STBI : ตอนที่ 16 ไป๋หยวนเจิ้น
เมืองหลวงหนานหยาน
เปี้ยนโจว,ซ่างจิงเฉิง
ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว และ หิมะได้ตกหนักไปทั่วเมืองหลวง
หิมะได้โปรยปรายไปไกลหลายพันลี้ทำให้พื้นที่โดยรอบถูกห่อหุ้มไปด้วยสีขาวบริสุทธิ์
ที่นี่มีเมืองขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนที่ราบคล้ายกับราชันย์ของเหล่าสัตว์ร้าย
พระราชวังเมืองชั้นใน ที่ประทับของ องค์ชาย
หญิงสาวที่มีใบหน้าที่งดงามและสง่างาม ได้ถือแผ่นหยกสีขาวอยู่ในมือและนอนอย่างเกียจคร้านบนโซฟานุ่ม ๆ
ในเวลานี้ องค์ชายหลี่หงเหวิน ได้คุกเข่าลงกับพื้น โดยที่ศีรษะของเขาได้ก้มลงโดยไม่กล้ามองไปที่ร่างที่สูงส่งเบื้องหน้าของเขา
ในขณะที่เขากำลังตื่นตระหนก เสียงของหญิงสาวที่ดูเกียจคร้านก็ดังเข้ามา :
“ฝ่าบาท 8 ปีแล้ว ตั้งแต่พระองค์เสด็จเข้าวังมา แต่ท่านก็ยังไม่สามารถทำงานใหญ่ให้สำเร็จได้ นี่ท่านจะไม่ไร้ประโยชน์เกินไปหน่อยหรือ?”
“คนที่ไร้ความสามารถเช่นนี้ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นหุ่นเชิดด้วยซ้ำ”
หลี่หงเหวิน ที่ได้ยิน ได้ก้มศีรษะลงด้วยความหวาดกลัว :
“ข้าได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เหล่าเจ้าหน้าที่พลเรือนและทหารส่วนใหญ่ ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า แต่ทว่า เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ก็มีนิกายลับจับจ้องอยู่ ข้าไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวจริง ๆ ไม่ใช่เพราะข้ากลัวตาย แต่หากมีอะไรเกิดขึ้น ข้ากลัวว่ามันจะทำให้แผนต้องล่าช้า”
“หืม จะบอกว่าข้าเข้าใจท่านผิดไปว่างั้น?”
“ข้ามิกล้า ขอขอให้ท่านให้เวลาข้าอีก 1 ปี เสด็จพ่อได้ถูกข้าลอบวางยาพิษอย่างลับ ๆ มาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว คาดว่าอีก 1 ปี พระองค์จะต้องเสด็จสวรรคตอย่างแน่นอน!”
ผู้หญิงบนโซฟานุ่ม ๆ ไม่ได้กล่าวพูดกับ องค์ชายหลี่หงเหวิน ทำให้อีกฝ่าย ทำได้เพียงคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่กล้าแม้แต่จะแหงนหน้ามอง
ในเวลานี้ จู่ ๆ เงาร่างสีดำก็ปรากฏขึ้นบนโซฟานุ่ม ๆ ก่อนที่จะกระซิบอะไรบางอย่างจากนั้นก็หายวับไป
“หึหึ ในที่สุด น้องรองที่เป็นอัจฉริยะของข้าคนนี้ก็กลับบ้านเสียที พอดีเลย ข้าก็ไม่ได้กลับไปที่ตระกูลไป๋นานแล้ว ข้าจะได้ถือโอกาสนี้ไปเยี่ยมน้องรองของข้า”
หญิงสาวคนนี้ก็คือองค์หญิงในปัจจุบัน ไป๋หยวนเจิ้น บุตรสาวคนโตของตระกูลไป๋ในหยุนโจว
เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เมื่อ ไป๋หยุนเจิ้น เข้าวังมา ก็มีปัญหามากมาย เพราะตระกูลไป๋เปรียบเสมือนจักรพรรดิในพื้นที่หยุนโจว อีกทั้งยังควบคุมอำนาจทางการทหารทั้งหมดในภาคใต้
ไป๋หยวนเจิ้น มีความงามที่ไร้ทัดเทียม อีกทั้งยังเชี่ยวชาญ ขิม หมากรุก อักษร และ วาดภาพ นางเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถเพียบพร้อม
แต่ทว่าหญิงสาวคนนี้ เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ทั้งพ่อแม่ของนางต่างต่อต้านไม่ให้นางแต่งงานออกไป แต่นางกลับยอมเสี่ยงดวง แต่งงานกับองค์ชายอย่างเด็ดเดี่ยว และ พักอาศัยอยู่ในพระราชวังที่รกร้างแห่งนี้
หลายคนบอกว่า ไป๋หยวนเจิ้น หลงเสน่ห์พรสวรรค์ขององค์หญิง หรือกระทั่ง บางคนก็บอกว่า ไป๋หยวนเจิ้น หลงใหลในความงดงามขององค์หญิง
แม้แต่ องค์ชายหลี่หงเหวิ่น ซึ่งหมอบอยู่บนพื้นก็คิดเช่นเดียวกัน
เพียงแต่ว่าใครจะไปคิดว่า ภรรยาของเขาจะเป็นบุคคลที่โหดร้ายเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้แตะต้องนางมาถึง 8 ปีเต็ม เขายังตกต่ำลงมาจนถึงจุดนี้ด้วย
ไป๋หยวนเจิ้น ได้มองดูแผ่นหยกในมือของนาง และ ความคิดของนางดูเหมือนจะได้หวนคืนกลับไปสู่วันที่นางเพิ่งได้รับแผ่นหยกนี้มาเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
อาณาจักรฉินอมตะ,จิ๋นซีฮ่องเต้,คัมภีร์ราชวงศ์หยุน,ความทะเยอทะยาน…
แสงสีทองได้ส่องประกายในดวงตาของ ไป๋หยวนเจิ้น ดูเหมือนว่าลักษณะของนางจะมีอะไรผิดปกติบางอย่าง
อำนาจในโลกนี้จะต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของข้า ไป๋หยวนเจิ้น
“ข้าจะรออีกแค่ 1 ปี ถ้าหากมันล้มเหลว ข้าหวังว่าท่านคงจะรู้ผลลัพธ์ที่ตามมาเป็นอย่างดี”
“จัดการให้เรียบร้อย ข้าจะเดินทางกลับไปเยี่ยมเยือนตระกูลไป๋ของข้า”
“เข้าใจแล้ว!”
