ตอนที่ 16 ผู้ครองพลังผู้พิทักษ์(อ่านฟรี)
ตอนที่ 16 ผู้ครองพลังผู้พิทักษ์
เจียน่าแปลกใจกับการชวนออกไปเที่ยวเล่นของลูอิสและเธอก็กลัวว่าจะเจอกับคนอันตรายด้านนอกห้องเข้า เพราะในชุมชนแห่งนี้มีแต่ผู้อพยพอยู่เต็มไปหมด ถึงอย่างนั้นสุดท้ายลูอิสก็พูดจนเธอยอมพาเขาออกมาข้างนอกจนได้
ในตอนนี้ลูอิสมั่นใจว่าตนเองสามารถเอาชนะระดับครึ่งดาวได้อย่างไม่มีปัญหา แน่นอนหลังจากที่เขาพึ่งเรียนรู้ทักษะใหม่อย่างดาบยุติธรรม lv.1 มาแล้วด้วย จึงมั่นใจว่าสามารถจัดการพวกอันธพาลได้อย่างไม่มีปัญหา
ถ้าให้เปรียบเทียบลูอิสเชื่อว่าเขาในตอนนี้สามารถโค่นพ่อบ้านเฟรดลงได้ในเวลาไม่ถึง 10 นาทีแน่นอน
...
ในที่สุดลูอิสก็ได้ออกมานอกห้อง หลังจากอุดอู้อยู่ในห้องพักมานับสัปดาห์ เจียน่าอุ้มลูอิสในท่าพาดบ่า ก่อนจะเดินไปยังถนนอาหาร ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งอาหารของชุมชนแล้ว ยังเป็นสถานที่ซึ่งผู้คนพลุกพล่านที่สุดในเขตชุมชนด้วย
ลูอิสมองทางด้านหลังขณะที่เจียน่าเดินพาเขาไปเรื่อย ๆ
‘แม้แต่ในชุมชนก็ยังยากที่คนทั่วไปจะทำธุรกิจได้ แต่ดูเหมือนจะมีข้อยกเว้นอยู่ คือคนที่เป็นนักล่าอย่างนั้นเหรอ ถึงอย่างนั้นก็คงเปิดร้านหรือทำธุรกิจได้ไม่เกินพื้นที่เขตชุมชนผู้อพยพสินะ’
‘เมืองเอลดิลเข้มงวดกับผู้อพยพมากจังเลยนะ แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าคิดดูดี ๆ แล้ว การมีผู้อพยพจำนวนมาก ถ้าไม่ควบคุมดี ๆ ก็อาจจะเป็นการเข้ามาของแรงงานและแย่งงานของคนในเมืองได้’
‘หืม...คนพวกนั้นทำไมถึงเอาแต่จ้องมาทางฉันกับเจียน่ากัน ดูเหมือนจะมีแผนการอยู่สินะ’
ลูอิสหรี่ตาลงมองกลุ่มชายฉกรรจ์สามคนที่แต่งตัวคล้ายนักเลง กำลังจ้างมองมาที่ลูอิสและเจียน่า พร้อมกับกระซิบและส่งสายตากันไปมา
นักเลงทั้งสามไม่รู้เลยว่าตนนั้นถูกสังเกตเห็นโดยทารกน้อยลูอิสแล้ว
“คนใครไม่รู้ตามพวกเรามา ระวังตัวด้วย” ลูอิสกระซิบบอกเจียน่า แต่แล้วในตอนนั้นเองทั้งสามคนก็เหมือนจะใช้จังหวะที่คนเดินผ่านไปมาเยอะ ๆ ลงมืออย่างโจ่งแจ้งในทันที
“พวกนั้นลงมือแล้ว รีบหนีก่อนเร็ว”
เจียน่าตกใจ เพราะพึ่งรู้ว่าโดนจับตามอง แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ลงมือในทันที แสดงว่าพวกนั้นจ้องเล่นงานพวกเขามาสักพักแล้ว
“นี่มัน...” ลูอิสตกใจเล็กน้อย เพราะเป้าหมายของคนพวกนั้นไม่ใช่เจียน่า แต่เป็นเขา คนร้ายเหล่านี้คิดจะขโมยเด็กทารก
