529 - โลหิตเซียน
1839 - โลหิตเซียน
“บรรพบุรุษที่มีคุณธรรม? ผลงานการรบอันยิ่งใหญ่?” สือฮ่าวดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลยแต่เขากลับหัวเราะออกมาแทน
น้ำเสียงของเขามีความผิดหวังและหงุดหงิดเล็กน้อย
“ ผู้ที่สร้างคุณูปการมากมายเสียชีวิตไปแล้วบางคนเสียชีวิตในยุคเซียนโบราณ บางคนถูกฆ่าตายในยุคที่ยิ่งใหญ่นี้กระดูกของพวกเขาฝังอยู่ในชายแดนรกร้าง!
สำหรับคนขี้ขลาดอย่างบรรพบุรุษของเจ้าที่ไม่เคยเข้าร่วมสงครามมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ข้าต้องแสดงความเคารพ!”
“เจ้ารู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรออกมา?”ผู้สูงสุดของตำหนักเซียนฉีกยิ้มดวงตาเหมือนสายฟ้าเย็นชาและเยือกเย็น เขาต้องการสังหารสือฮ่าวที่นี่เดี๋ยวนี้
"ข้ารู้อยู่แล้วว่ากำลังพูดอะไรอยู่. หรือสิ่งที่ข้าพูดออกมาไม่ใช่ความจริง?”
สือฮ่าวไม่รู้สึกหวาดกลัวเขาเงยหน้าขึ้นและพูดว่า
“ถ้าเขากล้าต่อสู้ในสงครามกับศัตรูต่างมิติชื่อเสียงของมันจะต้องเลื่องลือมานับล้านปี โดยไม่ต้องทำตัวหลบๆซ่อนๆใช้ชีวิตไปวันๆแบบนี้!”
“ ก่อนหน้าข้าเคยได้ยินมาว่าคุนเผิงได้รับบาดเจ็บอย่างหนักต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกแทงข้าง หลังคนลงมือจะเป็นใครได้อีกนอกเสียจากบรรพบุรุษที่ขี้ขลาดตาขาวของเจ้า
บางทีสาเหตุที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสวนเวียนอยู่หน้าประตูแห่งความตายก็อาจเป็นเพราะคุนเผิง!” สือฮ่าวกล่าวออกมาตรงๆแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตอมตะเขาก็ไม่หวาดกลัว
ด้านล่างใบหน้าของหลายคนซีดลง พวกเขาคุกเข่าบนพื้นไม่กล้าขยับ นี่เป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งแต่เขากล้าที่จะสะกิดบาดแผลของผู้อมตะที่แท้จริง
“ปกป้องโลกนี้? ข้าได้ยินมาว่าบรรพบุรุษของเจ้าก่อนหน้านี้ได้ตัดสินลงโทษลูกหลานของผู้ที่มีคุณูปการต่อเก้าสวรรค์สิบพิภพด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต ตอนนี้ราชาทั้งหลายได้ล่วงลับไปแล้วนั่นจึงทำให้มันรู้สึกว่าตัวเองสามารถครองโลกได้หรือ?”
“ คนประเภทนี้เป็นคนที่สมควรได้รับความเคารพ? ระหว่างการต่อสู้ที่ชายแดนรกร้างข้าไม่เห็นว่าใครจากตำหนักเซียนจะปรากฏตัวที่นั่น? แม้แต่คนเดียวก็ไม่มี!
แต่ตอนนี้เมื่อโลกสงบสุขเจ้ากล้าที่จะออกมาข่มเหงผู้อื่น ศักดิ์ศรีของเจ้าคู่ควรกับการเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะของเก้าสวรรค์อย่างนั้นหรือ!
บรรพบุรุษของเจ้าไม่เคยเข้าร่วมสงครามในชายแดนรกร้าง พวกเจ้ากล้าตามกฎของกองทัพเพื่อตัดสินความผิดของข้า ใบหน้าของพวกเจ้าหนาเกินไปแล้ว!”
สือฮ่าวปลดปล่อยคำวิจารณ์อย่างไม่ลดละพูดความในใจออกไปทั้งหมด ทำให้ทุกคนหวั่นไหวด้วยความกลัว
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าฮวงกล้าหาญ แต่เขาถึงกับกล้าเย้ยหยันผู้อมตะที่แท้จริงต่อหน้าต่อตาทำให้ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องการมีชีวิตอีกต่อไป!
"หุบปาก!"
