บทที่ 624 การแข่งขันและความหึงหวง(ตอนฟรี)
บทที่ 624 การแข่งขันและความหึงหวง
“เสี่ยวหยู ผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกมาแล้วนี่ เป็นยังไงบ้าง?!” จี้เฟิงถามขึ้นทันทีเมื่อกดรับสาย เขาจำได้ว่าวันนี้น่าจะครบกำหนดสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของจี้เสี่ยวหยู ตอนนี้ก็สิ้นเดือนมิถุนายนแล้ว เมื่อนับเวลาดูดีๆผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็น่าจะออกแล้ว
“พี่สาม! ลองเดาดูสิคะ!” จี้เสี่ยวหยูหัวเราะคิกคัก
หัวของจี้เฟิงโตขึ้นทันที ไม่ว่าจะโทรศัพท์หรือส่งข้อความ สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดสำหรับเขาก็คืออีกฝ่ายบอกให้เขาเดา
“ทายสิ!”
“ฉันเป็นใคร... ลองทายดูสิ!”
“รู้มั้ยว่านี่คืออะไร?”
“ทายสิว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่....”
ไม่ว่าจะเป็นประโยคติดปากหรือเป็นวิธีการสนทนาของบางคนก็ตาม จี้เฟิงรู้สึกเหมือนกับหัวของเขาใหญ่ขึ้นจนถึงขั้นอยากจะเอาไปโขกกับกำแพงทุกที!
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลานี้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น จี้เฟิงจะมีวิธีที่ง่ายที่สุดในการจัดการกับมัน เขาจะพูดทันทีว่า “ขอโทษที ฉันเดาไม่เก่ง!” จากนั้นเขาก็จะวางสายไป
เพราะถ้าเป็นเรื่องด่วนหรือเรื่องสำคัญ อีกฝ่ายคงจะไม่มาพูดโยกโย้ไร้สาระแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? คงจะเล่ามันออกมาทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้ถามก่อนด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามเมื่อจี้เฟิงต้องมาเผชิญกับสถานการณ์นี้อีกครั้ง แต่อีกฝ่ายเป็นจี้เสี่ยวหยู เขาไม่สามารถทำอย่างที่เคยทำได้
เขาได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเดาว่า... เธอคงได้อันดับต้นๆในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในหยานจิงใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่ที่หยานจิงซักหน่อย!”
จี้เสี่ยวหยูรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอหัวเราะคิกคักและพูดว่า “เสี่ยวหยูไม่ได้ติดอันดับต้นๆ แต่ผลการสอบที่ออกมาก็ไม่แย่!”
“อ่าฮะ.. ยินดีด้วย แล้วเธอสอบเข้าที่ไหนล่ะ?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
“ทายสิ!” จี้เสี่ยวหยูหัวเราะคิกคัก
จี้เฟิง “.....”
“เอิ่ม... ที่สหพันธ์มหาวิทยาลัย?” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะนวดขมับตัวเองเบาๆ และเมื่อเห็นว่าถงเล่ยและหยูซวนที่นั่งอยู่บนโซฟาต่างมีสีหน้าสงสัย เขาจึงชี้ไปที่โทรศัพท์และพูดโดยไม่ออกเสียงว่า “เสี่ยวหยู!”
เมื่อรู้แบบนั้นเซียวหยูซวนและถงเล่ยก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ทั้งสองสาวชอบเด็กที่อ่อนโยนและน่ารักอย่างจี้เสี่ยวหยูมาก
“โอ๊ะ! พี่สาม พี่เดาถูกด้วยล่ะ!” จี้เสี่ยวหยูหัวเราะคิกคัก ดูมีความสุขมาก “พี่สามคะ เสี่ยวหยูสมัครเรียนที่สหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจว และจากผลคะแนนที่ออกมา เสี่ยวหยูสามารถเข้าเรียนที่นั่นได้อย่างแน่นอน เพราะเสี่ยวหยูสอบได้คะแนนเกินกว่าที่เขากำหนดมาตั้ง 30 คะแนนแหนะ!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะ ส่ายหัวเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้ม “นั่นเก่งมากเลยนะ ถ้าเธอมาถึงเจียงโจวเมื่อไหร่ ฉันจะให้ของขวัญเธอชิ้นหนึ่ง ดังนั้นตอนนี้เธอต้องเริ่มคิดได้แล้วว่าเธออยากได้ของขวัญอะไร ไม่อย่างนั้นจะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ!”