หลี่หงเหวิน ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หลังจากนั้นเขาก็ออกจากห้องไปอย่างระวัง
…
ไป่เฉิง
คฤหาสน์แม่ทัพในปัจจุบัน เรียกได้ว่ากำลังมีงานเลี้ยงกันอย่างสนุกสนาน สีหน้าของทุกคนต่างเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แม่ทัพไป๋หลี่ และ องค์หญิงไป๋หยวนเจิ้น ได้เสด็จกลับมาที่นี่ และ นี่ก็เป็นวันที่ 30 ซึ่งเป็นช่วงท้ายปี
กลอนคู่ได้ถูกร่ายรำออกมา พร้อมกับ โคมไฟที่ถูกแขวน พวกเขาทั้งหมดต่างยุ่งมาก แม้แต่ครัวด้านหลังก็ยิ่งครึกครื้น อาหารอันโอชะจำนวนมาก ต่างถูกนำมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ในหมู่พวกมัน เต็มไปด้วยส่วนผสมหายากหลายชนิด
ในเวลานี้ ทุกคนในตระกูลไป๋ต่างมารวมตัวกันที่ลานฝึกฝน
ปีที่แล้ว ก็มีการแสดงศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต้องจัดขึ้นทุกปี เพราะไม่มีความบันเทิงใด ๆ ที่ดูสนุกสนานมากไปกว่านี้แล้ว
ตระกูลไป๋ นั้น อ่อนแอในด้านวรรณคดี แต่ก็มีรุ่นเยาว์บางคนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นทำให้พวกเขาเหล่านั้นต่างได้รับรางวัลจากการแสดง
ไป๋ตงหลินในเวลานี้ ได้มองไปพื้นที่โดยรอบด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย การประลองกันในสนามฝึกฝน ก็เป็นเพียงการประลองกันระหว่างครอบครัว ซึ่งเขาไม่ได้ร่วมประลองด้วยเพราะกลัวจะทำคนอื่นบาดเจ็บ
แน่นอนว่าเขาได้ให้ความสนใจไปที่ พ่อของเขาและพี่สาวของเขาแทน
ผู้นำตระกูลไป๋ แม่ทัพไป๋หลี่ ที่ประจำการอยู่ข้างนอกตลอดทั้งปี นาน ๆ ทีเขาจะกลับมาสักครั้ง ทว่า สิ่งนี้ก็ไม่มีใครบ่น เพราะทุกสิ่งอย่างในตระกูลไป๋ ถูกสร้างขึ้นจากสถานะแม่ทัพของตระกูลไป๋
แม่ทัพทุกรุ่นก็เป็นแบบนี้
แม่ทัพไป๋หลี่ มีส่วนสูงมากกว่า 1.9 เมตร และ มีรูปร่างที่กำยำใบหน้าที่สง่าผ่าเผย เพียงแค่มองแวบเดียว ก็สามารถระบุได้เลยว่าเขาเป็นแม่ทัพทหาร เป็นนักรบที่เป็นผู้รับผิดชอบในการนำทัพสู้รบ
ไป๋หยวนเจิ้น พี่สาวคนโตของเขายิ่งทำให้เขารู้สึกอัศจรรย์มากยิ่งขึ้นไปอีก เพียงแค่รูปลักษณ์และร่างกายของนางก็จัดว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว อีกทั้ง กลิ่นอายรอบตัวของนาง ยังแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีความยิ่งใหญ่ คล้ายกับผู้ที่มีอำนาจเด็ดขาด
ทั้งสามคนเป็นพี่น้องกัน แต่พี่สาวคนโตของเขามีอารมณ์ที่เหมือนกับพ่อของเขามากที่สุด
ดูเหมือนว่าพี่สาวคนโตนี้จะไม่ใช่คนธรรมดา ไป๋ตงหลิน ได้มอง ไป๋หยวนเจิ้น อย่างครุ่นคิด
ในเวลานี้ พี่สาวของเขาได้หันศีรษะกลับมาและยิ้มให้กับเขา แสงสีทองจาง ๆ ได้ปรากฏขึ้นบนดวงตาของนาง พร้อมกับ กล่าวพูดกับ ไป๋ตงหลิน :
“น้องชาย ไม่ได้เจอเจ้า 1 ปี ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้”
จู่ ๆ ไป๋ตงหลิน ก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังเผชิญหน้ากับพี่รองของเขา มันเป็นความรู้สึกที่ถูกมองผ่านความลับในร่างกาย
