ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 59 หนอนเลือดมรกต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 61 ความภักดี

MDB ตอนที่ 60 โกลดี้วิวัฒนาการ


กำลังโหลดไฟล์

ไม่นานหลังจากที่ได้ส่วนผสมของยา หลินจินก็ออกมาข้างนอกพร้อมกับชามยา

เนื้อสัมผัสของยานี้มีลักษณะเหนียวและมีกลิ่นฉุนของสมุนไพร

ลานบ้านของพ่อครัวใหญ่เหลียวอยู่ในความโกลาหลด้วยสัตว์เลี้ยงสองตัวแต่เขาไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป เขากลับจดจ่ออยู่กับการดูสิ่งมีชีวิตทั้งสองกำลังต่อสู้กัน

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่หมกมุ่นอยู่กับการทะเลาะวิวาทของสัตว์วิเศษ แม้แต่จ้าวหยิง, หลู่เสี่ยวหยุนและฮานดงก็มองพร้อมปากที่เปิดกว้าง สัตว์เลี้ยงของพวกเขาซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าของอย่างเชื่อฟังโดยไม่กล้าแม้แต่จะมองดูสัตว์วิเศษสองตัวปะทะกัน

จากมุมมองของสัตว์ร้ายเหล่านี้ สัตว์วิเศษทั้งสองไม่ต่างจากเจ้าป่าที่น่าสะพรึงกลัว

“นี่น่าจะเพียงพอแล้ว” หลินจินกล่าวออกมา ขณะที่เขาสังเกตอาการของโกลดี้ จากนั้นเขาก็วางชามยาลงและเรียกเสี่ยวฮั่วกลับมา

เสี่ยวฮั่วกระโดดกลับทันที อย่างไรก็ตาม โกลดี้ยังคงโกรธอย่างเห็นได้ชัด มันกระพือปีกด้วยความโกรธ โดยตั้งใจจะไล่ตามเสี่ยวฮั่วไป ในขณะที่สิ่งต่าง ๆ กำลังจะยุ่งเหยิงหลินจินได้ร่ายอาคมเพื่อปลดปล่อยพลังของเสี่ยวฮั่วอย่างสมบูรณ์

ในขณะนั้น เสี่ยวฮั่วสามารถปลดปล่อยพลังของระดับสามออกมาได้ ขนาดของมันเพิ่มขึ้นจนใหญ่กว่าวัวตัวผู้และขนของมันก็ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงรอบ ๆ ตัวมัน ราวกับว่าเปลวไฟนั้นเป็นเสื้อคลุมขนสัตว์ของมัน

หลังจากปลดปล่อยทักษะการกำราบสัตว์วิเศษ ในที่สุด โกลดี้ก็หยุดพยายามพุ่งเข้าใส่เสี่ยวฮั่ว

หรือบางทีที่มันหยุด อาจเป็นเพราะมันสังเกตเห็นยาอยู่บนพื้น

เนื่องจากมันรู้สึกคอแห้ง โกลดี้จึงพุ่งเข้าไปหายาอย่างบ้าคลั่ง ตราบใดที่มันเป็นของเหลว โกลดี้ก็ไม่สนใจว่ามันคืออะไร

ไม่นาน ยาครึ่งหนึ่งก็หมดไป

เนื่องจากยานี้จัดทำขึ้นจากสูตรยาที่แสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ ดังนั้นจึงสามารถมั่นใจในประสิทธิภาพของมันได้

และผลลัพธ์ก็ปรากฏขึ้นทันที

โกลดี้ส่งเสียงขันเมื่อร่างกายของมันใหญ่ขึ้น ในเวลาเดียวกัน ขนของมันก็ร่วงกราวลงมา

ยิ่งมันส่งเสียงนั้นมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งโตมากขึ้นเท่านั้นและขนของมันก็ร่วงลงเรื่อย ๆ จนในที่สุด โกลดี้เป็นเหมือนไก่ต้มที่ถูกถอดขนจนหมด

แล้วร่างกายของมันใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

โกลดี้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนมันมีความสูงเท่ากับผู้ใหญ่

รัศมีที่เขาเปล่งออกมาตอนนี้เกือบจะเทียบเท่ากับเสี่ยวฮั่ว โกลดี้จะดูน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีกหากเขายังคงมีขนบนตัวของมัน

ทันใดนั้น เปลวไฟที่ลุกโชนเริ่มลามไปทั่วร่างของโกลดี้และฉากที่น่าตกใจก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา

ขนนกบนตัวของโกลดี้งอกขึ้นมาทีละเส้น ทันใดนั้น โกลดี้ที่เปลือยเปล่าก็ถูกปกคลุมไปด้วยขนนกเพลิง แม้แต่หงอนของมันก็ยังเป็นเปลวไฟ

มีเสียงไก่ขันอันเกลียวกราว ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น รวมทั้งสัตว์เลี้ยง นอกจากเสี่ยวฮั่วและหลินจิน ต่างก็ถอยกรูออกมา ตัวนิ่มและจิ้งจอกแดงยังขดตัวด้วยความกลัว

“นี่มัน…ระดับสาม!”

