STBI : ตอนที่ 18 หมัดเจ็ดหนองน้ำ
ทันใดนั้น ตัวอักษร ก็ปรากฏขึ้นบนตำรา ‘หมัดเจ็ดหนองน้ำ’
ทักษะต่อสู้นี้เหมือนกับดาบสองคม
มันได้ทำร้ายตนเองก่อนที่จะทำร้ายศัตรู
คำว่า ‘ทำร้ายตนเอง’ นั้นดึงดูดความสนใจของ ไป๋ตงหลิน ในทันที และ เขาได้มองผ่านมันอย่างระวังมากยิ่งขึ้น
เพราะพลังที่แข็งแกร่ง มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบย้อนกลับตรงมาที่ หัวใจ ปอด ม้าม และ ลำใส้
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจุดชีพจร
เพราะการปลดปล่อยทักษะ ‘หมัดเจ็ดหนองน้ำ’ จะเป็นการฝืนดูดซับพลังงานฟ้าดินเข้ามาในร่างกายอย่างรุนแรง
สิ่งนี้สามารถส่งผลกระทบโดยทำให้ เส้นชีพจรของลำไส้,ปอด,หัวใจ ได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น และ ทำให้ปลดปล่อยการโจมตีที่ไม่ธรรมดาออกมา
ยิ่งเขาเข้าใจมันยิ่งขึ้น ไป๋ตงหลิน ก็รับรู้ได้ถึงพลังความแข็งแกร่งของทักษะต่อสู้นี้ เขาสามารถดึงพลังงานฟ้าดินเข้ามาในร่างกายได้
การโจมตีที่เกิดจากพลังงานฟ้าดินนั้นจะมีพลังมากกว่าการโจมตีจากทักษะธรรมดาทั่วไป
น่าเสียดายที่หลังจากใช้ทักษะนี้จะส่งผลให้ เส้นชีพจรของ ลำไส้ ปอด และ หัวใจ ได้รับบาดเจ็บ เพราะมันเป็นการฝืนเรียกความแข็งแกร่งมากเกินไป
หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ทักษะนี้เป็นทักษะป้องกันตัวยามคับขัน เฉพาะในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเท่านั้น ถึงจะเหมาะสมที่จะนำมันออกมาใช้
ดังนั้นมันคงไม่แปลกที่สิ่งนี้จะถูกโยนเก็บเข้าไปที่มุมชั้นและปกคลุมไปด้วยฝุ่น ด้วยสถานะในปัจจุบันของ ตระกูลไป๋ มันคงจะเป็นเรื่องยากที่จะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่อสู้ด้วยชีวิต
แต่ทักษะต่อสู้นี้ก็มีบทบาทสำคัญในยามที่ ตระกูลไป๋ เพิ่งก่อตั้งขึ้น
ดูเหมือนว่าฉันจะพบสมบัติเข้าให้แล้วจริง ๆ
ทักษะต่อสู้นี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ
ความรุนแรงของทักษะเป็นความต้องการอันดับสองของเขา ส่วนผลกระทบย้อนกลับที่ทำให้ร่างกายบาดเจ็บนั้นเป็นไปตามเงื่อนไขของ ‘การพลิกฟื้นที่แข็งแกร่ง’
ไป๋ตงหลิน ดูเหมือนจะเห็นพลังงานบางอย่างกำลังเรียกหาเขาอยู่
เขาได้นำตำราทักษะออกมาอย่างพึงพอใจและเดินออกจากอารามอู๋
ชายชรา ที่อยู่ด้านนอกยังคงหมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องของตัวเอง แม้ว่า ไป๋ตงหลิน จะออกมา แต่พวกเขาก็ไม่ได้เหลียวมองเลย ราวกับว่าที่นี่ เป็นบ้านพักคนชราไปแล้วจริง ๆ
ดังนั้น ไป๋ตงหลิน จึงได้สั่นศีรษะ และ เดินทางกลับไปยังตำหนักฉิงโหยว
ในสนามหญ้าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ไป๋ตงหลิน ได้หยิบ ทักษะ ‘กายหยกขาวชำระล้าง’ ออกมา เพื่อที่จะทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาคงจะต้องเริ่มจากสิ่งนี้
เขาได้นั่งไขว่ห้างลงบนพื้น ผลักดันพลังปราณ โลหิต และ พลังงานในร่างกาย
ด้วยการเคลื่อนไหวของเขา พลังในร่างกายของเขาทั้งหมดได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง อุณหภูมิในร่างกายก็กลายเป็นสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งลานโดยรอบของเขาก็คล้ายกับว่ากำลังเข้าช่วงฤดูร้อน
หิมะบนพื้นเริ่มละลายในทันที และ รวมตัวกันเป็นลำธารเล็ก ๆ ไหลออกจากสนามหญ้า
ร่องรอยทักษะบ่มเพาะร่างกายเดิมค่อย ๆ หายไป ความรู้สึกโดดเดี่ยวในร่างกายที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ ก็หายไปเช่นเดียวกัน กลับกัน ในเวลานี้ เนื้อหนัง กระดูก และ โลหิต กำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
แม้ว่าความแข็งแกร่งโดยรวมของเขาจะไม่ได้ปรับปรุงขึ้นมาก แต่ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม
การหลอมผสานทั้งหมดภายในร่างกายทำให้เขาปลดปล่อยพละกำลังออกมาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น พละกำลัง พลังป้องกัน ความเร็ว ล้วนเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ไป๋ตงหลิน ได้ลืมตาขึ้นและตบฝ่ามือที่ส่องประกายลงไปบนพื้น แรงสั่นสะเทือนจากการปลดปล่อยพลังฝ่ามือ ทำให้หินบนพื้นได้แตกละเอียดโดยทันที
“เยี่ยม!”
