สุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ (SDFW)-ตอนที่ 73
ตอนที่ 73 โกลเด้น ทิปส์ โฮสเทล
เซลิน่าพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ดีนะ รู้สึกเหมือนเรากำลังเที่ยวพักผ่อนกันในวันหยุดเลย”
ลุคเพียงพยักหน้ารับ ไม่สนใจคำเหน็บแนมของเซลิน่า
อันที่จริงแล้ว พวกเขาก็ชอบพื้นที่โล่งกว้าง วิวต้นไม้ ทะเลทราย และดวงอาทิตย์ร้อนๆ และทัศนียภาพที่มองไปสุดลูกหูลูกตาตามสไตล์ของคนที่มาจากเท็กซัส
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เซลิน่าอุทานด้วยความประหลาดใจ “หือ? มีบ้านตรงนั้นเหรอ?”
ลุคก็เห็นเช่นกัน เขายิ้ม "เยี่ยม อย่างน้อยเราก็สามารถขอความช่วยเหลือได้หล่ะนะในตอนนี้”
สิบนาทีต่อมาพวกเขาก็เดินมาถึงบ้านที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว มันเป็นอาคารชั้นเดียวที่ค่อนข้างใหญ่ มีป้ายเขียนว่า "โฮสเทล" อยู่ข้างหน้า เป็นโฮสเทลเรียบๆ ที่ไม่มีแม้กระทั่งชื่อเสียด้วยซ้ำ
พวกเขาเดินเข้ามาและไม่เห็นใครเลย
ลุคโทรมา “สวัสดีครับ? มีใครอยู่ไหมครับ”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็มีคนโผล่ออกมาจากโถงทางเดิน
เป็นชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาๆ สวมเสื้อผ้าธรรมดาซึ่งดูค่อนข้างจะสวมลวกๆ อย่างรีบร้อน
เซลิน่าขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่ได้มีอคติต่อคนประเภทนี้ เนื่องจากสถานที่ที่เธอเติบโตมาในชนบทของเท็กซัส เธอก็พบเห็นคนพวกนี้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ชายคนนี้หนวดเครารกรุงรัง และเสื้อผ้าที่ใส่สกปรก
ราวกับว่ามันไม่เคยสัมผัสน้ำมาเป็นเดือน
แม้ชายคนนั้นจะไม่ได้อยู่ไกลเธอมากนัก แต่กลิ่มเหม็นก็ยังตีเข้าจมูกของเธออย่างรุนแรง
‘นี่เขากำลังเปิดกิจการโฮสเทลด้วยสารรูปแบบนี้เนี่ยนะ’ เซลิน่าแอบบ่น
อย่างไรก็ตาม ลุคไม่ได้สนใจต่อรูปลักษณ์ของเขา เขาเพียงถามว่า “คุณพอมีโทรศัพท์ให้พวกเรายืมได้ไหม? รถของเราเสีย เราต้องเรียกรถลาก”
ชายคนนั้นตอบว่า “ที่นี่ไม่มีโทรศัพท์ครับ”
ลุคถามว่า “โอเค คุณมีรถไหม? พอจะไปส่งพวกเราได้ไหม?”
ชายคนนั้นกล่าวว่า “คงไม่ได้หรอก ภรรยาผมกำลังเอารถไปซื้อของที่ Wolfkyle หน่ะ พวกคุณจะพักที่นี่ก่อนไหม?”
ลุคและเซลิน่าหันมามองหน้ากันและรู้ว่าชายตรงหน้าเขากำลังจะสื่อถึงอะไร ชัดเจนว่าที่นี่ไม่มีแขกมานานมากแล้ว เจ้าของโฮสเทลที่ตั้งอยู่ในที่รกร้างเช่นนี้คงจะไม่ปล่อยให้นักเดินทางที่ผ่านเข้ามาให้หลุดมือไปอย่าง
แน่นอน แม้ว่าลุคและเซลิน่าจะไม่ได้อยากที่จะพักอยู่ที่นี่ แต่การเดินทางค่อนข้างไกลและนี่ก็ค่อนข้างดึกแล้ว ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่สถานการณ์ที่พวกเขาจะเลือกอะไรได้มากนัก
หลังจากที่ลุคจ่ายค่าห้องพักห้องเดี่ยวสองห้องแล้ว ลุคก็ถามชายคนนั้นอีกครั้งว่า “ตอนนี้คุณมีโทรศัพท์หรือรถยนต์แล้วช่ไหม?”
