STBI : ตอนที่ 14 129,600 อาณาเขต
การทดสอบคุณสมบัติเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับพลังงานฟ้าดิน
อันที่จริง ทะเลวิญญาณนั้นตรวจจับได้ยาก แต่สามารถสัมผัสได้ เพราะสิ่งนี้มีความเชื่อมโยงที่อธิบายไม่ได้กับแก่นแท้ของวิญญาณที่แท้จริง
ตราบใดที่ทะเลวิญญาณมีสีที่อยู่เหนือกว่าสีส้ม ก็จะมีพรสวรรค์ในการฝึกฝน และ ไม่สามารถปกปิดการตรวจจับภายใต้ผลึกวิญญาณได้
แต่ ไป๋ตงหลิน ไม่สามารถทำให้ ผลึกวิญญาณเกิดปฏิกิริยาใด ๆ นี่เป็นตัวบ่งชี้ว่า สีของทะเลวิญญาณของเขาแท้จริงก็คือสีแดง เป็นเพียง มนุษย์ธรรมดา ที่ไม่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลัง
เดิมที ไป๋เจียง วางแผนจะพาน้องชายของเขาไปที่ นิกายกระบี่ซวนเยว่ ด้วยความสัมพันธ์ของเขากับนิกาย แม้ว่า ไป๋ตงหลิน จะมีพรสวรรค์ระดับสีส้มต่ำที่สุด ก็ไม่มีใครกล้าที่จะดูถูกเขา
แต่น่าเสียดาย ที่เขาไม่มีพรสวรรค์ในเส้นทางการบ่มเพาะพลัง เขาไม่สามารถรู้สึกถึงพลังงานฟ้าดินในโลกได้
นี่ช่างขัดกับสามัญสำนึกจริง ๆ !
เขากำลังจะเดินทางไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และ ไม่ทราบสถานการณ์ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะพาน้องชายไปกับเขาด้วย ซึ่งทาง นิกาย คงจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
อีกทั้ง มันยังไม่มีความหมายที่จะอยู่ในนิกายกระบี่ซวนเยว่ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีคุณสมบัติในการบ่มเพาะพลัง ในเวลานี้ ไป๋เจียง ก็ตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แต่ ไป๋ตงหลิน กลับมีใบหน้าที่สงบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเพียงแค่รู้สึกละอายใจเล็กน้อย
ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็มีไพ่ตาย ที่ไม่พังทลายอยู่ในครอบครอง
แต่ทว่า ไป๋เจียง กลับคิดว่า น้องชายของเขาที่มีความทะเยอทะยานตั้งแต่น้อย อาจจะเสียใจกับเรื่องนี้
กล่าวอีกนัยนึงคือ เขาคิดว่าอีกฝ่ายไม่สามารถทำใจเชื่อเรื่องนี้ได้
สิ่งนี้มันยิ่งทำให้เขาเสียใจมากยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้น เขาจึงลุกขึ้นเดินไปมา และ ครุ่นคิดอยู่ครุ่นนึง ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นได้และหยิบหนังสือบางอย่างออกมาจากแหวนมิติของเขาพร้อมกับวางบนโต๊ะ :
“น้องชาย เจ้ารู้เกี่ยวกับเส้นทางการบ่มเพาะพลังมากแค่ไหน?”
จากสิ่งที่ ไป๋ตงหลิน ได้เห็นและได้ยินมาก่อนหน้านี้ มันมีแค่ทฤษฏีไม่มีอะไรที่เป็นเชิงปฏิบัติ ดังนั้น กล่าวตามตรง เขาแทบจะไม่รู้อะไรเลย
แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เขารู้มาในอดีต จะเหมือนกับ โลกในปัจจุบันของเขาหรือไม่ แต่เขาก็ไม่ได้พูดมันออกมา
เพราะเขาไม่กล้าที่จะหยิบยกเอาสิ่งที่อยู่ในนวนิยายที่เขาเคยอ่านก่อนหน้านี้มาใช้ เพราะตัวตนในปัจจุบันของเขา คือ เด็กน้อย ที่ไม่รู้ประสีประสาอะไรเกี่ยวกับเส้นทางการบ่มเพาะพลัง ดังนั้นเขาจึงได้กล่าวถามพี่รองของเขา :
“ข้าไม่รู้อะไรเลย พี่รองโปรดชี้แนะ!”