ไป๋ตงหลิน ได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นเขาก็หยิบ ตำราทักษะ ‘หมัดเจ็ดหนองน้ำ’ ออกมา การฝึกฝนทักษะต่อสู้นี้ยากกว่ามาก
หลักการฝึก ‘หมัดเจ็ดหนองน้ำ’ คือการวาดคลื่นพลังออกมากระแทก สิ่งนี้คล้ายกับการฝังเข็ม ตราบใดที่ผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ ที่เหลือก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
ไป๋ตงหลิน ได้กระตุ้นพลังปราณและโลหิตในร่างกายของเขาอย่างใจเย็น เขาได้ทวนการฝังเข็มทั้ง 7 จุด และ เพิ่มความหนาแน่นในร่างกาย
ความถี่จำนวนมาก ได้ปรากฏขึ้นในร่างกายของเขา ในเวลานี้ เขากำลังสัมผัสเกี่ยวกับแรงถี่นี้และพยายามทำความเข้าใจมัน
ก็เหมือนกับ รหัส 7 หลัก เพียงแค่ ลองซ้ำไปซ้ำมา หากมีสติปัญญาระดับสูง ก็จะสามารถแก้ไขรหัส 7 หลักนี้ได้
1 ชั่วโมงต่อมา
ล้มเหลว.
ไป๋ตงหลิน มีสีหน้าที่เหนื่อยล้า เขายังคงปรับตัวเข้ากับความถี่ซ้ำ ๆ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกเหนื่อยเกินไป จนเกือบจะทำลายจิตวิญญาณและเจตจำนงค์ของเขา
เขารู้ว่าเขาไม่ควรใจร้อนและเร่งรีบเกินไป เพราะถึงอย่างไร ทักษะนี้ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเขา มันคุ้มค่าที่เขาจะทุ่มเทแรงใจและแรงกายให้กับมัน
ในเวลานี้ ไป๋ตงหลิน ได้ผละความสนใจจากการฝึกฝน
เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมจะออกไปซื้อของในเมือง เขาไม่ได้ไปที่ หอไป๋เหอ นานแล้ว เขาว่าจะไปทานอาหารเลิศรสที่นั่นเพื่อผ่อนคลายจิตใจเสียหน่อย
ขณะที่ ไป๋ตงหลิน ก้าวออกจากจวนตระกูลไป๋ มันก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนกลุ่มนึงในทันที
ในตรอกลับแห่งนึง ชายชุกดำสองคน ได้กล่าวกระซิบกันในเงามืด พวกเขาได้พลิกดูภาพวาดในมืออย่างละเอียด เพื่อยืนยันเป้าหมายของพวกเขา
“เป็นเขาใช่มั้ย?”
“ไม่ผิดแน่! นายน้อยสิบสามของตระกูลไป๋ บุตรชายคนสุดท้องของไป๋หลี่!”
“แต่ไม่ใช่ว่านายน้อยสิบสามคนนี้เกิดมาจากสาวใช้หรอกเหรอ พวกเขาจะให้ความสนใจกับเด็กหนุ่มคนนี้?”
“เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลไป ตระกูลไป๋ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับลูกหลานในสายเลือดของพวกเขา เพราะนี่คือกฏของตระกูลไป๋ ฮ่าฮ่า”
คนนึงได้หัวเราะออกมาอย่างเศร้าสร้อย ราวกับว่า เขากำลังดูถูกกฏเกณฑ์ของตระกูลไป๋
“เข้าใจแล้ว ข้าจะรีบไปแจ้งหัวหน้าและเตรียมพร้อมลงมือในทันที!”