“ท่านลูอิส” เจียน่าร้องด้วยความตกใจ เพราะเธอก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเป้าหมายจะเป็นลูอิส
‘เอายังไงดี ลงมือเลยก็แล้วกัน’ ลูอิสเตรียมจะเอาดาบสั้นออกมาจากช่องเก็บของผู้เล่น เพื่อเชือดคนร้ายเหล่านี้ แต่ในตอนนั้นเองก็มีบางสิ่งเกิดขึ้นซะก่อน ทำให้เขาต้องหยุดมือ
ระหว่างคนร้ายและลูอิสมีชายคนหนึ่งปรากฏตัว ก่อนที่จะยืนมือออกไปด้านหน้าพร้อมกับปล่อยพลังออกไปจากฝ่ามือสร้างเป็นโล่พลังงานกระแทกเข้าใส่ตัวของคนร้ายผู้นั้นจนกระเด็นลอยไปกระแทกเข้ากับโต๊ะและเก้าอี้ของร้านขายอาหารริมทาง
“อั๊ก!” คนร้ายที่โดนกระอักเลือดออกมาอย่างแรง ก่อนจะน็อกคาที่ในเวลาต่อมา
ส่วนอีกสองนั้นต่างก็มองด้วยความตกตะลึง ขาทั้งสองข้างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว คล้ายคนสติหลุด พูดออกมาว่า "ผู้...ผู้ครองพลัง" ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีโดยไร้ซึ่งความลังเลใด ๆ
“คิดจะหนีอย่างนั้นเหรอ” ชายปริศนาที่เข้ามาช่วยลูอิสและเจียน่ากล่าวออกมา ก่อนจะเคลื่อนที่เข้าหาคนร้ายอีกสอง ก่อนจะตบด้วยฝ่ามือจนหัวของสองคนร้ายบิดผิดรูปคอหักตายในทันที
‘เฮ้ยใครอีกละเนี่ย...แข็งแกร่งมากชายคนนี้’
‘ผู้ครองพลัง?’
ลูอิสเบิกตากว้างมองดูด้วยความอึ้ง ก่อนจะรีบทำตัวให้เหมือนเด็กทารกน้อยทันที เขาทำแม้กระทั่งปิดซ่อนพลังงานในร่างกาย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสถึงสิ่งที่เรียกว่าผู้ครองพลัง มันแข็งแกร่งกว่าพวกอัศวินครึ่งดาวอะไรนั้นอีก ผู้ครองพลังไม่ใช่แข็งแกร่งเพียงร่างกาย แต่เพราะพวกเขาใช้พลังงานในร่างกายได้ด้วย
เจียน่าเองก็ตกใจเช่นกันที่ได้เจอกับผู้ครองพลังตัวเป็น ๆ เพราะปกติเธอเคยแต่เห็นพลังของพวกครึ่งดาวเท่านั้น
ผู้คนโดยรอบต่างก็ถอยหนีการต่อสู้จนเกิดเป็นพื้นที่ว่างในถนนอาหารแห่งนี้ทันที ศพสองศพนอนตายอยู่ที่พื้น ส่วนอีกหนึ่งนอนสลบไม่ได้สติ แม้จะมีคนตายแต่กลับไม่มีใครพูดออกมา พวกเขาทุกคนทำเพียงยืนก้มหน้าไม่มีใครกล้ามองผู้ครองตรง ๆ แม้แต่คนเดียว
“หึ พวกโจรขโมยเด็ก กล้ามากที่ลงมือต่อหน้าฉันคนนี้” ผู้ครองพลังคนนั้นเดินไปที่คนร้ายที่นอนสลบอยู่ ก่อนจะยกเท้าขึ้นมากระทืบไปที่คอของมันจนคอหักตายตกไปทั้งอย่างนั้น
‘โหดมาก’ ลูอิสถึงกับอุทานในใจ กับการสังหารคนได้อย่างเยือกเย็นของอีกฝ่าย แต่ดูจากท่าทีแล้ว ผู้ครองพลังคนนี้ไม่เห็นคนร้ายนั้นเป็นคนด้วยซ้ำ