“โอเคค่ะ แต่ว่าพี่สามคะ.. ตอนนี้พี่สามช่วยอะไรเสี่ยวหยูอย่างนึงได้มั้ยคะ?” จี้เสี่ยวหยูถามเสียงเบา
“ช่วยอะไรเหรอ?” จี้เฟิงชะงัก
“คือตอนนี้เสี่ยวหยูอยู่ที่สถานีรถไฟเจียงโจวแล้วน่ะค่ะ พอดีว่าทางโรงเรียนของเราได้มีการจัดทัศนศึกษาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เจียงโจวได้ เพื่อที่จะได้ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเอาไว้ล่วงหน้า... ก่อนหน้านี้เสี่ยวหยูโทรหาพี่รองแล้ว แต่เขาไม่ว่าง เขาเลยบอกว่าจะส่งคนมารับ แต่เสี่ยวหยูไม่อยากไปกับคนอื่น เสี่ยวหยูก็เลยต้องโทรหาพี่สามนี่แหละค่ะ!” จี้เสี่ยวหยูพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ
จี้เฟิงยิ้มทันที จากนั้นก็พูดว่า “สบายมาก เธอรออยู่ที่สถานีรถไฟก่อน ฉันจะไปรับเธอเดี๋ยวนี้แหละ!”
“เสี่ยวหยูว่าแล้ว พี่สามใจดีที่สุดเลย อ้อ! ยังไงก็แล้วแต่ พี่สามต้องพาพี่สะใภ้ทั้งสองคนของเสี่ยวหยูมาด้วยนะคะ” จี้เสี่ยวหยูพูดอย่างมีความสุข
“ไปสิ! พาไปด้วยแน่นอน!” จี้เฟิงหัวเราะ
หลังจากวางสาย จี้เฟิงก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที แต่ก่อนหน้านั้นเขาทิ้งไว้ประโยคหนึ่งว่า “หยูซวน เล่ยเล่ย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เราจะไปรับเสี่ยวหยูกัน!”
แฟนสาวทั้งสองของเขาพยักหน้าเล็กน้อยและเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
....................
เมื่อจี้เฟิง หยูซวนและเล่ยเล่ยขับรถไปที่สถานีรถไฟ พวกเขาก็พบว่าในจัตุรัสสถานีรถไฟเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวที่ดูเหมือนนักเรียน ซึ่งนั่งอยู่เป็นกลุ่มๆใต้ร่มเงาเพื่อซ่อนตัวจากแสงอาทิตย์ที่ร้อนระอุ
“จี้เฟิง! ไหนล่ะจี้เสี่ยวหยู?” เซียวหยูซวนที่นั่งอยู่ในรถป้องมือไว้บนดวงตาและมองออกไป “มีเด็กนักเรียนหญิงเต็มไปหมดเลย เราจะหาเสี่ยวหยูเจอมั้ยเนี่ย!”
จี้เฟิงหัวเราะ “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็เจอ เอาอย่างนี้ เล่ยเล่ย เธอโทรหาเสี่ยวหยูที!”