เขาได้สั่นศีรษะในทันที นี่เป็นเพียงภาพลวงตา พี่สาวของเขา ก็มีสีของทะเลวิญญาณสีแดงเข้ม หรือก็คือ นางไม่มีคุณสมบัติในการบ่มเพาะพลัง
“พี่สาวก็เหมือนกัน เพียงแต่ว่าท่านดูเด็กลงและดูสวยขึ้นมากจริง ๆ สิ่งที่น้องชายคนนี้ทำ ก็แค่กำลังเริ่มฝึกฝนศิลปะต่อสู้ และ กินมากขึ้นเท่านั้น เพราะงั้นข้าถึงเติบโตได้อย่างรวดเร็ว”
ไป๋หยวนเจิ้น ได้ปิดปากของนางและยิ้มออกมา :
“เจ้าเด็กบ้านี่ เจ้านี่หัดกะล่อนตั้งแต่ยังเด็กเลยนะ!”
ไป๋ตงหลิน รู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขาอายุประมาณ 12 ปีแล้ว และ ส่วนสูงของเขาก็ไม่ได้ต่ำ แต่แล้วอีกฝ่ายกลับยังปฏิบัติต่อเขาเหมือนยังเป็นเด็ก นี่มันช่างน่าอายเกินไปจริง ๆ
พี่สาวคนโตของเขาแม้ว่านางจะไม่เหมือนกับท่านแม่ แต่พวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกันตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดอะไรเช่นนี้ออกมา
ทั้งสองได้นั่งลงและพูดคัยกัน ไป๋ตงหลิน ก็เล่นมุกตลก ๆ จากชีวิตก่อนหน้านี้เป็นครั้งคราวเพื่อทำให้พี่สาวของเขารู้สึกขบขัน
เพราะหลังจากวันนี้ไป ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานเท่าไหร่ กว่าจะได้พบกันอีกครั้ง ดังนั้นหากพูดได้มากกว่าเดิม 2-3 ประโยค เขาก็ตัดสินใจที่จะพูดมันมากกว่านี้
หนทางแห่งการฝึกฝนของเขาก็กำลังรออยู่ เขาต้องการที่จะเดินไปบนเส้นทางนั้นโดยเร็วที่สุด
พอถึงช่วงเย็น การแสดงก็จบลง
ทุกคนได้ไปที่ห้องโถงเพื่อจัดงานเลี้ยง โดย ภายในห้องโถงต่างเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะหลายร้อยโ๖๊ะ
สิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะแสดงความมั่งคั่งของตระกูลไป๋แล้ว
ไป๋ตงหลินและครอบครัวได้นั่งลงที่โต๊ะ โดยมี หลิวอี้ เพิ่มเข้ามาอีกคนนึง
ก่อนเริ่มงานเลี้ยง ไป๋หลี่ ได้มองไปที่ ไป๋ตงหลิน และ กล่าวชื่นชมเขาโดยให้เขายังคงพยายามอย่างหนักต่อไป
ไป๋ตงหลิน ที่มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการเข้าร่วมประชุมงานเลี้ยงประจำปีของบริษัท เขาไม่ได้แสดงอาการประหม่าออกมา
ทว่า เขารู้สึกสับสนเล็กน้อยท่ามกลางเสียงเชียร์และเสียงหัวเราะจำนวนมาก
เพราะนี่เป็นปีใหม่แรกของเขาในชีวิตใหม่นี้
ที่นี่ ไม่มีโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ไม่มีงานกาล่าในเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ เขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าในบูลสตาร์ ในโลกนั้น เขาไม่มีพี่น้อง และ ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว แต่ตอนนี้ เขารู้สึกเจ็บจมูก
ในที่แห่งนี้ เขามีครอบครัวและญาติจำนวนมาก
ทุกคนต่างเป็นครอบครัวด้วยกันทั้งสิ้น
บูม บูม บูม
ในเวลานี้ ท้องฟ้ายามค่ำคืนของ ไป่เฉิง ต่างเบ่งบานไปด้วยดอกไม้ไฟหลากสีสันจำนวนมาก
ไป๋ตงหลิน ได้แหงนหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าที่งดงาม ดวงตาของเขาได้กลายเป็นพร่ามัว
“บลูสตาร์ ฉันจะคิดถึงช่วงชีวิตในตอนนั้นตลอดไป!”