ผู้อาวุโสของตำหนักเซียนตวาดออกมาเสียงดังกลัวว่าเขาจะเปิดเผยความอัปยศของบรรพบุรุษของเขามากไปกว่านี้ แค่เพียงคำพูดเหล่านั้นก็ทำให้ใบหน้าของเขาซีดเซียวอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตในรถม้าสีเงินนั้นสงบนิ่งมากไม่แสดงความโกรธ ไม่มีความผันผวนทางอารมณ์แม้แต่น้อยที่จะปรากฏออกมาให้เห็น
“ เจ้าหนูเจ้าจะเข้าใจอะไร? ผู้อมตะที่แท้จริงสามารถมองข้ามอายุขัยที่ไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งที่เขากำลังพิจารณาคือสถานการณ์ใหญ่
ความคิดของเขาจะเป็นสิ่งที่ตัวตนที่เล็กกระจ้อยร่อยอย่างเจ้าจะเข้าใจได้อย่างไร? อย่าพยายามเดาจิตใจของผู้อมตะด้วยตัวตนของเจ้าเลย!”
ผู้สูงสุดตำหนักเซียนรู้สึกปวดหัวมากเขาต้องการทำให้สถานการณ์ตอนนี้จบลงไปให้เร็วที่สุด เพราะเขากลัวว่าบรรพบุรุษโบราณของเขาจะอับอายไปมากกว่านี้
“ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระ” ภายในรถม้าศึกสีเงินสิ่งมีชีวิตตัวนั้นพูดออกมา จากนั้นเขาก็ส่งเสียงไปยังสือฮ่าวโดยพูดว่า
“มาพบข้า”
น้ำเสียงสงบอย่างยิ่งแต่ก็มีศักดิ์ศรีที่ไม่อาจปฏิเสธได้ นี่เป็นความกดดันประเภทหนึ่งที่ทำให้จิตใจสั่นคลอนทำให้ทุกคนก้มศีรษะแม้แต่เทพเจ้าก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านเขา
สือฮ่าวรู้สึกราวกับว่าเขาถูกสายฟ้าฟาด แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถูกโจมตี แต่ก็ยังรู้สึกราวกับว่าวิญญาณของเขากำลังจะระเบิด
นี่คือการข่มขู่ของสิ่งมีชีวิตอมตะ รัศมีอันทรงพลังรั่วไหลออกมา หากเขากล้าที่จะต่อต้านมันมันจะบดขยี้เขาให้ตายในทันที!
“เจ้าจะบังคับข้าอย่างนั้นหรือ?”
สือฮ่าวพูดกับตัวเอง เขาจะไม่ยอมเลิกราอย่างแน่นอน เป็นสถานการณ์ตอนนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับการประนีประนอม
แม้ว่าเขาจะกรมศีรษะลง แต่มันก็ไม่มีความหมายอะไรในสายตาของผู้อมตะที่แท้จริงเขาอ่อนแอเหมือนเด็กทารก
หากไม่ได้ขึ้นสู่ระดับอมตะในสายตาของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่ามด!
แต่เขาหวาดกลัวหรือไม่? ไม่มีทางอย่างแน่นอน ของที่ผู้อาวุโสใหญ่ทิ้งไว้ให้เขานั้นสามารถส่งการโจมตีในระดับสิ่งมีชีวิตอมตะขั้นสูงสุดออกมาได้หนึ่งครั้ง!
มันสามารถต้านทานการโจมตีอย่างสุดกำลังของผู้อมตะที่แท้จริงได้ อย่าว่าแต่ผู้อมตะที่เหลือเพียงครึ่งชีวิตเลย
"ลูกของข้า!"
ในระยะไกลฉินอี้หนิงร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสะอื้น นางเริ่มตื่นตระหนกกลัวว่าสือฮ่าวจะถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาของนาง
“ฮ่าวเอ๋อรีบกลับมา!” สือจื่อหลิงตะโกน เขารู้ดีว่าถ้าสือฮ่าวเผชิญหน้ากับผู้เป็นอมตะที่แท้จริง ไม่ว่าลูกชายคนโตของเขาจะน่าเกรงขามแค่ไหนเขาก็ยังห่างไกลจากฝ่ายตรงข้าม
ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาหวังได้ก็คือสือฮ่าวจะกลับมา แม้ว่าจะเป็นความตายพวกเขาก็จะตายพร้อมกันทั้งครอบครัว
ขณะนี้พวกเขาอยู่ในตระกูลฉินโดยได้รับการปกป้องอย่างดีจากภูเขาห้าใบหน้าซึ่งปลอดภัยจากพลังอมตะที่อยู่ด้านใน
“เจ้ายังไม่มาคุกเข่าเหรอ!” ผู้สูงสุดตำหนักเซียนตะโกน
“กลั่นแกล้งผู้อื่นมากเกินไป!”