“อื้ม!” ถงเล่ยพยักหน้าและหยิบโทรศัพท์มือถือสไตล์ผู้หญิงที่เพิ่งซื้อมาใหม่ออกมาและหาเบอร์ของจี้เสี่ยวหยูก่อนจะกดโทรออก
ในมุมหนึ่งของจัตุรัสสถานีรถไฟ จี้เสี่ยวหยูสวมชุดสีขาวยืนอยู่บนโถงทางเดิน ดูเหมือนจะใส่หูฟังอยู่ ท่าทางของเธอดูร่าเริงสดใสเช่นเคย เพียงแต่ดูโตขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ผ่านไปกว่าครึ่งปี จี้เสี่ยวหยูกลายเป็นสาวเต็มตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะส่วนสูงหรือการแต่งตัวก็เปลี่ยนจากเด็กสาวไปเป็นหญิงสาวที่ทันสมัย
เด็กสาวในช่วงอายุสิบแปดหรือสิบเก้าปี ถือได้ว่าเป็นช่วงวัยที่แต่งตัวตามสมัยนิยมอย่างแท้จริง
ในเวลานี้นอกจากจี้เสี่ยวหยูแล้ว ยังมีชายหนุ่มสองคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอยืนอยู่ใกล้ๆด้วย จี้เฟิงมองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ก็ดูเหมือนว่าชายหนุ่มสองคนนี้พยายามจะเข้าหาจี้เสี่ยวหยู ข้างๆพวกเขายังมีผู้ชายอายุมากกว่าเล็กน้อยยืนอยู่ด้วย
“ทำไมมันดูแปลกๆ!” จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าจะบอกว่าผู้ชายที่มีอายุมากกว่าสองคนนั้นเป็นครู แต่ทัศนคติที่พวกเขามีต่อนักเรียนดูเหมือนจะให้ความเคารพ ซึ่งนั่นไม่น่าจะใช่ทัศนคติของครูที่มีต่อนักเรียนเลย แต่ถ้าสองคนนี้ไม่ใช่ครูและไม่ใช่นักเรียน แล้วพวกเขาเป็นใครล่ะ?
จี้เฟิงเลิกคิดไปเองก่อนและตัดสินใจขับรถเข้าไปยังจัตุรัสไม่ไกลจากจุดที่จี้เสี่ยวหยูยืนอยู่ เป็นเพราะจี้เสี่ยวหยูยืนอยู่ตรงทางเดินที่เป็นทางแยก จี้เฟิงจึงไม่สามารถขับเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้ เขาจึงต้องจอดรถไว้ตรงนี้
เขาลดหน้าต่างลงและตะโกนว่า “เสี่ยวหยู ทางนี้!”
“พี่สาม?!” ดวงตาของจี้เสี่ยวหยูสว่างขึ้นทันที เธอตะโกนด้วยความประหลาดใจและรีบวิ่งมา “พี่สาม คนเยอะแยะขนาดนี้หาเสี่ยวหยูเจอได้ยังไงคะ?”
จี้เฟิงหัวเราะและพูดว่า “เสี่ยวหยูของพวกเราทั้งสวยทั้งน่ารักขนาดนี้ แม้ว่าจะมีคนมากมายล้อมรอบ การมองหาเธอก็ไม่ใช่เรื่องยาก!”
ใบหน้าของจี้เสี่ยวหยูแดงขึ้นเล็กน้อย และเธอก็อดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้าของเธอและพูดอย่างงอนๆ “พี่ชายคนที่สามแย่ที่สุดเลย! พี่หยูซวน พี่เล่ยเล่ย พี่สามแกล้งเสี่ยวหยู พวกพี่ไม่ต้องไปสนใจเขาเลยนะคะ!”
เซียวหยูซวนลงจากรถด้วยรอยยิ้มและจับมือเล็กๆของจี้เสี่ยวหยู “เสี่ยวหยู คราวนี้พี่ชายคนที่สามของเธอพูดถูกแล้ว เสี่ยวหยูของเราสวยขึ้นมากจริงๆ เธอดูเด็กหนุ่มพวกนั้นสิ ต่างก็มองตามเธอจนเหลียวหลังทั้งนั้นเลย!”
“ใช่แล้วเสี่ยวหยู เธอสวยจริงๆ!” ถงเล่ยกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าที่น่ารักของจี้เสี่ยวหยูยิ่งแดงขึ้น เธอย่นจมูกของเธอและส่งเสียงฮึ่ม “พี่สาม ห้ามล้อเสี่ยวหยูอีกนะ!”