ทันทีที่เขาพูดจบ คนนึงก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนอีกคนได้แอบตามหลัง ไป๋ตงหลิน ไป โดย ไป๋ตงหลิน ได้เดินทางไปรอบ ๆ เพื่อซื้อของกินจำนวนมาก โดยที่เขาหารู้ไม่ว่ากำลังมีคนแอบตามเขาอยู่
เมื่อเขามาถึง หอไป๋เหอ ผู้จัดการร้าน ก็ออกมาต้อนรับในทันที โดยเขาได้ขึ้นไปที่ชั้นบนสุดเพื่อนั่งทานตามปกติ
ชั้นบนสุดของ หอไป๋เหอ นั้น ค่อนข้างแตกต่าง มันประดับประดาไปด้วยบางสิ่งที่สวยหรูจำนวนมาก แน่นอนว่า ทัศนียภาพและการบริการก็ดีที่สุด
ในเวลานี้ มีหญิงสาวกำลังเล่นเครื่องดนตรีอยู่หลังม่านเพื่อคอยสร้างบรรยากาศ
หลังจาก กินและดื่มเพียงเล็กน้อย พร้อมกับ ฟังเพลง ฉินลั่วเฉิง ก็รู้สึกเหมือนกับว่าจิตใจของเขาได้บรรเทาความเหนื่อยล้าจากการฝึกฝน
เมื่อเขามองดูหิมะที่อยู่นอกหน้าต่าง และ คนเดินบนท้องถนน เขาก็อดถอนหายใจให้กับสิ่งที่เห็นไม่ได้
ชีวิตคือการดิ้นรน!
หลังจากดื่มและทานอาหารเสร็จ ไป๋ตงหลิน ก็เดินออกจากร้านอย่างสบาย ๆ ห่างออกไปไม่กี่ก้าว มีชายร่างเล็กวิ่งเข้ามาหาเขา เขาได้ตอบโต้โดยสัญชาตญาณเพื่อหลีกเลี่ยง แต่ทว่า เขาก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
ชายร่างเล็ก ได้ชนแขนของเขา อีกฝ่าย ได้ ขโมย ป้ายประจำตัวของเขา และ วิ่งจากไป
น่าสนใจ ผู้ฝึกยุทธ์ดินแดนปราณแท้จริง แท้จริงแล้วกลับเป็นขโมย
ด้วยทักษะทั้งหมดที่มี ไป๋ตงหลิน ไม่ได้กลัวอุบัติเหตุ ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งตามไป
ชายร่างเล็ก วิ่งไม่เร็วนัก ราวกับว่าเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะตามไม่ทัน เขาได้หันซ้ายขวาไปครู่นึงและพุ่งเข้าไปยังตรอกที่ห่างไกล
หลังจากก้าวเข้าไปในซอยเสร็จแล้ว ชายร่างเล็ก ก็หยุดลง
ไป๋ตงหลิน เองก็หยุดเช่นเดียวกัน
ในขณะนี้ ชายชุดดำอีกคน ก็ได้เผยตัวออกมา เขาได้เคลื่อนไหวและใช้มือฟันไปที่ลำคอของ ไป๋ตงหลิน
ซึ่งทันทีที่ ไป๋ตงหลิน เห็นเขาเคลื่อนไหว เขาก็เกร็งกล้ามเนื้อที่ลำคอของเขาให้นิ่มลง จากนั้น ก็ล้มตัวลงนอนตามปกติ
“เฮ้อ ไม่คิดเลยว่ามันจะง่ายดายขนาดนี้!”
“นายน้อยสิบสามของ ไป๋หลี่ ช่างหยิ่งทะนงตนเสียจริง ต้องขอบคุณวิธีการที่เราเตรียมมา เห้อ น่าเสียดาย พ่อเป็นเสือ แต่ลูกกลับเป็นสุนัขไปเสียได้”
ไป๋ตงหลิน ที่นอนอยู่บนพื้นได้กลอกตา เขาสามารถขยับร่างกายตอนไหนก็ได้แต่เขาไม่ทำ
ชายชุดดำสองคนรู้สึกอิ่มเอมใจครู่นึง และ ไม่กล้าเสียเวลามากเกินไป เพราะเขากลัวว่ามันจะล่าช้าต่อแผนการ ดังนั้น พวกเขาจึงรีบ อุ้ม ไป๋ตงหลิน และ กระโดดขึ้นไปบนหลังคาพร้อมกับจากไปอย่างรวดเร็ว
หืม? เด็กคนนี้ดูผอมแห้งแรงน้อย เหตุใดถึงดูหนักจัง?