Chapter 245 (อ่านฟรีทุกตอนที่ลงท้ายด้วย 5-6)
แต่สำนักงานเอ็กซ์คาลิเบอร์เกี่ยวข้องกับการคงอยู่ของมนุษยชาติทั่วโลกและไม่อาจประมาทได้.
แต่ซอดกลับไม่สนใจเรื่องนี้เลย และนิคก็ต้องลงมือด้วยตัวเอง.
แม้ว่านิคจะบอกว่าเขาไม่รู้ว่าชิลด์กลายเป็นสเน็กชิลด์เพราะความประมาทอย่างมาก แต่ในฐานะสายลับระดับสิบก็มีน้อยคนนักในโลกนี้ ตัวเขาเองก็ยังคงมีความสามารถอยู่บ้าง.
มันก็แค่ช่วงแย่ๆ ท้ายที่สุด เขาก็คิดไม่ถึงว่าไฮดร้าจะอยู่รอดและเติบโตภายในชิลด์.
และหลังจากที่เขารู้ นิคก็เลือกที่จะใช้ตัวเองเป็นเหยื่ออย่างกล้าหาญและจัดการไฮดร้าที่เข้ามาโจมตีเขาได้อย่างสำเร็จ.
ยกเว้นว่าเขาไม่มีความสามารถในศิลปะการต่อสู้อย่างที่หลายๆคนได้รู้ แต่ซอดก็ไม่กังวลว่านิคจะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ไม่ได้.
สำนักงานเอ็กซ์คาลิเบอร์เริ่มจัดการแก้ไขในระยะยาว เมื่อก่อนใครๆก็คิดว่าสำนักงานเอ็กซ์คาลิเบอร์จำเป็นแค่จัดการกับมอนเตอร์และหลังจากที่มอนเตอร์หายไปแล้วมันก็คงจะถูกยุบไปเอง.
ดังนั้น นอกจากการใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตัวเองแล้ว การใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนของประเทศต่างๆก็เริ่มรุนแรงขึ้นเช่นกัน
เขาไม่รู้ว่าเขาต้องตกใจมากแค่ไหนเมื่อเขาตรวจสอบ และสำนักงานเอ็กซ์คาลิเบอร์ที่ถูกจี้จะกลายระเบิดออกมาอย่างรวดเร็ว.
มีดิเซปติคอนกว่า 100 ตัวที่ถูกรายงายว่ามันหายไปและโกดังก็ว่างเปล่า!
แม้ว่าจะพูดว่า ดิเซปติคอนสามารถบินได้ แต่ก็มีการตรวจสอบอย่างเสมอและต้องรายงานทุกครั้งก่อนที่จะบิน ยิ่งไปกว่านั้นดิเซปติคอนตัวใหม่ๆที่ผลิตก็ยังไม่มีการยืนยันว่าใครเป็นผู้ขับขี่.
เหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ซอดรู้ดีว่าในโลกของมาเวลนี้ หากมีอะไรเกิดขึ้น เมื่อหาคนทำผิดไม่ได้ ก็ให้บอกไปว่าเป็นฝีมือของไฮดร้า!
...
หลังจากสงครามกลางเมืองนิวยอร์ค โลกิก็ถูกจับในฐานะอาชญกรสงคราม และเตรียมส่งกลับไปที่แอสการ์ด.
ธอร์กังวลมากเกี่ยวกับการหายตัวไปของคอสมิกคิวบ์ ท้ายที่สุดมันก็เป็นสมบัติของแอสการ์ดและเขาต้องเอามันกลับไปด้วย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่อาจหามันเจอ.
ก่อนที่เขาจะจากไป ซอดก็ได้ขอดูค้อนของเขาด้วยความสงสัย.
ธอร์ก็ใจดีมากที่ปล่อยให้เขาศึกษามัน แต่เขาไม่รู้ว่า ซอดได้คิดที่จะเลียนแบบของค้อนของเขา และเมื่อถึงตอนนั้น เมื่อซอดไปถึงอาณาจักรควากซ์ ค้อนของธอร์ก็เป็นได้แค่เศษไม้.
"ปรากฏว่าสิ่งที่เรียกว่า พลังของแอสการ์ด ตอนนี้มันก็มีพลังของ แอสการ์ด อยู่ด้วยและยังคงมีพลังของธอร์."
หลังจากที่ซอดศึกษา เขาก็คืนค้อนให้กับธอร์.
ธอร์ดีใจมากที่ได้รู้จักเพื่อนที่แข็งแกร่งคนนี้ และเขาก็นัดที่จะต่อสู้กับซอดในครั้งถัดไป.
ซอดบอกว่ามันจะดีกว่าที่จะโจมตีดวงอาทิตย์ถ้าจะเลือกวันอื่น มันต้องเป็นวันนี้.
จากนั้น ธอร์ก็ดึงโลกิที่จมูกช้ำและหน้าบวมออกมา.
"เฮมดอลล์ ส่งเรากลับ!"
สะพานสายรุ้งก็คลุมตัวของธอร์และโลกิหายไปในลำแสง.
ซอดไม่สนใจ และสิ่งต่อไปที่เขาจะทำก็น่าจะเกี่ยวข้องกับไฮดร้า.
เขาเสกค้อนของธอร์ขึ้นมาอย่างง่ายๆและผู้ที่ถือตอนนี้ก็สามารถกลายเป็นธอร์ได้ง่ายๆ!
เมื่อเห็นฉากนี้ เฮมดอลล์ ก็ไม่กล้าปิดบังและรายงานกับโอดิน.
โอดินพูดด้วยสีหน้าซับซ้อนว่า 'อย่าใส่ใจเลย'.
ท้ายที่สุด นั่นก็คือ จักรพรรดิของจักรวรรดิคริปโตเนียนและเขาก็ไม่เห็นว่ามันค้อนของธอร์จะเป็นของปลอม.
เป็นไปได้ไหมที่ซอดมีเรียลลิตี้สโตนและคัดลอกค้อนของอาณาจักรควากซ์ผ่านเรียลลิตี้สโตน?
หลังจากที่ซอดสังเกตว่ามีคนแอบดูเขา เขาจึงใช้โซลสโตนปกคลุมโลกทั้งใบเพื่อป้องกันไม่ให้เฮมดอลล์แอบดู.
เขาสนใจที่จะศึกษาค้อนของธอร์เป็นอย่างมาก
เนื่องจากมีค้อนของธอร์แล้ว เขาก็ควรจะวิจัยสิ่งประดิษฐ์อื่นๆได้.
มันก็เหมือนกับวอนเดอร์วูแมน อุปกรณ์ที่ถูกสร้างมาเป็นจำนวนมาก
อูอาตูก็ยังสังเกตค้อนของธอร์ที่อยู่ในมือของซอดเช่นกัน
ไม่ว่ามันจะเป็นโลหะอะไร ตราบใดที่มันเป็นสสาร มันก็ต้องมีโครงสร้างของอะตอมหลังจากที่ควบคุมสสารอย่างเชียวชาญแล้ว ค้อนอันนี้ก็สามารถสร้างมันได้มากขึ้นเท่าที่เขาจะอยากทำ
ดังนั้นเมื่ออยู่ในมือของซอด.
เขาก็สามารถสร้างดาบแห่งวัลแคนได้!
ไม่ใช่ดาบวัลแคนของวันเดอร์วูแมนที่มีความสามารถตัดอะตอมได้ มันมีประสิทธิภาพมากกว่านั้น.
ดาบวัลแคนที่ซอดสร้างขึ้นใช้โลหะสามอย่าง เหล็กอูลู+ไวเบรเนียม+อดาแมนเทียม พลังเหนือธรรมชาติของแอสการ์ดมาจากรูนที่อยู่บนค้อนโยเนียร์.
ต่อไปก็รูน!
ต้องขอบคุณความสามารถของซอดที่ปลุกพลังซุปเปอร์แมนเวทย์มนต์ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถสลักรูนเหล่านี้ได้ แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันเป็นอย่างไรก็ตาม.
ดาบวัลแคนสามารถใช้พลังไฟศักดิ์สิทธิ์ได้และเปลวที่เกิดขึ้นนี้ก็ไม่ใช่ไฟตามธรรมชาติ มันสามารถเผาได้ทุกอย่าง โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจนและของอะไรก็ตามที่ไม่ใช่วัตถุที่ติดไฟได้ง่ายอย่างเช่น น้ำหรือน้ำแข็ง.