ตาของจ้าวหยิง, หลู่เสี่ยวหยุนและฮานดงแทบจะหลุดออกจากเบ้า แม้จะมีความยากลำบากและการศึกษามาหลายปี ในฐานะผู้ประเมินฝึกหัด พวกเขาไม่เคยเห็นสัตว์วิเศษวิวัฒนาการจากระดับสองเป็นระดับสาม

วันนี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นมัน

มันก็แค่ไก่ธรรมดาไม่ใช่หรือ? ตอนแรกพวกเขาไม่ได้คิดอะไรกับไก่ตัวนี้ ฮานดงคิดว่าไก่ตัวนั้นจะมาอยู่บนโต๊ะเมื่องานเลี้ยงเริ่มขึ้น

เหตุใดมันถึงวิวัฒนาการอย่างกะทันหัน? และยังเป็นระดับสามอีก

เนื่องจากพวกเขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร พวกเขาทำได้เพียงเฝ้าดูด้วยความเกรงกลัว

หลินจินค่อนข้างตกใจตัวเอง โกลดี้ไม่เคยมีพันธสัญญาโลหิตและไม่มีเจ้าของ มันยากสำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างมันที่จะพัฒนาด้วยวิธีนี้ แต่อย่างใดก็ตาม มันก็สามารถดึงมันออกมาได้สำเร็จโดยการกินหนอนเลือดมรกต สายเลือดอีกาทองคำในตัวมันได้ถูกกระตุ้นขึ้นมาและด้วยความช่วยเหลือของหลินจิน จึงทำให้วิวัฒนาการของมันประสบความสำเร็จ

สัตว์วิเศษระดับสาม มันไม่เพียงแต่จะปรับขนาดและควบคุมพลังธาตุของมันได้ดีขึ้นเท่านั้นแต่ความฉลาดของมันยังจะเพิ่มขึ้นอีกด้วย

โกลดี้ฉลาดกว่าสัตว์วิเศษทั่วไปเสียอีก หลังจากการวิวัฒนาการ เขาจึงรู้ดีอยู่แล้วว่าใครคือ 'ผู้มีพระคุณ' ดังนั้นมันจึงกระพือปีกให้หลินจิน

ลมที่ปีกของมันสร้างขึ้นนั้นกดดันต่อหลินจินมาก

จากนั้นมันก็ทำรอยขีดข่วนเล็กน้อยและพื้นคอนกรีตด้านล่างเท้าของเขาแตกออกภายใต้กรงเล็บที่คมกริบของมันเหมือนดาบแหลมคมและมีร่องรอยของเปลวไฟหลงเหลืออยู่

หลังจากนั้น ร่างกายของโกลดี้ค่อย ๆ หดเล็กลงจนมีขนาดเท่ากับไก่ตัวผู้อีกครั้ง ก่อนจะไปอาบแดดที่สนามต่อไปเหมือนกับที่เคยทำมาก่อนการวิวัฒนาการ ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน

หลังจากนั้นไม่นาน หลู่เสี่ยวหยุนก็พูดขึ้นว่า “ไก่ตัวนี้มีนิสัยที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ”

บุคลิกของโกลดี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับหลินจิน สำหรับเขาการวิวัฒนาการของโกลดี้เป็นสิ่งที่ดี แม้ว่าโกลดี้จะไม่ใช่สัตว์วิเศษของเขาแต่เจ้าไก่ก็ชอบเขาและติดตามเขาไปทั่วราวกับว่ามันพอใจที่จะอยู่อย่างนี้

เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ลานของเหลียวกู่ก็ถูกทำลายลง อย่างไรก็ตาม พ่อครัวใหญ่ก็ไม่พูดอะไรสักคำเพื่อท้วงติงแต่เขากลับพึงพอใจมากกว่า

'การได้เห็นช่วงเวลานี้ มันคุ้มค่าอย่างยิ่ง'

สำหรับจ้าวหยิง, หลู่เสี่ยวหยุนและฮานดง หลังจากที่อาการตกใจของพวกเขาสงบลง ความเคารพของพวกเขาต่อหลินจินก็เพิ่มมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ จ้าวหยิงและหลู่เสี่ยวหยุนต่างสงสัยว่าสัตว์เลี้ยงของหลินจิน อย่างเสี่ยวฮั่วอยู่ในระดับสามหรือไม่แต่พวกเธอไม่มีหลักฐานใด ๆ และในที่สุดพวกเธอก็สามารถยืนยันได้