ไป๋เจียง ได้พยักหน้าและเริ่มอธิบายอย่างจริงจัง เนื่องจาก น้องชายของเขามีความตั้งใจที่แน่วแน่ ทำให้เขาตกลงที่จะสอนรายละเอียดเหล่านี้
หลักปฏิบัติในโลกนี้ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมนุษย์ มีทั้งหมด 3 ประการ : ร่างกาย ปราณ และ จิตวิญญาณ
ร่างกาย ก็คือ สาระสำคัญ
พลังปราณ ก็คือ พลังงานที่รวบรวมมาจากไอพลังฟ้าดิน
จิตวิญญาณ ก็คือ แก่นแท้ของวิญญาณ
ต้นกำเนิดของ ทักษะ พลัง และ ความลึกลับทั้งหมดในโลก ล้วนเกิดขึ้นจาก ข้อกำหนดทั้ง 3 ประการนี้
โดยทั้ง 3 ประการนี้ก็แบ่งออกเป็นหลายเส้นทาง โดยไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถครอบครองทั้ง 3 สิ่งพร้อมกันได้ ดังนั้น จึงมีเส้นทางการบ่มเพาะพลังที่แตกต่างออกไปเฉพาะคน
แต่กระแสหลักของโลกนี้ เป็นการใช้พลังปราณ หรือก็คือ การกลั่นไอพลังงานฟ้าดินมาเป็นพลังปราณในร่างกายของตัวเอง
สิ่งนี้ได้ดำเนินไปตามประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานจนถึงทุกวันนี้
แน่นอนว่าในสมัยโบราณ ก็มีเส้นทางการบ่มเพาะพลังที่หลากหลายเช่นเดียวกัน ว่ากันว่าสิ่งเหล่านี้ ถูกเผยแพร่โดยเหล่าเทพเจ้า พวกเขาเรียกเส้นทางการฝึกนี้ว่า ‘ชินโต’ แต่ทว่าวิธีการฝึก ก็ได้ถูกลบเลือนหายไปในหน้าประวัติศาสตร์
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ไป๋เจียง ได้หยุดลงชั่วคราว และ ชี้ไปที่หนังสือบนโต๊ะ
“น้องชาย พี่ชายคนนี้ได้รับหนังสือเล่มนี้มาโดยบังเอิญ และ ได้เรียนรู้ว่ามีเส้นทางการบ่มเพาะพลังที่แตกต่างไปจากการฝึกฝนโดยใช้พลังปราณอยู่ แม้จะไม่ไม่มีพลังปราณ พวกเขาก็ยังนับเป็นผู้อมตะในหมู่อมตะ”
“โดยพวกเขาเรียกคนที่ฝึกการฝนเหล่านี้ว่า ผู้ฝึกวรยุทธ์!”
“เนื่องจากมีผู้ฝึกยุทธ์ ก็ย่อมมีผู้ฝึกวรยุทธ์ แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ ดูเหมือนจะมีมากกว่า และ ผู้ฝึกวรยุทธ์ ก็ค่อนข้างหายากมาก อีกทั้งมันคงยากที่จะได้ยินเกี่ยวกับพวกเขาในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้”
ไป๋เจียง ได้กล่าวบอก ไป๋ตงหลิน ทุกคำที่เขารู้เกี่ยวกับ ผู้ฝึกวรยุทธ์
ผู้ฝึกวรยุทธ์ เน้นไปที่การบ่มเพาะร่างกาย ซึ่ง ตรงข้ามกับ ผู้ฝึกยุทธ์ที่บ่มเพาะพลังโดยใช้พลังปราณในการเกื้อหนุนร่างกาย
ไป๋เจียง เชื่อว่า น้องชายของเขา มีความเหมาะสมที่จะฝึกฝนทักษะบ่มเพาะร่างกายดังนั้นเขาจึงได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
“น้องชาย ตามบันทึกในหนังสือเล่มนี้ ผู้ฝึกวรยุทธ์เน้นไปที่การฝึกความสามารถทางกายภาพ โดยอาศัยความพากเพียร และ เจตจำนงค์อันแรงกล้า แม้ว่า พรสวรรค์ทางจิตวิญญาณนั้นจะสำคัญ แต่ทว่า ก็ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะมีมัน ดังนั้นเส้นทางการฝึกฝนร่างกายจึงพิเศษเป็นอย่างมาก หากมีการเหนี่ยวนำที่ดี ก็สามารถดูดซับไอพลังฟ้าดินมาพัฒนาร่างกายได้”
“ดังนั้นข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถติดตามเส้นทางการบ่มเพาะร่างกายได้”
หลังจาก ไป๋เจียง พูดจบ เขาก็นั่งดื่มชา และ ปล่อยให้ น้องชายของเขาแยกแยะข้อมูล
ไป๋ตงหลิน ได้เหลือบมอง พี่รองของเขา โดยไม่พูดอะไร โดยพื้นฐานแล้ว การฝึกทักษะบ่มเพาะพลัง จำเป็นจะต้องมีความเหมาะสม แน่นอนว่าเขาเองก็อยากจะไปเส้นทางนี้ แต่เขาไม่มีทางเลือก
แต่เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับความสามารถในการฟื้นฟูของเขา เขาก็เชื่อมั่นว่าตนเองเหมาะสมที่จะเดินไปบนเส้นทางการบ่มเพาะร่างกายมากที่สุด
ด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้และสามัญสำนึกที่เขาได้รับมาจากนวนิยายก่อนหน้านี้ มันจึงไม่ยากที่เขาจะสามารถฝึกฝนทักษะบ่มเพาะร่างกายได้
“พี่รอง เช่นนั้นข้าจะหาพวกสำนักฝึกร่างกายได้ที่ไหน?”