หลังจากจัดการเสร็จ ผู้ครองพลังคนนั้นก็เดินจากไปในทันทีโดยไม่ใจศพทั้งสาม
“เห็นพลังนั้นไหม มันคือความสามารถในการสร้างโล่พลังงานของผู้พิทักษ์”
“ถ้าอย่างนั้นผู้ครองพลังคนนั้นก็คงเป็น ท่านรีดิน ผู้ครองพลังสายผู้พิทักษ์ หนึ่งในผู้ครองพลังของไวเคานต์คาริสสินะ”
“ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมายังที่แบบนี้”
“ได้ยินไหมท่านรีดินบอกว่าสามคนนี้เป็นโจรที่ลักพาตัวเด็ก”
“ถุย! ถ้าอย่างนั้นก็สมควรตายแล้ว แต่พวกมันไม่ควรได้รับเกียรติตายด้วยน้ำมือของท่านรีดินเลย”
“ฉันว่าคนพวกนี้เป็นคนอพยพแน่เลย”
“หึ พวกผู้อพยพบัดซบ”
“ซู่ เบา ๆ หน่อยที่นี่มันยังอยู่ในชุมชนผู้อพยพนะ”
ผู้คนที่มีสถานะเป็นพลเมืองของเมืองเอลดิลต่างก็พากันพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีใครเห็นใครคนร้ายทั้งสามคนที่โดยฆ่าตาย แต่กับพากันพูดชมและยกย่องผู้ครองพลังรีดินและก็สาปแช่งศพโจรทั้งสาม ส่วนพวกผู้อพยพก็พากันสั่นกลัวกับพลังของชายคนนั้น
‘ผู้ครองพลังสายผู้พิทักษ์อย่างนั้นเหรอ แถมยังเป็นคนของไวเคานต์คาริสด้วย ถ้าจำไม่ผิดทั้งพ่อบ้านเฟรดและแอนเดรียเคยพูดถึงสินะ ดูเหมือนจะเป็นขุนนางยศสูงที่สุดในเมืองเอลดิล และรองลงมาก็เป็นบารอนสี่คน ซึ่งในเมืองเอลดิลมีขุนนางอยู่ถึง 5 คน’
‘บารอนอย่างนั้นเหรอ ยศเท่ากับบารอนไรแลนด์สินะ ส่วนไวเคานต์ก็ยศสูงกว่า 1 ขั้นสินะ’
‘พลังของชายคนนี้อยู่ระดับ 1 ดาวหรือว่าสูงกว่ากัน...?’
ลูอิสมองไล่หลังตรงจุดที่ผู้ครองพลังรีดินหายไปอย่างสงสัย แม้จะไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้เขาคงยังสู้กับชายคนนี้ไม่ได้แน่นอน
‘ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังมีเวลาอีกมาก เพราะพึ่งจะเป็นเด็กทารกนี่นะ’ ลูอิสยิ้มออกมาอย่างรอคอยถึงพลังในอานาคตของตัวเอง
ตอนนั้นเองเจียน่าก็สะกิดและถามเขา
“เราจะกลับไปที่ห้องเลยหรือเปล่า” เจียน่าถาม แต่สายตายังคงมองศพทั้งสามเป็นบางครั้ง ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้กลัวจนเกินไป เนื่องจากเธอเคยเห็นคนตายมาหลายครั้งแล้วก่อนหน้านั้น เธอเพียงระวังว่าศพทั้งสามจะลุกขึ้นมาเป็นอันเดดตามความเคยชินก็เท่านั้น
“ยัง ตอนนี้แม่น่าจะยังไม่กลับมา ยังพอมีเวลาอีกสักพัก ไปแถวนั้นกันเถอะ” ลูอิสชี้ไปยังทางหนึ่งด้วยมือเล็ก ๆ ของเขา ถ้ามองจากภายนอกจะเหมือนเด็กน้อยที่ชี้มือไปมาไม่ได้คิดอะไรมาก
เจียน่าพยักหน้า ก่อนที่จะอุ้มลูอิสและเดินต่อ
...