พวกเขาจ่ายเงินค่าห้องไปเก้าสิบเหรียญ และในตอนนี้เจ้าของหอพักก็ควรจะบอกความจริงแก่พวกเขาได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าของโฮสเทลก็ยืนยันคำเดิมพร้อมบอกว่าภรรยาของเขาจะกลับมาจากวูล์ฟไคล์ในเช้าพรุ่งนี้
ลุคและเซลิน่าพูดไม่ออก
จากนั้นก็ลุคและเซลิน่าเดินไปรอบๆ โฮสเทลเพื่อหวังว่าจะพบรถยนต์หรือโทรศัพท์ภายในโฮสเทลนี้
เซลิน่าพูดว่า “เราเข้าใจเขาผิดหรือเปล่า? เขาไม่ได้จงใจบอกเป็นนัยๆ ว่าเราควรจะจ่ายเงินเขาก่อนไม่ใช่หรอ?”
ลุคกล่าวว่า “ผมคิดว่าเขาทำมากกว่าแค่บอกเป็นนัยๆ”
ลุคค่อนข้างมั่นใจว่า ยางแบนของรถพวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุอย่างแน่นอน เนื่องจากโฮสเทลนี้อยู่ติดถนน ดังนั้นชายคนนั้นต้องใช้ประโยชน์จากรถที่ผ่านไปผ่านมาอย่างแน่นอน
แต่ทั้งหมดนั่นมันจะใช้เหตุผลจริงๆ หรอ? โฮสเทลสามารถให้บริการรถบรรทุกพ่วงจากวูลฟไคลน์ก็ได้เหมือนกันไม่ใช่หรอ?
ลุคลอบสาปแช่งในใจในขณะที่เขาคิดว่าโฮสเทลนี้คงมีจุดประสงค์เพื่อล่อลวงเหล่านักเดินทางผู้โชคร้าย ไม่ว่าจะค่าอาหาร ค่าที่พัก ไหนจะค่ารถลาก ช่างเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการหาเงินซะจริง ไม่มีรถคันใดสามารถไปถึงวูลฟ์ไคลน์ ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินหลายร้อยดอลลาร์
ลุคตั้งใจแน่วแน่ว่าถ้าโวล์ฟไคล์แล้วเขาจะแจ้งเรื่องนี้กับพวกตำวจเพื่อจะได้จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ในท้ายที่สุดแล้วลุคและเซลิน่าก็ไม่ได้สั่งอาหาร เพราะเมื่อพิจารณาถึงสภาพสุขอนามัยของเจ้าของโฮสเทลแแล้ว พวกเขาเกรงว่าในอาหารอาจมีแมลงสาบเป็นส่วนประกอบก็เป็นได้ ยังดีที่พวกเขาสามารถซื้ออาหารสำเร็จที่เคาน์เตอร์เท่านั้น เช่น แซนวิช อาหารกระป๋อง
แน่นอนว่าชายหน้าเลือดคนนั้นไม่ยอมแพ้ที่จะขูดเลือดขูดเนื้ออย่างแน่นอน แฮมกระป๋องพวกนี้มีราคาแพงเป็นสองเท่าของราคาในซูเปอร์มาร์เก็ต
ลุคกับเซลิน่าจ่ายค่าอาหารเกือบห้าสิบเหรียญ แม้แต่การรับประทานอาหารในร้านอาหารในเมืองก็ไม่ได้แพงขนาดนี้
ลุคและเซลิน่าเดินไปรอบๆ สำรวจบริเวณไกล้เคียงก่อนที่จะมืดสนิท การทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมพื้นฐานของสถานที่ต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญมากในการเป็นตำรวจ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาไม่มีรถ พวกเขาจึงไปได้ไม่ไกลนัก เมื่อพวกเขากลับมาที่หอพัก พวกเขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยสี่คน คู่สามีภรรยา เด็กชายและเด็กหญิงที่เขาพบเจอก่อนหน้านี้ก็ตกอยู่ภายใต้ชะตากรรมเดียวกันกับพวกเขา
