็นสีแดงฉาน
“ปัง!”
เขากวาดล้างกลุ่มผู้เฒ่าตระกูลเจียงเปลี่ยนให้พวกเขากลายเป็นเถ้าลอยด้วยสัมผัสอันศักดิ์สิทธิ์อันหาที่เปรียบมิได้
“พัฟ” “พัฟ…”
ผู้เฒ่าหกคนของตระกูลเจียงถูกบดขยี้กลายเป็นฝุ่นผงไม่เหลือแม้แต่เศษซาก
คนเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลเจียง แต่ภายใต้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของปีศาจเฒ่าอายุสี่พันปีผัวเขาก็ไม่แตกต่างจากทารกแรกเกิดเท่านั้น
“เจ้าก็ด้วย!”
เจียงอวิ๋นหน้าเปลี่ยนสีและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาเอื้อมมือใหญ่และคว้าผู้เฒ่าคนอื่นๆกลับมา ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว
ถึงอย่างนั้นก็สายไปเล็กน้อย สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่มีสีเลือดเคลื่อนที่เร็วราวกับสายฟ้า พวกมันซึมซาบเข้าสู่ร่างกายของผู้อาวุโสเหล่านั้นทำให้ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตได้
ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้จะมีผู้ใดสามารถต่อต้านพวกเขาได้?
สิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมยุคสมัยกับเจียงไท่ซูแม้ว่าร่างกายจะอ่อนแอ แต่ด้วยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะมีกี่คนในดินแดนรกร้างตอนออกที่สามารถเทียบกับพวกเขา
ที่ด้านนอกนั้นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์อีกสิบคนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยประมาท แม้ว่าจุดประสงค์หลักของพวกเขาจะเป็นการสังหารเจียงไท่ซูเหมือนกัน
แต่สุดท้ายชายชราเหล่านี้ก็ไม่สามารถรับประกันความเป็นมิตรได้
“เด็กน้อยตระกูลเจียงอย่ารนหาที่ตายอีกต่อไปเลย ในตอนที่พวกเรามีชื่อเสียงเคียงคู่อยู่กับเจียงไท่ซู ไม่ทราบว่าปู่ของพวกเจ้ายังเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่ที่ไหน(ยังไม่เกิด)”
อย่างไรก็ตามยอดฝีมือของตระกูลเจียงไม่ได้ถอยหลังด้วยความกลัว พวกเขายินดีที่จะใช้ชีวิตของตัวเองในการสร้างโอกาสให้เจียงไท่ซูฟื้นคืนชีพ
เจียงอวิ๋นร่ายทวนสวรรค์ เขย่าเจดีย์โบราณ และพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้ามโดยไม่เกรงกลัวความตาย แต่การกระทำของเขากลับไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
ภายใต้เจตนาฆ่าที่น่ากลัว เจียงอวิ๋นถูกสายฟ้าสีดำฟาดเข้าหา เจดีย์โบราณบนศีรษะของเขาถูกทำลายกลายเป็นเศษซากอาวุธ ในขณะที่ทวนศึกในมือของเขาก็ถูกกระแทกจนโค้งงอไม่ได้รูป
คนของตระกูลเจียงเกือบจะสิ้นหวัง ไม่ว่าตระกูลเจียงจะแข็งแกร่งเพียงใดมันก็ไม่มีทางต่อสู้กับปีศาจเฒ่าในระดับครึ่งเซียนถึงสามคน ต่อให้รวมสายตระกูลอื่นๆเข้าด้วยกันแล้วก็ตาม
“ไข่มุกขาวยังส่องแสงอยู่เหรอ?”
ชายชราคนหนึ่งเย้ยหยันก่อนจะเดินเข้าหาเจียงไท่ซูและกล่าวว่า
“เจียงไท่ซู ข้าจะฆ่าลูกหลานของเจ้าและทำให้สายเลือดของเจ้าสิ้นสุดลงในวันนี้!”
"บังอาจ!"
เจียงอวิ๋นและผู้สูงสุดที่เหลือรีบถอยกลับมายืนอยู่ด้านหน้าบ่อแปลงมังกร
แต่ในเวลาไม่นานชายชราทั้งสามก็กำจัดพวกเขาจนเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งเวลาที่ผ่านไปยังไม่ถึงสองชั่วยามด้วยซ้ำ
"ปีศาจเฒ่าทั้งสามพวกเจ้าคนใดที่กล้าต่อสู้กับข้าตัวต่อตัว" จู่ๆ เย่ฟ่านก็ก้าวไปข้างหน้าและหยุดเมื่อเข้าใกล้ระยะโจมตีของชายชราทั้งสาม
“เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ต่อให้บรรพบุรุษของเจ้าฟื้นคืนชีพ เขาก็ไม่กล้าพูดกับเราแบบนี้” สัตว์ประหลาดทั้งสามเหลือบมองดูเย่ฟ่านอย่างดูถูก และขี้เกียจเกินกว่าที่จะลงมือกับเขา
“สหายน้อยรีบถอยกลับมา! เจียงอวิ๋นก้าวไปข้างหน้าเพื่อให้การปกป้องเย่ฟ่าน
“ข้าจะลองดู!” เย่ฟ่านส่งเสียงอย่างลับๆ
อันที่จริงเขาได้แต่ภาวนาว่าแส้ศักดิ์สิทธิ์ที่เขาครอบครองอยู่นั้นจะให้การปกป้องเขาได้
อย่างไรก็ตามทันทีที่แส้ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น ชายชราคนหนึ่งก็กระโดดถอยกลับด้วยความกลัว การกระทำของเขาทำให้ทุกคนดวงตาเบิกกว้างอย่างสงสัย!
“แส้ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าไปได้มันมาอย่างไร!”
ชายชราที่ปรากฏตัวเป็นคนแรกมีน้ำเสียงสั่นสะท้านอยากที่จะปิดบังความกลัวได้