เกิดใหม่อีกครั้งกับการแย่ง ตอนที่ 137 ถกเถียง
ตอนที่ 137 ถกเถียง
สองเดือนต่อมา
ณ เมืองหลวงประเทศคนเถื่อน
เวลานี้พื้นที่ประเทศคนเถื่อนจากประเทศที่เคยโดนดูถูกว่าไร้การพัฒนาแต่ตอนนี้กลับพัฒนาขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะเรื่องสิ่งปลูกสร้างจำนวนมหาศาลและกำแพงขนาดใหญ่ที่โดนสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันภัยอันตราย
จึงทำให้พื้นที่ที่เคยเป็นของเผ่ายาเกากลายเป็นพื้นที่เขตพัฒนาอย่างรวดเร็ว และได้ชื่อว่ากลายเป็นเมืองหลวงของประเทศคนเถื่อนถึงแม้ว่ายังไม่เป็นทางการก็ตามที ส่วนที่พัฒนาอย่างรวดเร็วแบบนี้ก็เป็นเพียงช่วงเวลาสองเดือนที่ผ่านมาแค่นั้นเอง โดยเหล่าขุนนางและผู้คนจำนวนมากที่หนีการปกครองของโบสถ์มาต่างก็หนีมาอยู่ประเทศคนเถื่อนตามที่ได้รับเชิญ
ทำให้ประเทศคนเถื่อนเต็มไปด้วยขุนนางของอาณาจักรและจักรวรรดิ เพราะแบบนี้เอง พวกบ้านเมืองก็ได้เลยได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วตามที่มันเป็นอยู่ตอนนี้ แต่ถึงจะรวมตัวกันได้ก็จริง แต่ทว่าในเวลานี้มันก็ได้เกิดปัญหาใหญ่ในเมืองอยู่อีกเรื่องซึ่งปัญหาที่กำลังเกิดในเมืองตอนนี้ก็คือ ยังไม่มีผู้นำทัพ!
ก็เลยทำให้ตอนนี้กองทัพของขุนนางทั้งอาณาจักรและจักรวรรดิยังไม่ถูกรวมกันเป็นหนึ่ง แล้วยังไม่มีท่าทีว่าจะบุกยึดประเทศคืนเลยสักนิดถึงเวลาจะผ่านพ้นมาสองเดือนแล้วก็ตามตั้งแต่ที่โบสถ์ยึดอำนาจไปจากขุนนางทั้งสองประเทศ
ณ ห้องประชุมประเทศคนเถื่อน
ตัวห้องเป็นของสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยไม้อย่างเร่งรีบ ทำให้ไม่มีรายละเอียดด้านความสวยงามมากนัก ภายในห้องเองก็ยังไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้ มีเพียงเหล่าผู้คนมากมายกำลังยืนกันอยู่เต็มห้อง ด้วยจำนวนเกือบร้อยคน
ในกลุ่มคนที่กำลังยืนอยู่ล้วนเป็นชนชั้นปกครองของทั้งสองประเทศที่มารวมตัวกัน โดยมีของทั้งจักรวรรดิและอาณาจักร สำหรับพวกนี้ที่ถูกเรียกว่าชนชั้นปกครองก็ตามชื่อ เพราะไม่ได้มีเพียงขุนนางเท่านั้น แต่ยังมีพวกพ่อค้าที่ร่ำรวยหรือพวกมีอำนาจยืนอยู่ด้วย
ในเวลานี้พวกในห้องต่างก็กำลังยืนถกเถียงกันอยู่แบบน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ และไม่เข้าใจ
“-ข้าไม่เข้าจริงๆ ทำไมพวกเรายังไม่ส่งทหารเพื่อไปบุกพวกโบสถ์กันอีก นี่มันก็ผ่านมาสองเดือนได้แล้วนะ!”
“-จะบ้าหรือไง ก่อนที่จะไปพูดถึงเรื่องแบบนั้นเราต้องคุยกันเรื่องเลือกผู้นำของกองทัพทั้งหมดก่อนสิ!!!”