ไป๋เจียง ได้วางถ้วยชาลง ดวงตาของเขาได้ปรากฏความลังเล เขารู้ว่าตราบใดที่เขาพูดออกไป น้องชายของเขา อาจจะเริ่มต้นการเดินทางของเขา
แต่เมื่อเขาเห็นความแน่วแน่บนใบหน้าของ ไป๋ตงหลิน เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถปฏิเสธที่จะพูดได้
หลังจากเข้าใจความทะเยอทะยานของน้องชายของเขา เขาก็ถอนหายใจและกล่าวออกมา :
“พี่ชายคนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ที่ไหนและไกลแค่ไหน เพียงแต่รู้ว่าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีสถานที่ฝึกฝนทักษะบ่มเพาะร่างกายอยู่ สถานที่แห่งนั้นถูกเรียกว่า ‘ดินแดนรกร้าง’ ทางทิศตะวันออก
สถานที่แห่งใหม่
ไป๋เจียง ได้กล่าวพูดออกมา
โลกที่พวกเขาอาศัยอยู่มีชื่อเรียกว่า อาณาจักรเทียนหยวน โดย อาณาจักรเทียนหยวน เป็นโลกที่กว้างใหญ่เป็นอย่างมาก
มันได้แบ่งออกเป็น 129,600 อาณาเขต ทั้งใหญ่และเล็ก
อาณาจักรหนานหยาง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เล็ก ๆ ที่ถูกเรียกว่า ‘เก้าดินแดนสามอาณาเขต’ มันเป็นเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ที่ห่างไกลจากโลกนี้
แม้แต่เหล่าปุถุชนยังคิดเลยว่าพวกนักพรตเต๋าธรรมดายังเป็นสิ่งที่สุดยอดมากสำหรับโลกใบนี้
พวกเขาเชื่อว่าประเทศของตัวเองคือโลกทั้งใบตั้งแต่เกิดจนตาย
แต่อันที่จริงพวกเขาหารู้ไม่ว่าประเทศของพวกเขาแท้จริงแล้วเป็นเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ส่วนนึงในโลกใบนี้เท่านั้น
ประเทศหนานหยาง มีอาณาเขตครอบคลุมมากกว่า 96 ล้านตารางกิโลเมตร โดยมีประชากรมากกว่า 1,000 ล้านคน
และมีดินแดนอีกหลาย 10 แห่ง ในประเทศที่มีขนาดเท่ากับประเทศหนานหยาง และ ยังมีพวกประเทศเล็ก ๆ อีกหลายประเทศ หากรวมทั้งหมด ก็อาจจะมีประชากรมากกว่า 100,000 ล้านคน
แต่นี่เป็นเพียงพื้นที่ห่างไกลขนาดเล็กเพียงเท่านั้น
ไป๋ตงหลิน รู้สึกว่าสมองของเขากำลังทำงานผิดปกติ นี่คือโลกบ้าอะไรกัน? โลกแห่งเวทย์มนตร์?
หลังจากหายช็อคแล้ว ไป๋ตงหลิน ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ต้องขอบคุณอิทธิพลจากนวนิยายของเขา ที่ทำให้เขาไม่รู้สึกกลัว
อีกทั้งยังมีภาพห้วงมิติเหล่านั้น ที่เขาจำได้ระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น เต่าตัวใหญ่ หรือ งูยักษ์เก้าหัว
หลังจากเห็นสิ่งเหล่านั้นแล้ว เดิมทีเขาก็ไม่ควรจะรู้สึกแปลกใจอะไรอีกเลย
ในตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องทำกก็คือคิดเกี่ยวกับวิธีการไปยังดินแดนรกร้างและมองหาสำนักที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนร่างกาย
ดินแดนรกร้างนี้ มีระดับสูงกว่า เก้าดินแดนสามอาณาเขตของพวกเขา หนทางยังอีกยาวไกล และ มันคงเป็นช่วงที่ยากลำบาก
เพียงแต่หากไม่รู้สึกสิ้นหวัง ก็จะไม่สิ้นหวัง
หลังจากเห็นน้องชายของเขานิ่งเงียบไปนาน ไป๋เจียง ก็พอจะคาดเดาได้ว่า น้องชายของเขากำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงได้กล่าวพูดต่อ :
“เก้าดินแดนสามอาณาเขตของพวกเรานั้นอยู่ห่างไกลเกินไป และ ไม่มีประตูมิติใด ถูกสร้างขึ้น สำหรับประตูมิติที่ใกล้ที่สุดสำหรับพวกเรา ก็คือ อาณาเขตเล่ยเจ๋อ สิ่งนี้ยังสามารถไปยังดินแดนรกร้างได้”
แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ที่จะไปดินแดนรกร้างผ่านประตูมิติในอาณาเขตนั้น แต่อาณาเขตเล่ยเจ๋อ ก็ไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยอุปสรรคและอันตรายจำนวนมากระหว่างทาง ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจที่ ไป๋เจียง จะรู้สึกลังเลเมื่อพูดถึงสิ่งนี้
แต่ทว่า ไป๋ตงหลิน กลับไม่ได้หวาดกลัว เพราะเขามีร่างกายที่เป็นอมตะ