ตอนที่ 1 : ภารกิจแรก
สำนักหวนหยวนแห่งภาคตะวันออก หุบเขาจิ่วเซียว
"อาจารย์อาเย่ พิธีรับศิษย์กำลังจะเริ่มต้นในไม่ช้าอาจารย์ใหญ่ขอให้ข้ามาส่งสารถึงท่าน"
เย่ฉางเกอลุกขึ้นจากเก้าอี้เอนหลัง ยังคงง่วงงุนอยู่เล็กน้อยก่อนที่ปากจะพึมพำเบาๆ
"พิธีรับศิษย์ นี่ผ่านไปมาสามปีแล้วหรือ?"
"ข้าอยู่บนยอดเขาเทียนเหยียนอันกว้างใหญ่นี้คนเดียวจริงๆหรือนี่? แม้จะมีปัญหาเรื่องความโดดเดี่ยวอยู่บ้าง"
ศิษย์ผู้มาส่งสารบ่นงึมงำในใจ "ยังไม่ชัดเจนว่าวันนี้ท่านจะสามารถรักษายอดเขานี้ไว้ได้หรือไม่ คนโง่!"
เย่ฉางเกอยืนขึ้นก่อนจะยืดตัวตรง 'ระบบ!'
ติ๊งงงง
'เข้าสู่ระบบ'
“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณได้รับการฝึกฝนมาสิบห้าปีแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบ เย่ฉางเกอก็พูดไม่ออก
"บูม!"
เย่ฉางเกอ มองไปยังภารกิจของระบบตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น
ระบบ : [ภารกิจ : รับสมัครศิษย์คนแรก]
[จำกัดเวลาภารกิจ : 15 วัน]
[รางวัล: สำนักถ้ำสวรรค์เร้นเมตตา-วิชาร่างทองอมตะ]
เย่ฉางเกอที่กำลังจะจากไปพลันได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบ ทันทีทันใดใบหน้าของเขาแสดงความตกใจออกก่อนจะมีรอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า โชคเข้าข้างข้าแล้ว!”
เย่ฉางเกอไม่คาดคิดเลยว่าระบบสุนัขอันนี้ มันไม่มีหน้าที่อื่นใดนอกจากแจ้งเตือนมาเป็นเวลาสิบปีและตอนนี้ได้เปิดระบบเป็นครั้งแรก!
เย่ฉางเกอไม่ใช่คนจากโลกนี้ หลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบปีแล้วที่เขาทะลุมิติมายังโลกนี้ นับตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นและกลายเป็นศิษย์ของสำนักหวนหยวน ชีวิตก็ถูกผูกติดไว้กับระบบเฮงซวยนี่
แถมระบบนี้ยังมีฟังก์ชันลงชื่อเข้าใช้เพียงฟังก์ชันเดียวเท่านั้น
เมื่อก่อนเป็นเพียงเด็กกำพร้าถูกท่านผู้เฒ่าจากยอดเขาเทียนเหยียนนำมาเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก
เย่ฉางเกอยึดมั่นในเส้นทางของการบ่มเพาะอย่างเคร่งครัด เขาเข้าใจดีว่าย่อมมีคนที่เหนือกว่าเสมอ เย่ฉางเกอเชื่อมั่นในการหลบเลี่ยงสปอตไลท์ที่ฉายลงมา ขณะเตรียมการอย่างช้าๆ ค่อยๆ วางแผนอนาคต
เพราะเข้าใจถึงอันตรายบนโลกแฟนตาซีลึกลับดีเกินไปแล้ว
ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาเย่ฉางเกอไม่ได้ก้าวขาออกจากยอดเขาเทียน เหยียนแม้แต่ก้าวเดียว
จากข้อมูลถึงตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงหุบเขาจิ่วเซียวหรือแม้แต่ในภาคตะวันออกเองเย่ฉางเกอก็ยังถือได้ว่าเป็นปรมาจารย์อายุเยาว์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด
เพราะมีมีความรอบรู้อย่างลึกซึ้งในวิถีแห่งโลกแฟนตาซีตั้งแต่เด็กจนแก่ถึงแก่มาก
แม้ว่าตอนนี้มันจะไม่ได้ไปสร้างปัญหาแต่ก็ไม่มีหลักประกันใดว่าปัญหาจะไม่มาเยือน
ตอนแรกเขาวางแผนที่จะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องราวก็ตามที่ไม่ใช่ระบบจัดหามา
หากไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เขาจะทำงานหนักเพื่อชดใช้กรรมดีละเว้นกรรมชั่ว ที่อาจนำมาซึ่งภัยแฝง
ทุกอย่างมีการวางแผนและเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และต้องรักษาระดับการเล่นให้เหมาะสม เป็นเพียงคนธรรมดา ไม่โดดเด่น ไม่โอ้อวดและลงชื่อเข้าใช้แบบเงียบๆ ไร้ตัวตน
นอกจากปู๋อี้เจินเหริน เจ้ายอดเขาเทียนเหยียนได้รับเขาเป็นศิษย์ ผ่านมาห้าปีแล้วที่ท่านผู้เฒ่าลงจากเขาออกไปเตร็ดเตร่อยู่บนโลกกว้างโดยไม่สนใจผู้ใด ด้วยเหตุสุดวิสัยนี้ยอดเขาจึงถูกเย่ฉางเกอยึดครองโดยสมบูรณ์
มีเพียงระบบเท่านั้นที่เขาสามารถพึ่งพาได้ เดิมทีคิดว่าเขาจะลงชื่อเข้าใช้ที่ยอดเขาเพื่อสั่งสมความแข็งแกร่งอย่างสม่ำเสมอเพื่อรอเวลาออกจากยอดเขากลับสู่โลกเดิมที่จากมา
เขาไม่ได้คาดหวังว่าระบบสร้างประหลาดใจดังเช่นในวันนี้ ฟังก์ชั่นภารกิจถูกเปิดใช้งานแล้ว และภารกิจดังกล่าวคือการรับศิษย์
เย่ฉางเกอตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าภารกิจนี้จะไม่เป็นภัยต่อตนเอง และรู้ว่านี่เป็นวิธีใหม่ในการเพิ่มความแข็งแกร่ง นอกเหนือจากการลงชื่อเข้าใช้ในทุกๆวัน
เขาต้องใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์
ยิ่งกว่านั้นขณะกำลังดูรางวัลภารกิจ คำว่า "ทำลายไม่ได้" จาก "ร่างทองอมตะ" นั้นดึงดูดใจเย่ฉางเกอมาก
มองเพียงครั้งเดียวก็สามารถบอกได้ว่าหลังจากฝึกฝนแล้ว ความสามารถในการเอาตัวรอดจะดีขึ้นมาก
บางทีหลังจากฝึกฝนการบ่มเพาะในดินแดนแฟนตาซีนี้แล้ว ร่างกายอาจเป็นอมตะทำลายไม่ได้จริง สุดท้ายแล้วมันก็คือผลิตภัณฑ์คุณภาพดีเลิสอย่างแน่นอน
เขามองไปที่วลี "สำนักถ้ำสววรค์เร้นเมตตา" หากเย่ฉางเกอเข้าใจไม่ผิดนี่เป็นหนึ่งในสิบสวรรค์ถ้ำในตำนาน
หมายความว่าเขาสามารถสร้างถ้ำสวรรค์อีกแห่งบนยอดเขาเทียนเหยียนได้งั้นหรือ?
ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็จะมีสถานที่รับอันมั่นคง นี่คือสิ่งที่คาดหวังมาตลอดดังนั้นเขาจะต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ
ขณะที่เย่ฉางเกอคิดเรื่องทำภารกิจให้สำเร็จ ศิษย์ชั้นนอกที่มารายงาน
ก็เอ่ยขึ้นอย่างงงวย
"อาจารย์อาเย่ ท่านหัวเราะอะไรหรือขอรับ” เขามองเย่ฉางเกออย่างสับสนก่อนจะกล่าวต่อ
"อาจารย์ยังกล่าวว่า คราวนี้สำนักหวนหยวนเราถือหนึ่งในสิบสำนักใหญ่จากภาคตะวันออกกำลังทำพิธีรับศิษย์”
"ท่านเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของยอดเขาเทียนเหยียนและเจ้ายอดเขาก็ไม่อยู่ที่นี่ ตอนนี้ให้ท่านเป็นผู้รับผิดชอบของยอดเขาเทียนเหยียนแล้วกัน"
"เหล่าผู้อาวุโสยังสั่งว่า ท่านจะต้องเป็นตัวแทนของยอดเขาเทียนเหยียนให้ติดตามเจ้าสำนักไปยังพิธีรับศิษย์ในครั้งนี้ มิฉะนั้นถ้ายอดเขาเทียนเหยียนไม่ปรากฏตัวคนภายนอกจะคิดว่าเราเก้าหุบเขาจิ่วเซียวมีเพียงแปดยอด"
"แม้ว่าสำนักของเราจะเรียกว่าสำนักหวนหยวนและโดยปกติไม่ค่อยอยู่ร่วมกัน พวกเรามีกันทั้งหมดเก้าสาขาและยอดเขาเทียนเหยียนก็เป็นหนึ่งในนั้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเรามีรากฐานหยั่งลึกต่อโลกภายนอก"