“โอเคๆ ขึ้นรถเถอะ ที่นี่ร้อนจะตาย!” จี้เฟิงยิ้มและพูดอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นใบหน้าของเสี่ยวหยูเป็นสีแดง และปลายจมูกกับหน้าผากของเธอเริ่มมีเหงื่อออก เขาจึงตระหนักได้ว่าแม้เขาจะไม่กลัวความร้อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเสี่ยวหยูและคนอื่นๆจะไม่ได้ร้อนไปด้วย ปลายเดือนมิถุนายนแบบนี้อากาศร้อนจนแสบผิว!
“เสี่ยวหยู!”
น้ำเสียงนุ่มดังมาจากข้างหลัง
ใบหน้าของจี้เสี่ยวหยูก็เปลี่ยนเป็นสีแดงที่เต็มไปด้วยความประหม่า เธอหันหน้าไปอย่างรวดเร็ว “นายตามมาทำไม!”
เหมือนจะมีอะไรแปลกๆ...
จี้เฟิงนึกอยู่ในใจ ถ้าเป็นเพื่อนร่วมชั้นหรือเพื่อนทั่วๆไป จี้เสี่ยวหยูไม่น่าจะมีอาการตอบสนองแบบนี้
จี้เฟิงกลับไปมองที่จี้เสี่ยวหยูอีกครั้งอย่างครุ่นคิด
เด็กหนุ่มเดินมาหาจี้เสี่ยวหยูอย่างรวดเร็ว เขาเป็นหนึ่งในเด็กหนุ่มสองคนที่ติดตามจี้เสี่ยวหยูก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มคนนี้ตัวสูง หน้าตาหล่อและแต่งตัวดูดีมาก ไม่เหมือนกับเด็กวัยเดียวกันที่ไม่ได้ใส่ใจกับรูปลักษณ์การแต่งกายที่เนี๊ยบขนาดนี้
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเขาเดินมาหยุดอยู่ข้างๆจี้เสี่ยวหยูและถามอย่างสนิทสนมว่า “เสี่ยวหยู ทำไมจู่ๆถึงได้วิ่งมาที่นี่ล่ะ?.... แล้วนี่ใคร เพื่อนเธอเหรอ?”
จี้เสี่ยวหยูกล่าวด้วยใบหน้าที่เป็นสีแดง “ให้ฉันแนะนำให้รู้จักนะ นี่คือพี่ชายคนที่สามของฉัน พี่จี้เฟิง ส่วนสาวสวยสองคนนี้เป็นพี่สะใภ้ของฉัน!”
จี้เสี่ยวหยูไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าทั้งสองเป็นแฟนของจี้เฟิง เพียงแต่บอกไปอย่างกว้างๆว่าพวกเธอเป็นพี่สะใภ้
จากนั้นเธอก็หันไปมองที่จี้เฟิงและพูดว่า “พี่สามคะ เขาเป็นเพื่อนร่วมฉันของเสี่ยวหยู ฉินซิ่วจื่อ!”
“สวัสดีครับ!” เมื่อเด็กหนุ่มที่ชื่อฉินซิ่วจื่อได้ยินว่าจี้เฟิงเป็นพี่ชายคนที่สามของจี้เสี่ยวหยู เขาก็แสดงรอยยิ้มที่สดใสทันที “ผมชื่อฉินซิ่วจื่อ และผมก็มีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบพี่สามและพี่สะใภ้ทั้งสอง!”
“ใครเป็นพี่สามของนาย ฉินซิ่วจื่อ นายกำลังพูดจาเพ้อเจ้ออะไรอยู่!” จี้เสี่ยวหยูหน้าแดงทันทีด้วยความเขินอาย เธอแอบเหลือบมองจี้เฟิงและเห็นว่าเขาแค่ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรเลย มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกอายมากขึ้นกว่าเดิม
“ฉันไม่ได้พูดเพ้อเจ้อเสียหน่อย ในเมื่อเป็นพี่สามของเธอ ก็เท่ากับว่าเป็นพี่สามของฉันด้วย ไม่เห็นจะมีอะไรผิดแปลกตรงไหนเลย!” ฉินซิ่วจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นายยังจะพูดแบบนี้อีกเหรอ!” จี้เสี่ยวหยูอดไม่ได้ที่จะเสียงดังกลบเกลื่อนความเขินอายและจ้องมองไปที่ฉินซิ่วจื่ออย่างดุๆ
จี้เฟิงมองไปที่ฉินซิ่วจื่อและจี้เสี่ยวหยูด้วยความสนใจอย่างมาก เหมือนระหว่างสองคนนี้จะมีปัญหาอะไรบางอย่าง และดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาทั่วไป
“พี่สามคะ! พี่...” จี้เสี่ยวหยูเห็นรอยยิ้มที่แฝงความหมายของจี้เฟิงแล้วจู่ๆเธอก็รู้สึกเขินอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหน เธออยากจะพูดอธิบายอะไรบางอย่างแต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลังเธอ “เสี่ยวหยู!”