คู่สามีภรรยาทักทายลุคและเซลิน่า แน่นอนว่าทั้งลุคและเซลิน่าเป็นคู่หูที่มีเสน่ห์มาก คนหนึ่งดูสุภาพและอีกคนก็เป็นสาวสวย คนส่วนใหญ่จะปฎิบัติกับพวกเขาอย่างเป็นมิตร ลุคและเซลิน่าไม่ตรงเข้าไปในกลับห้องเลย เนื่องจากในห้องพักนั้นไม่มีแม้กระทั่งทีวีเสียด้วยซ้ำ โฮสเทลแห่งนี้แทบจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
พวกเขาเลือกที่จะอยู่ที่ส่วนกลางของโฮสเทลเพื่อทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมชะตากรรมยังคงมีความสุขมากกว่าการเข้าไปในห้องเสียด้วยซ้ำ หลังจากได้สนทนากันไปชั่วครู่ ลุคก็ได้รู้ว่าผู้ชายวัยกลางคนคนนี้ชื่อบ็อบ คาร์เตอร์ และเขาเป็นตำรวจจากคลีฟแลนด์
เขากำลังพาครอบครัวไปพักผ่อนที่เท็กซัสเพื่อชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของเท็กซัส หญิงวัยกลางคนภรรยาของบ็อบชื่อ อาเซล ส่วน เบรนดาและบ็อบบี้เป็นลูกสาวและลูกชายของพวกเขา
ปัจจุบัน เบรนดาว่างงานหลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม และบ็อบบี้กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
แน่นอน ลุคแค่เดาว่าเบรนดาว่างงาน เพราะถ้าเธอวางแผนที่จะไปเรียนที่วิทยาลัย เธอควรจะยุ่งกับการส่งใบสมัครแทนที่จะสนุกกับการเดินทางของครอบครัว
เว้นแต่ครอบครัวของเธอจะเป็นคนสำคัญของวิทยาลัยและวางแผนเรื่องการเรียนต่อทุกอย่างไว้แล้ว มิฉะนั้นเธอคงไม่น่าจะเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยได้ในปีนี้ได้ทันอย่างแน่นอน ส่วนโรงเรียนมัธยมปลายของบ็อบบี้หยุดชั่วคราวเนื่องจากอุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตามลุคและเซลิน่าไม่ได้เปิดเผยว่าพวกเขาเป็นตำรวจ พวกเขามาที่นี่เพื่อช่วยนักสืบในท้องที่เท่านั้น ไม่ได้มาไขคดีด้วยตัวเอง
ขณะที่พวกเขาคุยกัน เบรนดาเริ่มสนใจในตัวลุคมากขึ้น
มีผู้ชายเพียงสองคนที่นี่นอกเหนือจากพ่อและน้องชายของเธอ
เมื่อเทียบกับชายที่ดูสกปรกที่โกงเงินของครอบครัวเธอแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เธอจะชื่นชอบคนที่หล่อเหลาและสุภาพอย่างลุค ส่วนตัวของเจ้าของหอพักนั้นไม่ได้พูดอะไร เขากำลังเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มอย่างเงียบๆ ที่เคาน์เตอร์บาร์
หลังจากสนทนากันไม่นาน พวกเขาก็เห็นว่าค่อนข้างดึกแล้วจึงแยกย้ายกลับไปที่ห้องของตนเอง ลุคเตือนเซลิน่าให้ระวังตัวด้วย พวกเขาอยู่ในที่กันดารห่างไกลผู้คน และอาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ในพื้นที่แบบนี้
.
B_R : ปุกาศ ปุกาศ !!!!!!!!!
ช่วงนี้จะช้าหน่อยนะครับผู้อ่านทั้งหลาย
แต่จะพยายามเร่งให้ได้อ่านกันไวๆ นะครับ
.
.