"ถ้าท่านไม่ไปในครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสจะพิจารณายกเลิกค่าบำรุงรักษายอดเขานี้ซะ"
เย่ฉางเกอไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นนอกหน้าต่าง โดยปกติเขามักหลบเลี่ยงภารกิจของสำนักให้มากที่สุด
เขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในสิ่งอื่น อาจทำให้คนนอกคิดว่าเหลือเพียงแปดยอดในหุบเขาเก้ายอดของสำนัก
หากมีคนคิดว่ามียอดเขาหนึ่งในเก้าที่อ่อนแอ ย่อมเป็นหน่ออ่อนของความประมาทและนำไปสู่อันตราย
คราวนี้เจ้าสำนักมีเจตนาข่มขู่ผู้น้อยอย่างเห็นได้ชัด
แต่เหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วเพราะภารกิจของระบบอยู่นอกยอดเขา ถ้าเขาออกไปครั้งนี้ก็อาจจะได้พบกับศิษย์ผู้มีพรสวรรค์ผู้หนึ่ง
นอกจากนี้พิธีรับศิษย์ของ เขาสามารถเรียนรู้วิธีเลือกศิษย์ได้จากตรงนี้
ดังนั้นเย่ฉางเอ๋อจึงไม่พูดอะไรให้มากความเพียงพยักหน้าให้ศิษย์ผู้ส่งสาร ก่อนจะยืนขึ้นและเรียกกระบี่วิญญาณออกมา ด้วยก้าวเบา ๆ เขาก็กลายเป็นลำแสงหายวับไปในพริบตา
…
การบ่มเพาะเป็นที่แพร่หลายในโลกมนุษย์และสำนักหวนหยวนเป็นหนึ่งในสิบสำนักชั้นนำในจากภาคตะวันออก ครานี้คงจะมีคนมากมายไปที่หุบเขาเก่าจิ่วเซียวเพื่อเข้าร่วมพิธีอย่างแน่นอน
ในเวลานี้มีชายหนุ่มและหญิงสาวจำนวนมากที่จัตุรัสด้านหน้าห้องโถงใหญ่ของสำนักหวนหยวน พวกเขาล้วนเป็นลูกศิษย์ของยอดเขาต่างๆ
และบนขั้นสูงสุดของหน้าห้องโถงใหญ่มีผู้อาวุโสแปดคนยืนสนทนากันในเรื่องบางอย่าง
ลำแสงสีรุ้งพุ่งผ่านก่อนกลายเป็นร่างมนุษย์ มันคือเย่ฉางเอ๋อ เขาเดินไปข้างหน้าและโค้งคำนับ "ศิษย์เย่ฉางเกอ คารวะเจ้าสำนักและผู้อาวุโส"
ชายหนุ่มและหญิงสาวที่จัตุรัสเห็นดังนั้นก็เริ่มกระซิบกระซาบอย่างตื่นเต้น
"ว้าวววว นั่นมันคือไอกระบี่! คนผู้นี้อายุยังน้อยแต่กลับสามารถขี่กระบี่บินได้แล้ว!"
"เจ้ารู้อะไร? ผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะโดยธรรมชาติแล้ว พวกเขามีความสามารถในคงรูปลักษณ์เอาไว้ได้ ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาเต็มใจหรือไม่เท่านั้น ใครจะรู้? บุคคลนี้อาจเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจ"
ศิษย์ที่ลงทะเบียนข้างๆ เขากล่าวว่า "นี่คือเย่ฉางเกอ ศิษย์คนโตของยอดเขาเทียนเหยียน โดยปกติมักจะไม่ก้าวขาออกจากยอดเขาไม่แปลกที่เจ้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน"
"น่าเสียดายที่เขาเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของยอดเขาเทียนเหยียน ถ้าคนเขาไม่รับศิษย์เพิ่ม ข้าเกรงว่าไม่นานผู้คนคงจะลืมการดำรงอยู่ของสายสืบทอดนี้"
ทันทีที่กล่าวคำเหล่านี้ คนที่ถูกเย่ฉางเกอดึงดูดให้สนใจก็เริ่มจับประเด็นพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา
"ข้าเคยได้ยินชื่อนี้ คนผู้นี้เขาก็คือเย่ฉางเกอแน่นอน เป็นบุรุษหนุ่มที่หล่อเหลาคมคายเกินไปจริงๆ!"