หลังจากเดินมาเรื่อย ๆ พวกเขาก็มาถึงยังส่วนที่แออัดสุดของชุมชนผู้ลี้ภัย สถานที่นี้เป็นจุดรวมตัวกันของผู้ลี้ภัยที่ไร้เงินตราใด ๆ คนยากจน ผู้ป่วยใกล้ตายก็จะถูกส่งมาที่นี่เช่นกัน บ้านเรือนแถวนี้ไม่ต่างจากสลัมเก่า ๆ ในโลกของเขาก่อนนี้
ที่นี่ไม่มีการเจ็บค่าเช่าหรือค่าที่ดิน ดังนั้นใครก็สามารถไปอยู่ได้ แต่สภาพของมันก็เลยร้ายมากเช่นกัน
เจียน่าระวังตัวมากขึ้นเมื่อมีสายตามองมายังพวกเธอ
ชุดที่คนที่นี่ใส่นั้นสภาพเก่ากว่าชุดที่เธอใส่ซะอีก แถมพื้นก็ยังไม่ใช่พื้นหินหรือปูนด้วย แต่เป็นพื้นดินธรรมดา ว่ากันว่าในเขตส่วนนี้นั้นคือสวนที่ขยายออกมาจากเมืองเอลดิล ถึงจะอยู่ในกำแพงแต่ก็ไม่ได้รับการพัฒนาอะไรทั้งสิ้น
ที่พื้นมีน้ำและสิ่งประติกูลทิ้งเกลื่อนถนน กลิ่นที่โชยออกมานั้นเลวร้ายมาก
‘ถ้าไม่เพราะแอนเดรียมีสมบัติติดตัวมาด้วย พวกเราก็คงต้องมาอาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน’
‘แต่ที่นี่กลับเข้าทางเรา ช่วยคนเป็นครั้งคราวและเก็บพลังงานศรัทธามา’
วิธีในการเก็บพลังงานศรัทธานั้นเกิดจากการที่เขาลงมือทำให้คนผู้หนึ่งเกิดพลังศรัทธา ในครั้งแรกแม้การสร้างพลังงานศรัทธาจะไม่สูง แต่ถ้ายังมีการเพิ่มขึ้นของค่าพลังศรัทธา ถ้าเขาอยู่ ใกล้ ๆ ก็จะเก็บได้ในทุกวัน ถึงแบบนั้นก็เสียเวลาเกินไป ลูอิสจึงหวังค่าพลังงานศรัทธาที่ได้จากการช่วยในครั้งแรกเป็นหลัก
การช่วยเหลือก็เป็นหนึ่งในเช่นกัน
แต่ที่ลูอิสกำลังหมายถึงตอนนี้คือการช่วยและเก็บในครั้งแรกทันที โดยไม่สนใจว่าวันต่อไปจะเจอคนพวกนั้นหรือไม่ก็ตาม
‘ถึงอย่างนั้นจะเดินไปช่วยเฉย ๆ ก็ยังไงอยู่ เอ๊ะ! นั้นคือ สถานพยาบาลอย่างนั้นเหรอ’
“ไปที่นั่นกัน” ลูอิสชี้ไปที่สถานพยาบาล
“ท่านลูอิสบาดเจ็บอย่างนั้นเหรอคะ” เจียน่าก้มมองสำรวจลูอิส
“เปล่า แต่ก็แค่อยากรู้อยากเห็นเท่านัน” ลูอิสหาข้อแก้ตัว
“เออ...ถ้าอย่างนั้นก็ได้” เจียน่าอุ้มลูอิสไปที่สถานพยาบาลอย่างไม่คิดอะไรมาก ที่จริงเธอก็ยากไปดูเหมือนกันเพราะไม่เคยเห็นสถานพยาบาลมาก่อน