เรามีเพจแล้วน้าเข้าไป Follow กดถูกใจ พูดคุย ติดตามข่าวสารกันได้น้า ….
https://www.facebook.com/สุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ-SDFW-105519611538127
ตอนที่ 73 โกลเด้น ทิปส์ โฮสเทล
เซลิน่าพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ดีนะ รู้สึกเหมือนเรากำลังเที่ยวพักผ่อนกันในวันหยุดเลย”
ลุคเพียงพยักหน้ารับ ไม่สนใจคำเหน็บแนมของเซลิน่า
อันที่จริงแล้ว พวกเขาก็ชอบพื้นที่โล่งกว้าง วิวต้นไม้ ทะเลทราย และดวงอาทิตย์ร้อนๆ และทัศนียภาพที่มองไปสุดลูกหูลูกตาตามสไตล์ของคนที่มาจากเท็กซัส
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เซลิน่าอุทานด้วยความประหลาดใจ “หือ? มีบ้านตรงนั้นเหรอ?”
ลุคก็เห็นเช่นกัน เขายิ้ม "เยี่ยม อย่างน้อยเราก็สามารถขอความช่วยเหลือได้หล่ะนะในตอนนี้”
สิบนาทีต่อมาพวกเขาก็เดินมาถึงบ้านที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว มันเป็นอาคารชั้นเดียวที่ค่อนข้างใหญ่ มีป้ายเขียนว่า "โฮสเทล" อยู่ข้างหน้า เป็นโฮสเทลเรียบๆ ที่ไม่มีแม้กระทั่งชื่อเสียด้วยซ้ำ
พวกเขาเดินเข้ามาและไม่เห็นใครเลย
ลุคโทรมา “สวัสดีครับ? มีใครอยู่ไหมครับ”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็มีคนโผล่ออกมาจากโถงทางเดิน
เป็นชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาๆ สวมเสื้อผ้าธรรมดาซึ่งดูค่อนข้างจะสวมลวกๆ อย่างรีบร้อน
เซลิน่าขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่ได้มีอคติต่อคนประเภทนี้ เนื่องจากสถานที่ที่เธอเติบโตมาในชนบทของเท็กซัส เธอก็พบเห็นคนพวกนี้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ชายคนนี้หนวดเครารกรุงรัง และเสื้อผ้าที่ใส่สกปรก ราวกับว่ามันไม่เคยสัมผัสน้ำมาเป็นเดือน
แม้ชายคนนั้นจะไม่ได้อยู่ไกลเธอมากนัก แต่กลิ่มเหม็นก็ยังตีเข้าจมูกของเธออย่างรุนแรง
‘นี่เขากำลังเปิดกิจการโฮสเทลด้วยสารรูปแบบนี้เนี่ยนะ’ เซลิน่าแอบบ่น
อย่างไรก็ตาม ลุคไม่ได้สนใจต่อรูปลักษณ์ของเขา เขาเพียงถามว่า “คุณพอมีโทรศัพท์ให้พวกเรายืมได้ไหม? รถของเราเสีย เราต้องเรียกรถลาก”
ชายคนนั้นตอบว่า “ที่นี่ไม่มีโทรศัพท์ครับ”
ลุคถามว่า “โอเค คุณมีรถไหม? พอจะไปส่งพวกเราได้ไหม?”
ชายคนนั้นกล่าวว่า “คงไม่ได้หรอก ภรรยาผมกำลังเอารถไปซื้อของที่ Wolfkyle หน่ะ พวกคุณจะพักที่นี่ก่อนไหม?”
ลุคและเซลิน่าหันมามองหน้ากันและรู้ว่าชายตรงหน้าเขากำลังจะสื่อถึงอะไร ชัดเจนว่าที่นี่ไม่มีแขกมานานมากแล้ว เจ้าของโฮสเทลที่ตั้งอยู่ในที่รกร้างเช่นนี้คงจะไม่ปล่อยให้นักเดินทางที่ผ่านเข้ามาให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน แม้ว่าลุคและเซลิน่าจะไม่ได้อยากที่จะพักอยู่ที่นี่ แต่การเดินทางค่อนข้างไกลและนี่ก็ค่อนข้างดึกแล้ว ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่สถานการณ์ที่พวกเขาจะเลือกอะไรได้มากนัก
หลังจากที่ลุคจ่ายค่าห้องพักห้องเดี่ยวสองห้องแล้ว ลุคก็ถามชายคนนั้นอีกครั้งว่า “ตอนนี้คุณมีโทรศัพท์หรือรถยนต์แล้วช่ไหม?”