“ยอดเทียนเหยียน!”
หลังจากได้ยินว่าเย่ฉางเกอมาจากยอดเทียนเหยียน ทุกคนถอนหายใจเบา ๆ : “น่าเสียดาย!”
“ถึงแม้ว่าศิษย์พี่ท่านนี้…”
“อาจารย์อาต่างหาก!”
“จริงด้วย!” ศิษย์หญิงบางคนโอดครวญก่อนจะเปลี่ยนคำเรียกหา
“ถึงแม้อาจารย์อาท่านนี้จะหล่อมาก แต่ก็ไม่สามารถกลืนลงท้องได้เหมือนชายงามคนอื่นๆ!”
"ถ้างั้นข้าจะเข้าร่วมกับยอดเขาเทียนซวนไม่ก็ยอดเขาเทียนฉี่ แล้วค่อยไล่ตามอาจารย์อา นี้จะไม่โยนหินก้อนเดียวได้นกสองตัวหรือ?"
" ฮ่าฮ่า!"
เสียงเยาะเย้ยดังมาจากด้านข้าง "คนอกตัญญูเพียงนี้ยังคิดจะตามผู้อื่น อาจารย์อามีแต่จะเห็นเจ้าเป็นไก่ฟ้าเท่านั้น"
"เจ้านั่นแหละไก่ฟ้า บ้านเจ้าทั้งครอบครัวล้วนเป็นเป็นไก่ฟ้า ! "
"เป็นอะไรไปสาวน้อย? เจ้าถูกล่อลวงแล้ว? เพียงเพราะคนเขามาร่วมพิธีของยอดเขาเก้าจิ่วเซียว ดูท่าเวลาของเจ้าจะมาถึงแล้วอาจารย์อาเย่ก็จะอยู่ตรงนั้นด้วย เจ้าควรทำงานให้ดีแล้วฉวยโอกาศนี้ตีสนิทเขาซะ!"
...
เมื่อเห็นว่าเป็นเขาเป็นผู้มารับหน้าที่ เจ้าสำนักติงซิงป๋อยิ้มและกล่าวว่า "ฉางเกอเจ้าก็มาแล้ว หายากจริงๆ ที่ข้าจะเจอเจ้าเพราะเจ้าเอาแต่หมกตัวอยู่บนยอดเขา"
ข้างๆ ติงซิงป๋อเป็นฉิงชางเจินเหรินเจ้ายอดเขาเทียนฉู่ก็พูดขึ้นว่า "ถ้าเจ้าสำนักติงไม่ออกคำสั่งในครั้งนี้ ข้าเกรงว่าเขาคงไม่มา"
บรรดาเจ้าสำนักและผู้อาวุโวเริ่มหยอกล้อเขา
ถึงกระนั้นเย่ฉางเกอก็ไม่สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าทรัพยากรของสำนัก ท้ายที่สุดเขาก็มีระบบลงชื่ออยู่ในมือ
เหตุผลที่มาในครั้งนี้ก็เพื่อทำภารกิจของระบบให้สำเร็จ แต่เขายังยิ้มและพยักหน้าเออออไปด้วย
"อาจารย์อาอย่าได้ล้อข้าเล่นอีกเลย โอ้ ใช่แล้วอาจารย์อาเมื่อครู่กำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ? เกี่ยวข้องกับพิธีใหญ่ของสำนักหวนหยวนเราหรือไม่?"
จากนั้นหัวหน้าผู้อาวุโสหลายคนก็จำสิ่งที่พวกเขากำลังพูดถึงก่อนหน้านี้ได้จึงเริ่มหารือเกี่ยวกับสถานการณ์นี้กับเย่ฉางเกออีกครั้ง
ป
หลังจากเกริ่นถึงสถานการณ์คร่าวๆ แล้วทุกคนก็เตรียมการขั้นต่อไป ฉิงชางเจินเหรินเจ้าหุบเขาเทียนฉู่ นำศิษย์ของแต่ละยอดเขาไปหน้าประตูหุบเขาเก้าจิ่วเซียว สำนักหวนหยวนเพื่อเข้าร่วมพิธีรับศิษย์