ใบหน้าของจี้เสี่ยวหยูดำมืดลงอย่างกะทันหัน ราวกับว่าเธออยากจะหันไปตีหน้าผากคนที่เพิ่งตะโกนเรียกเธอเสียเดี๋ยวนั้น
จี้เฟิงอดหัวเราะไม่ได้ จี้เสี่ยวหยูเป็นสาวแล้วจริงๆ!
“เสี่ยวหยู ฉันแค่ไปโทรศัพท์แป๊ปเดียวเอง เธอมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?!” คนที่เพิ่งมาใหม่ก็เป็นหนึ่งในสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆจี้เสี่ยวหยูก่อนหน้านี้ตรงโถงทางเดิน เด็กหนุ่มคนนี้ก็มีรูปร่างหน้าตาที่ไม่เลวเลย มองดูเหมือนเป็นเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความสามารถและมีสง่าราศี
จี้เฟิงอดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ ทำไมเด็กสมัยนี้ถึงได้พัฒนากันเร็วขนาดนี้? หน้าตาดีไม่พอ บุคลิกภาพโดยรวมก็ถือว่าไม่เลวเลย ห่างกันแค่รุ่นเดียวทำไมความแตกต่างถึงได้เยอะขนาดนี้?
เขากลับมานึกถึงรูปร่างหน้าตาของตัวเอง ก็ต้องยอมรับตามตรงว่า ถ้าเปรียบเทียบกันเฉพาะรูปร่างหน้าตาเพียงอย่างเดียว เขายังดีได้ไม่เท่าเด็กหนุ่มสองคนนี้เลย ผลลัพธ์นี้ทำให้จี้เฟิงอดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้ เขาเป็นคนที่ใส่ใจกับรูปร่างหน้าตาของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงเหมือนจะค้นพบอะไรอีกอย่างหนึ่ง เด็กหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่คนนี้ เหมือนจะไม่ค่อยลงรอยกับฉินซิ่วจื่อ เพราะทันทีที่พวกเขาสบตากัน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความเกลียดชังออกมาแวบหนึ่ง
พวกเขาเกลียดขี้หน้ากันเพราะความหึงหวง?!
จี้เฟิงมองดูสถานการณ์ตรงหน้าและแอบหัวเราะอยู่ในใจ เขาอดไม่ได้ที่จะสังเกตสีหน้าของจี้เสี่ยวหยู ดูเหมือนว่าเธอยังอายและทำอะไรไม่ถูก
“สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนของเสี่ยวหยู ชื่อว่าตู้จือเหวิน ไม่ทราบว่าพวกคุณ...” ชายหนุ่มยิ้มและกล่าวทักทายอย่างสุภาพ
“นี่คือพี่ชายคนที่สามของฉัน!” จี้เสี่ยวหยูกล่าวอย่างกระแทกกระทั้นแต่ใบหน้ายังคงเป็นสีแดง
ดวงตาของตู้จือเหวินสว่างขึ้นทันที เขายิ้มและกล่าวว่า “โอ้ เป็นพี่ชายคนที่สามของเสี่ยวหยูนี่เอง เสี่ยวหยูมาที่เจียงโจว พี่สามเลยมารับสินะครับ เหนื่อยหน่อยนะครับพี่สาม...”
จี้เสี่ยวหยูอับอายมากยิ่งขึ้นไปอีก!
…จบบทที่ 624~❤️