“-นี่มันก็ผ่านมานานแล้ว ถ้ายังไม่สามารถเลือกผู้นำได้พวกเราก็ไม่มีวันบุกพวกมันได้หรอก”
ความคิดของผู้คนตอนนี้แตกออกเป็นหลายทาง แต่ส่วนมากตอนนี้กว่าครึ่งก็กำลังพยามเรียกร้องให้มีผู้นำทัพเพื่อเป็นคนชี้ขาดเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับการทำสงครามกับทางโบสถ์ โดยปกติแล้วเรื่องแบบนี้คนที่ต้องทำก็คือเฮเลอร์ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้เฮเลอร์ไม่สามารถมาบัญชาการได้เพราะยังเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องของตัวเองตั้งแต่มาถึง
ทำให้ตอนนี้คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องทั้งหมดก็คือชไนน์เดอร์ ที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ด้านหน้าของห้องประชุมแล้วฟังพวกขุนนางกำลังบ่นกันอยู่เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่กำลังเป็นอยู่กับปัญหามากมายในตอนนี้
‘ให้ตายสิถ้ารู้ว่าช่วยพวกมันให้เข้ามาบ่นกันแบบนี้ไม่ช่วยเข้ามาตั้งแต่แรกแล้ว ชิ!’ ชไนน์เดอร์คิดในใจแบบไม่ค่อยสบอารมณ์กับท่าทางที่พวกขุนนางกำลังแสดงออกมา แต่ถึงตอนนี้จะไม่สบอารมณ์หรือไม่พอใจเท่าไหร่กับคำพูดพวกชนชั้นนำที่แสดงออกมา ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเรื่องที่พวกด้านหน้าที่กำลังพูดออกมาก็เป็นความจริง ทั้งเรื่องของผู้นำทัพและเรื่องของการยังไม่ทำอะไรถึงแม้ว่าตอนนี้เวลามันจะผ่านล่วงเลยมาถึงสองเดือนแล้วก็ตาม
จนตอนนี้บางคนเริ่มมีความคิดที่จะย้ายฝั่งกันบ้างแล้วพอสมควร แต่สิ่งที่ชไนน์เดอร์ยังยืนยันอยู่ก็ยังเหมือนก็เดิม ซึ่งก็คือรอให้เฮเลอร์กลับมานำทัพเพื่อสู้! และด้วยอำนาจตอนนี้ทั้งหมดมันตกอยู่ที่ชไนน์เดอร์จึงสามารถบังคับ และกดดันพวกชนชั้นนำที่รวมตัวกันอยู่ในเมืองหลวงประเทศคนเถื่อนได้ไม่ยากเท่าไหร่นัก
แต่ทว่า ตอนนี้เรื่องอำนาจปกครองของชไนน์เดอร์ก็ลดลงทุกวัน เพราะพวกที่ไม่พอใจในโบสถ์มีจำนวนมากกว่าพวกที่ใจเย็นทำให้เริ่มเกิดกลุ่มต่อต้านขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย ตัวของชไนน์เดอร์ก็เข้าใจดีแต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรกับเรื่องนี้มากนัก
ในระหว่างที่กำลังเถียงกันอยู่นั้นเองก็มีเสียงพูดขึ้นมาว่า
“ท่านชไนน์เดอร์รอบนี้ช่วยให้คำตอบแบบจริงจังกับพวกเราด้วย!”