มันมีความร้อนถึง 100,000 องศา และจะเผาจนสิ่งที่ติดไฟนั้นหายไป.
ด้วยดาบในมือนี้ เขาสามารถกลายเป็นเทพแห่งเพลิง แถมยังมีพลังเสริมอย่าง บิน,เสริมความแข็งแกร่ง,เสริมความเร็ว,เสริมความอดทนและอื่นๆ.
มันเทียบได้กัลค้อนของธอร์ที่เขาถือค้อน.
เขาส่งดาบวัลแคน 100 เล่มไปยังจักรวรรดิคริปโตเนียน นอกเหนือจากจัดการกับสิ่งประดิษฐ์นี้ คาดว่าอีกไม่นานเขาจะมีกลุ่มอัศวินวัลแคนอยู่ในมือ
...
ไฮดร้า ฐานใต้ดิน สักแห่ง.
ตอนนี้ไฮดร้าไม่ได้ดีกว่าตอนที่เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง องค์กรที่ดูใหญ่โตนี้แท้จริงแล้วมีระบบการสั่งการที่ยุ่งเหยิงอย่างมาก.
หลังจากที่ไฮดร้าในเขตอเมริกาเหนือขาดการติดต่อ ไฮดร้าที่อื่นก็ตื่นตัว.
แม้ว่าเขาจะไม่เห็นอเล็กซานเดอร์ เพียร์ซที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มไฮดร้า แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาๆจะทำให้เขาหายตัวไปอย่างเงียบๆได้.
หนึ่งในห้าหัวเรือใหญ่ของไฮดร้าก็มาที่นี่เพราะไฮดร้าพูดว่าเขามีเรื่องที่จะพูดคุยกับพวกเขา.
"สวัดดี คุณมุรากามิ."
มุรากามิประหลาดใจมารกเมื่อเห็นชายคนหนึ่งปรากฏตัว.
"คุณคือ?"
ชายคนนั้นก็ยิ้มและตอบเพียงคำเดียว.
"clairvoyance(เคอโวแลนซ์-ตาทิพย์)."
มุรากามิผงะและอดไม่ได้ที่จะตรวจสอบท่าทางของเขาและทำตัวเคร่งขรึมขึ้น.
"คุณคือเคอโวแลนซ์?"
เคอโวแลนซ์เป็นชื่อรหัสที่ค่อนข้างลึกลับสำหรับหลายๆคน นอกจากไฮดร้า ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร แต่หลายคนเคยได้ยินชื่อนี้ ว่ากันว่าอิทธิพลของเขาแพร่หลายเป็นอย่างมากและเขาก็ยังรับผิดชอบโครงการลับสุดยอดบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของมนุษย์.
เอจิสเคยได้ยินเกี่ยวกับบุคคลหมายเลขหนึ่งเช่นกัน แต่เขาไม่รู้ว่าคนๆนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับไฮดร้าที่ถูกทำลายในทางทฤษฏีหรือไม่.
ชิลด์ ได้ต่อสู้กับเคอโวแลนซ์มาหลายครั้งแล้ว ในหลายๆเรื่อง แต่ละครั้งการที่จะเริ่มต่อสู้ อีกฝ่ายจะมองเห็นแผนการณ์ของอีกฝ่ายทุกครั้งและทำให้เรื่องมันยุ่งเหยิง.
มันเป็นเพราะเหตุนี้เองที่หลายคนจากโลกด้านนอกพูดกันว่าเคอโวแลนซ์มีพลังที่หายากอย่างยิ่งที่เรียกว่า การทำนาย มีแม้กระทั่งข่าวลือว่า'ผู้มีญาณทิพย์ก็เป็นผู้นำของไฮดร้า'.
ไม่ว่าข่าวลือนี้จะเป็นจริงหรือไม่ อย่างน้อยๆก็เพียงพอที่จะอธิบายความสูงส่งของ เคอโวแลนซ์และความแข็งแกร่งภายใต้การควบคุมของเขาได้.
กาแรตก็ยอมรับได้อย่างง่ายดาย.
"ใช่ ฉันเอง."