ตอนที่ 2 - พิธีรับศิษย์
การบ่มเพาะเป็นที่แพร่หลายในโลกมนุษย์และสำนักหวนหยวนเป็นหนึ่งในสิบสำนักชั้นนำในจากภาคตะวันออก ครานี้คงจะมีคนมากมายไปที่หุบเขาเก่าจิ่วเซียวเพื่อเข้าร่วมพิธีอย่างแน่นอน
ในเวลานี้มีชายหนุ่มและหญิงสาวจำนวนมากที่จัตุรัสด้านหน้าห้องโถงใหญ่ของสำนักหวนหยวน พวกเขาล้วนเป็นลูกศิษย์ของยอดเขาต่างๆ
และบนขั้นสูงสุดของหน้าห้องโถงใหญ่มีผู้อาวุโสแปดคนยืนสนทนากันในเรื่องบางอย่าง
ลำแสงสีรุ้งพุ่งผ่านก่อนกลายเป็นร่างมนุษย์ มันคือเย่ฉางเอ๋อ เขาเดินไปข้างหน้าและโค้งคำนับ "ศิษย์เย่ฉางเกอ คารวะเจ้าสำนักและผู้อาวุโส"
ชายหนุ่มและหญิงสาวที่จัตุรัสเห็นดังนั้นก็เริ่มกระซิบกระซาบอย่างตื่นเต้น
"ว้าวววว นั่นมันคือไอกระบี่! คนผู้นี้อายุยังน้อยแต่กลับสามารถขี่กระบี่บินได้แล้ว!"
"เจ้ารู้อะไร? ผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะโดยธรรมชาติแล้ว พวกเขามีความสามารถในคงรูปลักษณ์เอาไว้ได้ ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาเต็มใจหรือไม่เท่านั้น ใครจะรู้? บุคคลนี้อาจเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจ"
ศิษย์ที่ลงทะเบียนข้างๆ เขากล่าวว่า "นี่คือเย่ฉางเกอ ศิษย์คนโตของยอดเขาเทียนเหยียน โดยปกติมักจะไม่ก้าวขาออกจากยอดเขาไม่แปลกที่เจ้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน"
"น่าเสียดายที่เขาเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของยอดเขาเทียนเหยียน ถ้าคนเขาไม่รับศิษย์เพิ่ม ข้าเกรงว่าไม่นานผู้คนคงจะลืมการดำรงอยู่ของสายสืบทอดนี้"
ทันทีที่กล่าวคำเหล่านี้ คนที่ถูกเย่ฉางเกอดึงดูดให้สนใจก็เริ่มจับประเด็นพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา
"ข้าเคยได้ยินชื่อนี้ คนผู้นี้เขาก็คือเย่ฉางเกอแน่นอน เป็นบุรุษหนุ่มที่หล่อเหลาคมคายเกินไปจริงๆ!"
“ยอดเทียนเหยียน!”
หลังจากได้ยินว่าเย่ฉางเกอมาจากยอดเทียนเหยียน ทุกคนถอนหายใจเบา ๆ : “น่าเสียดาย!”
“ถึงแม้ว่าศิษย์พี่ท่านนี้…”
“อาจารย์อาต่างหาก!”
“จริงด้วย!” ศิษย์หญิงบางคนโอดครวญก่อนจะเปลี่ยนคำเรียกหา
“ถึงแม้อาจารย์อาท่านนี้จะหล่อมาก แต่ก็ไม่สามารถกลืนลงท้องได้เหมือนชายงามคนอื่นๆ!”
"ถ้างั้นข้าจะเข้าร่วมกับยอดเขาเทียนซวนไม่ก็ยอดเขาเทียนฉี่ แล้วค่อยไล่ตามอาจารย์อา นี้จะไม่โยนหินก้อนเดียวได้นกสองตัวหรือ?"
" ฮ่าฮ่า!"
เสียงเยาะเย้ยดังมาจากด้านข้าง "คนอกตัญญูเพียงนี้ยังคิดจะตามผู้อื่น อาจารย์อามีแต่จะเห็นเจ้าเป็นไก่ฟ้าเท่านั้น"
"เจ้านั่นแหละไก่ฟ้า บ้านเจ้าทั้งครอบครัวล้วนเป็นเป็นไก่ฟ้า ! "
"เป็นอะไรไปสาวน้อย? เจ้าถูกล่อลวงแล้ว? เพียงเพราะคนเขามาร่วมพิธีของยอดเขาเก้าจิ่วเซียว ดูท่าเวลาของเจ้าจะมาถึงแล้วอาจารย์อาเย่ก็จะอยู่ตรงนั้นด้วย เจ้าควรทำงานให้ดีแล้วฉวยโอกาศนี้ตีสนิทเขาซะ!"