เซียนอมตะฉินเดือดดาลอย่างแท้จริง ในเวลาเดียวกันเขาตบเข้าที่บริเวณหน้าอกของตัวเอง ทันใดนั้นแสงสีแดงฉานก็ปะทุออกมาอย่างหาที่เปรียบมิได้
หืม?
ไม่ต้องกล่าวถึงคนอื่นๆ แม้แต่ผู้อมตะที่แท้จริงในรถศึกสีเงินก็เผยสีหน้าตกใจ
คนอื่นย่อมตกใจยิ่งกว่า!
แสงสีแดงสดเหมือนเพชรปลดปล่อยความสดใสลึกลับเจิดจรัสอย่างหาที่เปรียบมิได้ แม้แสงพวกนี้จะมีไม่มากนักแต่มันย้อมสวรรค์ให้เป็นสีแดงราวกับว่าเปลวไฟอมตะกำลังแผดเผาสวรรค์ให้ไหม้เป็นจุล
เลือดเซียน!
หลายคนสามารถบอกได้ว่านี่ไม่ใช่โลหิตเซียนปกติ แต่มันคือโลหิตเซียนในระดับราชาอมตะ
มันมีพลังเซียนมากมายรวมทั้งพลังอันยิ่งใหญ่พลุ่งพล่านทำให้เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในสามพันแคว้น
สิ่งนี้ทำเอาหลายคนตกใจ เซียนอมตะฉินสามารถทำสิ่งนี้ได้อย่างไร? เขามีภูมิหลังแบบไหนกันแน่
ดวงตาของสือฮ่าวหดตัว เขารู้ว่านี่เป็นโลหิตเซียนซึ่งถูกปิดผนึกไว้ในร่างกายของเซียนอมตะฉินเสมอ ตอนนี้เขาปลดปล่อยมันออกมาแล้ว
ย้อนกลับไปตอนนั้นเซียนอมตะฉินได้รับกระดูกอมตะมาหล่อเลี้ยงมันในร่างกายของตัวเองจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับมัน
ทำให้ร่างกายของเขาสร้างโลหิตของผู้อมตะที่แท้จริงขึ้นมาแต่เขาไม่มีทางควบคุมเลือดนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาจงใจปิดผนึกซ่อนมันไว้ในตัวเสมอ
ตอนนี้เขาปลดปล่อยโลหิตเซียนพวกนี้ออกมาทั้งยังปลดผนึกภูเขาห้าใบหน้าอย่างเต็มกำลัง เตรียมทำการต่อสู้ครั้งสุดท้าย!
สือฮ่าวรู้สึกว่ายังมีความลึกลับอีกมากมายเกี่ยวกับเซียนอมตะฉินที่เขาไม่ได้บอกออกมาทุกอย่าง!
ฮ่อง!
เมื่อโลหิตเซียนกระจัดกระจายบนภูเขาห้าใบหน้าสถานที่แห่งนี้ก็ถูกปกคลุมด้วยพลังงานลึกลับ เสียงร่ำร้องของภูตเทพปรากฏออกมาทุกที่เป็นฉากที่น่าตกใจถึงขีดสุด
มีเทพและปีศาจที่ถูกสังหารมากเกินไปบนภูเขาลูกนี้ พวกเขาทั้งหมดร้องไห้และโหยหวนราวกับว่าพวกเขากำลังเซ่นสังเวยอายุขัยทั้งหมดของตัวเองเพื่อปลดผนึกพลังบางอย่าง
ในทันใดนั้นโดมท้องฟ้าก็แตกออกจากกันสวรรค์และปฐพีถูกโยนเข้าสู่พลังแห่งความโกลาหล!
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ด้านล่างต่างตกใจกลัว วิญญาณของพวกเขาสั่นไหวพวกเขาทุกคนกลัวตัวแข็งค้างไม่กล้าขยับ
เซียนอมตะฉินกำลังทำอะไรอยู่? เหตุใดภูเขาห้าบหน้าจึงน่ากลัวขนาดนี้?
ม้าสวรรค์ทั้งแปดตัวเริ่มตื่นตระหนก ก่อนหน้านี้พวกมันมองลงไปที่สิ่งมีชีวิตด้านล่างด้วยความเฉยชา แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้พวกมันรู้สึกถึงภัยคุกคามอย่างแท้จริง
ม้าสวรรค์คำรามออกมาราวกับจะทำให้สวรรค์และปฐพีพังทลาย
เมื่อรวมกับเสียงโหยหวนและกรีดร้องของเทพเจ้าและปีศาจนี่จึงเป็นฉากที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!
สถานที่แห่งนี้อยู่ในความสับสนวุ่นวายภาพที่สร้างขึ้นโดยภูเขา ห้าใบหน้าทำให้ผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่อยู่ที่นี่ขนลุกหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด