เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 13
เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 13
เหล่าเจ้าเมืองย่อมทราบว่าทัพม้านั้นมีพลังรบที่แข็งแกร่ง หากแต่พวกเขากลับไม่คาดคิดว่าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้
"ท่านผู้นำ ทหารม้าของโจรตั๋งยากจะต้านทาน ควรส่งทัพม้าออกสู้รบ" โจโฉสาวเท้าเดินเข้ามา
"อืม คำพูดของเมิ่งเต๋อมีเหตุผล ส่งทหารม้าออกไป!" ทหารม้าในสังกัดของอ้วนเสี้ยวและโจโฉรวมกันมีประมาณหนึ่งพันคน สองกลุ่มรวมกำลังกันบุกโถมออกไป
ฮัวหยงแค่นเสียง ในสายตาของเขา ทหารม้าเหล่านี้ไม่แตกต่างอะไรกับการจับเอาทหารราบมานั่งอยู่บนหลังม้า ทหารหลายคนสายตาเอาแต่จดจ้องไปที่พื้น ราวกับเกรงกลัวจะร่วงตกจากหลังม้าตลอดเวลา
"ฆ่า! สอนให้พวกโจรกบฏได้รู้ว่าสิ่งใดเรียกว่าทหารม้า!" ฮัวหยงแค่นเสียง
หลังโถมปะทะเพียงรอบเดียว ใบหน้าของอ้วนเสี้ยวก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ ทหารม้าฝั่งเขาถูกเข่นฆ่ากระจัดกระจาย ล้มตายอย่างหนัก ขณะที่ทหารม้าเสเหลียงกลับยิ่งรบยิ่งดุดัน ยิ่งมาก็ยิ่งเข่นฆ่าเข้าใกล้ทัพกลางเข้ามาทุกที
เจ้าเมืองหลายคนเริ่มมารวมกำลังกับอ้วนเสี้ยว ภายใต้คำสั่งทางทหารอันเข้มงวดจากเหล่าเจ้าเมือง พลเดินเท้าหลายต่อหลายคนจึงถูกส่งไปต้านทานทัพม้าเสเหลียงด้วยเลือดเนื้อ
"ฆ่า!" ไพร่พลทัพของลิฉุยตรงเข้าประจัญบานด้วยความฮึกเหิม ขณะที่ฮัวหยงนำทัพม้าอ้อมตีจากทางด้านข้าง คล้ายกับมีความคิดจะกวาดล้างทัพพันธมิตรให้หมดสิ้นในคราเดียว
"ลิโป้อยู่ที่ไหน? ไฉนจึงยังไม่มีข่าวคราว?" อ้วนเสี้ยวถามอย่างเดือดดาล ขณะที่ทัพม้าของเขาถูกตีแตกพ่าย เขาก็รีบส่งคนไปแจ้งลิโป้ให้รีบยกทัพมาช่วยเหลือ
ลิโป้ขี่ม้านำทัพม้าสองพันนายเคลื่อนกำลังอย่างไม่รีบไม่ร้อน เหล่าทหารที่แตกทัพของทัพพันธมิตรเมื่อพบเห็นทัพม้าก็ขนลุกชี้ชัน พวกเขารีบหลบลี้หนีหน้าราวกับพบเจอปีศาจ
"ท่านแม่ทัพ ฮัวหยงนำกำลังเข้าตีทัพกลางแล้ว สถานการณ์เร่งรีบคับขัน โปรดนำทัพไปช่วยโดยด่วน"
มุมปากของลิโป้ปรากฏรอยยิ้มขึ้น "แจ้งต่อท่านผู้นำ แม่ทัพผู้นี้กำลังต่อสู้กับทหารของโจรตั๋ง เสร็จแล้วจะนำกำลังไป"
โจเส็งกระตุ้นม้าขึ้นหน้า "ท่านแม่ทัพ นี่ก็คนที่สี่แล้ว ดูเหมือนสถานการณ์ทางด้านนั้นจะย่ำแย่จริงๆ" สีหน้าที่ปราศจากความกังวลนั่นทำให้เขารู้สึกงุนงง
"ถ่ายทอดคำสั่ง เร่งฝีเท้า" ลิโป้ไม่ต้องการเป็นต้นเหตุแห่งความพ่ายแพ้ของทัพพันธมิตร เวลานี้ตั๋งโต๊ะยึดอำนาจราชสำนัก หากปล่อยไว้ไม่จัดการจะกลายเป็นเภทภัยใหญ่หลวง
"รายงาน! ลิโป้นำทัพม้าเคลื่อนกำลังมาแล้ว จะมาถึงในไม่ช้าขอรับ" ได้ยินรายงาน ม่านตาของฮัวหยงก็หดวูบ ที่เขากลัวที่สุดก็คือทัพม้าปิงโจว ตัวเขาเคยประจักษ์ถึงพลังของทหารม้าทัพนี้มาแล้ว ดังนั้นจึงได้สั่งการไว้แต่เนิ่นๆว่าหากพบเห็นทหารม้าปิงโจวให้รีบรายงานทันที
"เร่งมือ!" ฮัวหยงนำทัพม้าร้อยกว่าคนบุกเข่นฆ่าเข้าไปในขบวนทัพของทัพพันธมิตร มองดูจากด้านบนแล้วคล้ายกระบี่อันคมกริบแหวกฝ่ารูปขบวนของทัพพันธมิตรเป็นสองส่วน
"ถอย!" เมื่อเห็นลิโป้มาถึง อีกทั้งฝ่ายกองทัพพันธมิตรเริ่มควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ ฮัวหยงก็นำทัพม้าถอยกลับ
ลิโป้มองดูฮัวหยงควบม้าจากไป จากนั้นจึงนำทัพม้ามุ่งหน้าไปทางทัพกลาง
เมื่อเห็นว่าลิโป้ไม่ได้ไล่ตามมา ฮัวหยงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในบรรดาเจ้าเมืองทั้งหมด ที่เขาไม่อยากปะทะด้วยมากที่สุดก็คือกองทัพของลิโป้ ทหารม้าเสเหลียงเองก็ไม่ต้องการรบพุ่งกับทหารม้าปิงโจวเช่นกัน คืนนั้น ที่นอกด่านกิสุยก๋วน พลังรบของทหารม้าปิงโจวสามารถสะกดข่มทหารม้าเสเหลียงจนจำฝังใจ
ในเวลาเดียวกัน กองซุนจ้านก็นำทัพอาชาขาวจำนวนหนึ่งพันเข่นฆ่ามาทางทัพกลาง ม้าศึกที่พวกเขาขี่ล้วนแต่มีสีขาวปรอด
ลิโป้พยักหน้าให้กองซุนจ้าน เขาปรับกระชับชุดเกราะก่อนจะเดินเข้าไปหาอ้วนเสี้ยว
กองทัพของตั๋งโต๊ะถอยทัพกลับไปแล้ว อ้วนเสี้ยวเวลานี้มีใบหน้าเขียวคล้ำ ทหารม้าห้าร้อยกว่าคนของเขาถูกฆ่าไปกว่าครึ่ง กองกำลังของเจ้าเมืองคนอื่นๆเองก็เสียหายอย่างหนัก มีหลายคนที่ไม่ได้ถูกศัตรูเข่นฆ่า แต่เป็นฝีมือจากพวกเดียวกัน ในบรรดาคนทั้งหมด อ้วนอุ๋ยและฮันฮกนับว่าเสียหายมากที่สุด กองกำลังที่พวกเขานำมาบาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง
"แม่ทัพลิ ทำไมถึงไม่ยกกำลังมาช่วย?" หลังจากเงียบอยู่นาน อ้วนเสี้ยวก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา
สายตาของเจ้าเมืองทั้งหมดหันมาจับจ้องที่ลิโป้
ลิโป้กุมมือกล่าว "เรียนท่านผู้นำ เมื่อคืนทหารของโจรตั๋งบุกเข้าโจมตี ค่ายของทัพปิงโจวเองก็ถูกโจมตีเช่นกัน เมื่อแม่ทัพผู้นี้ได้รับคำสั่งให้นำกำลังมาช่วยเหลือ ข้าก็นำกำลังมาทันที เพียงแต่ระหว่างทางพบเจอไพร่พลแตกทัพ จึงทำการรวบรวมคนและม้า ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาอยู่บ้าง"
กองซุนจ้านก้าวออกมา "ท่านผู้นำ สิ่งที่แม่ทัพลิกล่าวนั้นเป็นความจริง ระหว่างทหารข้าก็พบเจอทหารของทัพพันธมิตร"
"เหอะ ได้ยินมาว่าไพร่พลของแม่ทัพลิไม่บาดเจ็บล้มตายเลยแม้แต่คนเดียว?" อ้วนสุดเอ่ยขึ้น
เหล่าเจ้าเมืองพลันตกตะลึงเมื่อได้ยิน ภายใต้การลอบโจมตีครั้งนี้ กองกำลังของเหล่าเจ้าเมืองต่างก็เกิดการสูญเสียบ้างไม่มากก็น้อย คิดไม่ถึงว่าทัพปิงโจวจะไม่บาดเจ็บล้มตายเลยแม้แต่คนเดียว เป็นไปได้หรือไม่ว่าทัพปิงโจวจะทราบอยู่ก่อนแล้วว่าฮัวหยงจะเข้าโจมตี
กองซุนจ้านหันไปมองลิโป้ บนสีหน้ามีร่องรอยของความยำเกรง ขนาดทัพอาชาขาวที่มีชื่อเลื่องลือของเขายังบาดเจ็บล้มตายไปหลายสิบ คิดไม่ถึงว่าทัพปิงโจวจะไม่เกิดความสูญเสียใดๆเลย
มีคำกล่าวว่า ผู้ที่รู้จักตัวท่านดีที่สุดก็คือศัตรูของท่าน เป็นคำกล่าวที่ใช้ได้ตลอดกาลจริงๆ ลิโป้กล่าวตอบด้วยสีหน้าจริงจัง "ทัพปิงโจวฝึกทหารพันวันเพื่อใช้งานวันเดียว"
คำ "ฝึกทหารพันวันเพื่อใช้งานวันเดียว" นี้ไม่ใช่คำที่แปลกใหม่สำหรับเหล่าแม่ทัพเจ้าเมือง ในหลายครั้ง เหล่าแม่ทัพเองก็ต้องการใช้งานทหารให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด เพียงแต่ในสถานการณ์จริงนั้น ผู้ใดยังจะเข้านอนทั้งชุดเกราะกัน?