หนึ่งในคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของชไนน์เดอร์ได้พูดออกมา แล้วเดินออกมาจากกลุ่มพวกชายที่กำลังยืนเถียงกัน ส่วนชายคนที่พูดกับชไนน์เดอร์ตอนนี้ก็คือ องค์ชายโกลด์ดรอฟ แห่งจักรวรรดิ ซึ่งเป็นองค์ชายอันดับสองก่อนที่โบสถ์จะยึดบัลลังก์จากราชาคนก่อน แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นราชาองค์ใหม่ของจักรวรรดิแล้วเพราะคนของราชวงศ์จักรวรรดิที่สามารถยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ได้มีเพียงโกลด์ดรอฟคนเดียวเท่านั้น
หลังจากที่เริ่มถามโกลด์ดรอฟก็มองหน้าของชไนน์เดอร์ที่ยืนอยู่ด้วยแววตาแบบจริงจังต้องการเอาคำตอบที่มันแน่นอน พวกชนชั้นปกครองคนอื่นเองก็เบนสายตามองไปทางชไนน์เดอร์เพื่อรอคำตอบเช่นกัน เพราะเรื่องนี้เป็นการถกเถียงกันมาหลายครั้งตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ทุกคนในห้องต่างก็ต้องการคำตอบที่มันแน่นอนจากชไนน์เดอร์สักทีว่าจะเอายังไงกันแน่
“ข้ายังยืนยันคำตอบเดิมครับอะ… ไม่สิ! ตอนนี้ต้องเรียกว่าราชาแล้ว” ชไนน์เดอร์ตอบแบบเสียงปกติไปทางโกลดดรอฟ
“ท่านพูดแบบนี้ครั้งที่เท่าไหร่แล้ว องค์ชายเฮเลอร์ของท่านเพียงแค่เสียคนรักไปคนเดียวมันต้องขนาดนั้นเลยหรือยังไง เพียง-”
“ตอนนี้ท่านพูดเกินไปแล้วนะ” ระหว่างที่โกลด์ดรอฟพูดออกมาก็ต้องหยุดลงเมื่อโดนชไนน์เดอร์ขึ้นเสียงใส่ แล้วตัวชไนน์เดอร์ไม่ได้ทำเพียงขึ้นเสียงเท่านั้น เพราะกำลังใช้มือจับดาบที่เอวของตัวเองอยู่ด้วย เมื่อโกลดกรอฟเงียบไปชไนน์เดอร์จึงเริ่มพูดต่ออีก “นี่ท่านอย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านเป็นแกนนำในการยึดอำนาจอยู่ แต่ที่ข้าปล่อยเอาไว้ก็เพราะไม่อยากสู้รบกันเองภายในเท่านั้น โปรดเข้าใจเรื่องนี้ด้วย แต่ถ้าทางท่านมาพูดจาดูถูกองค์ชายให้ข้าหรือใครได้ยินอีกทีละก็ ข้าเองก็ไม่สนใจตำแหน่งราชาของจักรวรรดิเช่นกัน”
“นะ นี่จะทำแบบนี้จริงงั้นเหรอ?” โกลด์ดรอฟพูดด้วยเสียงสั่น เพราะเรื่องที่ชไนน์เดอร์พูดออกมาทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริง แถมเมื่อรู้ว่าตัวโดนชไนน์เดอร์รู้แผนแล้วโกลด์ดรอฟที่ยืนด้วยท่าทางมั่นใจก็ไหล่ตกทันที พวกชนชั้นปกครองด้านหลังเองก็เช่นกัน เพราะส่วนมากก็เข้าร่วมกับโกลด์ดรอฟไปแล้วในการยึดอำนาจจากเฮเลอร์
ทำให้บรรยากาศในห้องที่เต็มไปด้วยคำพูดไม่พอใจเมื่อครู่เงียบสนิท ‘หึ! ไอพวกบ้าพวกนี้คิดว่าตัวเองเป็นใครที่ ให้ที่พักและยังละเว้นชีวิตพวกมันเอาไว้ก็เพราะพวกแกมันจำเป็นเท่านั้นแหละ ไม่งั้นฉันฆ่าพวกแกไปหมดแล้วที่มีหน้ามารวบตัววางแผนยึดอำนาจกันแบบนี้ ชิ!’ ชไนน์เดอร์สบถด่าในใจด้วยอารมณ์โมโห
ในเวลาไม่นาน ระหว่างที่บรรยากาศภายในห้องกำลังเงียบสนิทเพราะคำพูดของชไนน์เดอร์อยู่นั้น ก็ได้มีเสียงดังขึ้นจากประตูทางเข้าของห้องประชุมว่า…