พวกเขาจ่ายเงินค่าห้องไปเก้าสิบเหรียญ และในตอนนี้เจ้าของหอพักก็ควรจะบอกความจริงแก่พวกเขาได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าของโฮสเทลก็ยืนยันคำเดิมพร้อมบอกว่าภรรยาของเขาจะกลับมาจากวูล์ฟไคล์ในเช้าพรุ่งนี้
ลุคและเซลิน่าพูดไม่ออก
จากนั้นก็ลุคและเซลิน่าเดินไปรอบๆ โฮสเทลเพื่อหวังว่าจะพบรถยนต์หรือโทรศัพท์ภายในโฮสเทลนี้
เซลิน่าพูดว่า “เราเข้าใจเขาผิดหรือเปล่า? เขาไม่ได้จงใจบอกเป็นนัยๆ ว่าเราควรจะจ่ายเงินเขาก่อนไม่ใช่หรอ?”
ลุคกล่าวว่า “ผมคิดว่าเขาทำมากกว่าแค่บอกเป็นนัยๆ”
ลุคค่อนข้างมั่นใจว่า ยางแบนของรถพวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุอย่างแน่นอน เนื่องจากโฮสเทลนี้อยู่ติดถนน ดังนั้นชายคนนั้นต้องใช้ประโยชน์จากรถที่ผ่านไปผ่านมาอย่างแน่นอน
แต่ทั้งหมดนั่นมันจะใช้เหตุผลจริงๆ หรอ? โฮสเทลสามารถให้บริการรถบรรทุกพ่วงจากวูลฟไคลน์ก็ได้เหมือนกันไม่ใช่หรอ?
ลุคลอบสาปแช่งในใจในขณะที่เขาคิดว่าโฮสเทลนี้คงมีจุดประสงค์เพื่อล่อลวงเหล่านักเดินทางผู้โชคร้าย ไม่ว่าจะค่าอาหาร ค่าที่พัก ไหนจะค่ารถลาก ช่างเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการหาเงินซะจริง ไม่มีรถคันใดสามารถไปถึงวูลฟ์ไคลน์ ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินหลายร้อยดอลลาร์
ลุคตั้งใจแน่วแน่ว่าถ้าโวล์ฟไคล์แล้วเขาจะแจ้งเรื่องนี้กับพวกตำวจเพื่อจะได้จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ในท้ายที่สุดแล้วลุคและเซลิน่าก็ไม่ได้สั่งอาหาร เพราะเมื่อพิจารณาถึงสภาพสุขอนามัยของเจ้าของโฮสเทลแแล้ว พวกเขาเกรงว่าในอาหารอาจมีแมลงสาบเป็นส่วนประกอบก็เป็นได้ ยังดีที่พวกเขาสามารถซื้ออาหารสำเร็จที่เคาน์เตอร์เท่านั้น เช่น แซนวิช อาหารกระป๋อง
แน่นอนว่าชายหน้าเลือดคนนั้นไม่ยอมแพ้ที่จะขูดเลือดขูดเนื้ออย่างแน่นอน แฮมกระป๋องพวกนี้มีราคาแพงเป็นสองเท่าของราคาในซูเปอร์มาร์เก็ต
ลุคกับเซลิน่าจ่ายค่าอาหารเกือบห้าสิบเหรียญ แม้แต่การรับประทานอาหารในร้านอาหารในเมืองก็ไม่ได้แพงขนาดนี้
ลุคและเซลิน่าเดินไปรอบๆ สำรวจบริเวณไกล้เคียงก่อนที่จะมืดสนิท การทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมพื้นฐานของสถานที่ต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญมากในการเป็นตำรวจ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาไม่มีรถ พวกเขาจึงไปได้ไม่ไกลนัก เมื่อพวกเขากลับมาที่หอพัก พวกเขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยสี่คน คู่สามีภรรยา เด็กชายและเด็กหญิงที่เขาพบเจอก่อนหน้านี้ก็ตกอยู่ภายใต้ชะตากรรมเดียวกันกับพวกเขา