อ้วนสุดนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนจะก้าวออกไปกล่าว "ท่านผู้นำ การลอบโจมตีจากทหารของโจรตั๋งเมื่อคืนทำให้ขวัญกำลังใจของทัพเราตกต่ำถึงขีดสุด พวกเราควรส่งกองกำลังชั้นยอดออกไปต่อสู้ที่หน้าด่านเพื่อบั่นทอนขวัญกำลังใจของโจรตั๋ง"
ลิโป้มองอ้วนสุดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าอ้วนสุดที่เขาดูแคลนมาตลอดจะมีวิสัยทัศน์เช่นนี้ได้
"กงลู่กล่าวได้ถูกต้อง แม้ว่าฮัวหยงจะได้ชัย แต่กองทัพพันธมิตรก็มีกำลังคนและม้ามากมาย ฝ่าบาทยังทรงพระเยาว์ ถูกโจรชั่วตั๋งโต๊ะข่มเหงรังแก พวกเราควรพิชิตด่านกิสุยก๋วนให้ได้โดยเร็ว" โจโฉเห็นด้วย เขารวบรวมผู้คนมากมายก็เพื่อกำจัดโจรกบฏ กอบกู้ต้าฮั่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเหล่าเจ้าเมืองจะเอาแต่นิ่งเฉยไม่ยอมขยับเคลื่อนไหว ทำให้ตัวเขาเริ่มเกิดความกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว
เหล่าเจ้าเมืองหันไปมองหน้ากัน พวกเขาเพิ่งสูญเสียไพร่พลไปมากมาย ตอนนี้ยังต้องบุกตีด่านสำคัญอีก ต่อให้บุกยึดด่านกิสุยก๋วนได้จริงๆ ถึงตอนนั้นยังจะเหลือไพร่พลอยู่ในมือพวกเขาสักเท่าใด
"ท่านผู้นำ ความกล้าหาญชาญชัยของแม่ทัพลิเป็นที่เลื่องลือ ทหารในสังกัดล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอด ข้าคิดว่าควรตั้งแต่งแม่ทัพลิเป็นแม่ทัพทัพหน้าบุกโจมตีด่านกิสุยก๋วน" อ้วนสุดหันไปมองลิโป้ก่อนจะยิ้มมุมปาก
"อืม คำพูดของกงลู่มีเหตุผลยิ่ง" อ้วนเสี้ยวพยักหน้า หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ในความคิดของเขาแล้ว ลิโป้ผู้นี้ยิ่งมาก็ยิ่งดูขัดตา
เจ้าเมืองบางคนมองดูลิโป้ด้วยสายตาเยาะเย้ย เมื่อคืนนี้ไม่ใช่ว่าไพร่พลของเจ้าไร้รอยขีดข่วนหรอกหรือ เช่นนั้นก็รับหน้าที่เป็นทัพหน้าไปเถอะ
"ท่านผู้นำ ด่านกิสุยก๋วนมีชื่อเลื่องลือทั่วแผ่นดิน อีกทั้งภายในด่านยังมีไพร่พลศัตรูอีกหลายหมื่น กองกำลังของแม่ทัพลิมีคนและม้าอยู่เพียงหมื่นเศษ แล้วจะโจมตีได้อย่างไร?" โจโฉรู้สึกผิดหวัง เขาคิดว่าอ้วนสุดจะเสนอให้เหล่าเจ้าเมืองรวมกำลังบุกตีด่าน คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะจิตใจคับแคบถึงเพียงนี้
"เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เจ้าเมืองทุกท่านแบ่งปันไพร่พลให้แม่ทัพลิคนละส่วน แล้วให้แม่ทัพลิเป็นผู้บัญชาการ แม่ทัพลิเคยทำศึกกับโจรตั๋งมาแล้วหลายครั้ง มีประสบการณ์โชกโชน จะต้องสามารถตีหักด่านกิสุยก๋วนได้เป็นแน่" อ้วนเสี้ยวกล่าวขึ้นหลังจากขบคิดอยู่สักพัก
"ในฐานะสมาชิกแห่งกองทัพพันธมิตรสิบแปดหัวเมือง ข้าขอรับหน้าที่บุกตีด่านกิสุยก๋วนไว้เอง" ลิโป้กล่าวขึ้นอย่างฮึกเหิม นี่นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะสร้างชื่อเสียงและผลงาน ในเมื่อสองพี่น้องสกุลอ้วนส่งมอบโอกาสให้ถึงที่ เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับไว้ นอกจากนี้การโจมตีด่านกิสุยก๋วนก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการโจมตีอย่างมืดบอด เขาเพียงล้อมด่านไว้ไม่เข้าตีก็ได้ ในยุคโบราณ แม่ทัพที่มีชื่อเสียงหลายต่อหลายคนก็ไม่ใช่ว่ามีชื่อเสียงได้ด้วยด้วยวิธีนี้หรอกรึ