...
เมื่อเห็นว่าเป็นเขาเป็นผู้มารับหน้าที่ เจ้าสำนักติงซิงป๋อยิ้มและกล่าวว่า "ฉางเกอเจ้าก็มาแล้ว หายากจริงๆ ที่ข้าจะเจอเจ้าเพราะเจ้าเอาแต่หมกตัวอยู่บนยอดเขา"
ข้างๆ ติงซิงป๋อเป็นฉิงชางเจินเหรินเจ้ายอดเขาเทียนฉู่ก็พูดขึ้นว่า "ถ้าเจ้าสำนักติงไม่ออกคำสั่งในครั้งนี้ ข้าเกรงว่าเขาคงไม่มา"
บรรดาเจ้าสำนักและผู้อาวุโวเริ่มหยอกล้อเขา
ถึงกระนั้นเย่ฉางเกอก็ไม่สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าทรัพยากรของสำนัก ท้ายที่สุดเขาก็มีระบบลงชื่ออยู่ในมือ
เหตุผลที่มาในครั้งนี้ก็เพื่อทำภารกิจของระบบให้สำเร็จ แต่เขายังยิ้มและพยักหน้าเออออไปด้วย
"อาจารย์อาอย่าได้ล้อข้าเล่นอีกเลย โอ้ ใช่แล้วอาจารย์อาเมื่อครู่กำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ? เกี่ยวข้องกับพิธีใหญ่ของสำนักหวนหยวนเราหรือไม่?"
จากนั้นหัวหน้าผู้อาวุโสหลายคนก็จำสิ่งที่พวกเขากำลังพูดถึงก่อนหน้านี้ได้จึงเริ่มหารือเกี่ยวกับสถานการณ์นี้กับเย่ฉางเกออีกครั้ง
หลังจากเกริ่นถึงสถานการณ์คร่าวๆ แล้วทุกคนก็เตรียมการขั้นต่อไป ฉิงชางเจินเหรินเจ้าหุบเขาเทียนฉู่ นำศิษย์ของแต่ละยอดเขาไปหน้าประตูหุบเขาเก้าจิ่วเซียว สำนักหวนหยวนเพื่อเข้าร่วมพิธีรับศิษย์
พิธีขอรับศิษย์ของสำนักหวนหยวนจัดขึ้นทุก ๆ สามปีจึงไม่ใช่พิธีสำคัญมากนัก
แต่ถึงกระนั้นแต่ละยอดเขาก็จะส่งศิษย์มาร่วมงานเพื่อชมความครึกครื้น
คราวนี้สำนักหวนหยวนปรากฏตัวขึ้นเพื่อดูพื้นฐานการบ่มเพาะของแต่ละยอดเขา
ขณะที่ฉิงชางเจินเหรินและเจ้ายอดเขาเทียนฉี่สนทนากัน เย่ฉางเกอก็ลอบสำรวจสถานการณ์ข้างเคียง
มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูหุบเขาเก้าจิ่วเซียว
คนผู้นี้มีผิวสีแทนร่างกายกำยำแข็งแกร่ง ทันทีที่เย่ฉางเกอสบตากับคนผู้นั้น ทำให้เขาอดหวนนึกถึงชาวนาที่ทำงานในทุ่งนาทั้งกลางวันและกลางคืน
ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและเขากำลังโต้เถียงกับศิษย์คนหนึ่งจากยอดเขาเทียนซวน
เจ้ายอดเขาเทียนซวนเห็นดังนั้นจึงเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหนุ่มชาวนาคนนั้น ดูเหมือนเจ้ายอดเขาเทียนซวนจะพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่ชายหนุ่มยังคงนั่งคุกเข่าอย่างแน่วแน่ปานยักษ์ปักหลั่น
การคุกเข่าของเขาดึงดูดความสนใจแก่คนจำนวนมากที่มาเข้ามางานพิธีรับศิษย์
เจ้ายอดเขาเทียนซวนและฉิงชางเจินเหรินต่างก็มีระดับการบ่มเพาะที่ลึกซึ้ง พวกเขาละสายตาไป