คู่สามีภรรยาทักทายลุคและเซลิน่า แน่นอนว่าทั้งลุคและเซลิน่าเป็นคู่หูที่มีเสน่ห์มาก คนหนึ่งดูสุภาพและอีกคนก็เป็นสาวสวย คนส่วนใหญ่จะปฎิบัติกับพวกเขาอย่างเป็นมิตร ลุคและเซลิน่าไม่ตรงเข้าไปในกลับห้องเลย เนื่องจากในห้องพักนั้นไม่มีแม้กระทั่งทีวีเสียด้วยซ้ำ โฮสเทลแห่งนี้แทบจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
พวกเขาเลือกที่จะอยู่ที่ส่วนกลางของโฮสเทลเพื่อทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมชะตากรรมยังคงมีความสุขมากกว่าการเข้าไปในห้องเสียด้วยซ้ำ หลังจากได้สนทนากันไปชั่วครู่ ลุคก็ได้รู้ว่าผู้ชายวัยกลางคนคนนี้ชื่อบ็อบ คาร์เตอร์ และเขาเป็นตำรวจจากคลีฟแลนด์
เขากำลังพาครอบครัวไปพักผ่อนที่เท็กซัสเพื่อชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของเท็กซัส หญิงวัยกลางคนภรรยาของบ็อบชื่อ อาเซล ส่วน เบรนดาและบ็อบบี้เป็นลูกสาวและลูกชายของพวกเขา
ปัจจุบัน เบรนดาว่างงานหลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม และบ็อบบี้กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
แน่นอน ลุคแค่เดาว่าเบรนดาว่างงาน เพราะถ้าเธอวางแผนที่จะไปเรียนที่วิทยาลัย เธอควรจะยุ่งกับการส่งใบสมัครแทนที่จะสนุกกับการเดินทางของครอบครัว
เว้นแต่ครอบครัวของเธอจะเป็นคนสำคัญของวิทยาลัยและวางแผนเรื่องการเรียนต่อทุกอย่างไว้แล้ว มิฉะนั้นเธอคงไม่น่าจะเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยได้ในปีนี้ได้ทันอย่างแน่นอน ส่วนโรงเรียนมัธยมปลายของบ็อบบี้หยุดชั่วคราวเนื่องจากอุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตามลุคและเซลิน่าไม่ได้เปิดเผยว่าพวกเขาเป็นตำรวจ พวกเขามาที่นี่เพื่อช่วยนักสืบในท้องที่เท่านั้น ไม่ได้มาไขคดีด้วยตัวเอง
ขณะที่พวกเขาคุยกัน เบรนดาเริ่มสนใจในตัวลุคมากขึ้น
มีผู้ชายเพียงสองคนที่นี่นอกเหนือจากพ่อและน้องชายของเธอ
เมื่อเทียบกับชายที่ดูสกปรกที่โกงเงินของครอบครัวเธอแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เธอจะชื่นชอบคนที่หล่อเหลาและสุภาพอย่างลุค ส่วนตัวของเจ้าของหอพักนั้นไม่ได้พูดอะไร เขากำลังเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มอย่างเงียบๆ ที่เคาน์เตอร์บาร์
หลังจากสนทนากันไม่นาน พวกเขาก็เห็นว่าค่อนข้างดึกแล้วจึงแยกย้ายกลับไปที่ห้องของตนเอง ลุคเตือนเซลิน่าให้ระวังตัวด้วย พวกเขาอยู่ในที่กันดารห่างไกลผู้คน และอาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ในพื้นที่แบบนี้
.
B_R : ปุกาศ ปุกาศ !!!!!!!!!
ช่วงนี้จะช้าหน่อยนะครับผู้อ่านทั้งหลาย
แต่จะพยายามเร่งให้ได้อ่านกันไวๆ นะครับ
.
.
เรามีเพจแล้วน้าเข้าไป Follow กดถูกใจ พูดคุย ติดตามข่าวสารกันได้น้า ….
https://www.facebook.com/สุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ-SDFW-105519611538127