เสี่ยวฮั่วเป็นสัตว์วิเศษระดับสามจริง ๆ

และตอนนี้ ไม่เพียงแต่เสี่ยวฮั่วเท่านั้น แต่กระทั่งไก่ที่หลินจินเลี้ยงไว้ที่บ้านก็ยังเป็นระดับสาม

เมื่อพวกเขามองไปที่สัตว์เลี้ยงของพวกเขา พวกเขาสัมผัสได้ถึงความแตกต่างอย่างมากในทักษะระหว่างพวกเขากับหลินจิน

โดยเฉพาะฮานดง

สัตว์ที่เลี้ยงของฮานดงคือ 'หมูหุ้มเกราะ'

มันถูกพิจารณาว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่หายากเช่นกันซึ่งเป็นของหมูป่าที่มีหนังหนาและแข็งแรงที่หลังและแขนขาของมันทำให้ดูเหมือนสวมเกราะและนั่นคือที่มาของชื่อของมัน

หมูหุ้มเกราะของฮานดงอยู่ในระดับหนึ่งเท่านั้นและเขาไม่รู้ว่าจะช่วยวิวัฒนาการอย่างไร ฮานดงเคยทำงานให้กับแผนกพลาธิการ ดังนั้นเขาจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับดงเฮอ ครั้งหนึ่งเขาเคยพยายามให้ดงเฮอขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าหนานในเรื่องนี้

มีข่าวลือว่าความสามารถในการประเมินของผู้เฒ่าหนานนั้นเหนือกว่าหัวหน้าหวัง

เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาสัตว์เลี้ยงของเขา ฮานดงได้ทำงานให้ดงเฮออย่างหนักเพื่อให้อีกฝ่ายช่วยเหลือเขา แต่หลังจากรอมาอย่างยาวนาน คำตอบสุดท้ายที่เขาได้รับคือคำแนะนำให้เปลี่ยนสัตว์วิเศษของเขา

จนถึงวันนี้ ฮานดงจำได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลงมา มันเป็นอย่างไร

สัตว์วิเศษที่เป็นสายพันธุ์หมูป่าที่ไม่มีศักยภาพดีมากนัก แม้ว่าพวกมันจะมีความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่สูงกว่าทั่วไป ในฐานะสัตว์วิเศษระดับหนึ่ง มันสามารถโค่นล้มสิงโตหรือเสือเมื่อโกรธได้แต่ถึงอย่างนั้น ตัวมันกลับไม่สามารถพัฒนาได้?

แต่ฮานดงไม่เคยยอมแพ้หมูหุ้มเกราะของเขา

จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ขึ้นในวันนั้น

หนึ่งปีที่แล้วเพื่อช่วยเขาหมูหุ้มเกราะของเขาถูกงูพิษกัด จากอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่ามันจะสามารถผ่านความเจ็บปวดนั้นได้ แต่พิษในร่างกายของมันยังไม่หมดไป ดังนั้นมันจึงลงเอยด้วยการทำลายอวัยวะภายในของมันและทำลายความเป็นไปได้ของการวิวัฒนาการทั้งหมด

ฮานดงมาจากครอบครัวทั่วไป เขาเป็นคนพินอบพิเทาในทุกสิ่งที่เขาทำและประจบประแจงผู้คน เขาต้องใช้ประสบการณ์ที่ท้าทายมากมายก่อนที่เขาจะสามารถเป็นผู้ประเมินฝึกหัดได้ในที่สุด

เขาเต็มใจที่จะยอมจำนนต่อความเป็นจริงและละทิ้งศักดิ์ศรีของเขาเพื่ออนาคตที่สดใสแต่ฮานดงสาบานว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้เบื้องหลัง

แม้ว่ามันจะกำหนดเขาไปสู่ชีวิตธรรมดาและไม่สามารถประสบความสำเร็จไปชั่วชีวิตก็ตาม

เพราะถ้าไม่ใช่เพราะหมูหุ้มเกราะของเขา ฮานดงคงจะตายไปนานแล้ว

สัตว์เลี้ยงของจ้าวหยิงและหลู่เสี่ยวหยุนต่างก็มีระดับสอง เมื่อฮานดงรู้เรื่องนี้ แสงแห่งความหวังก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของเขา แม้แต่คนงี่เง่าก็ยังรู้ว่าเป็นหลินจินที่ช่วยสัตว์เลี้ยงของพวกเธอวิวัฒนาการและตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นฉากที่น่าทึ่งของไก่ที่กำลังเติบโต ฮานดงก็ไม่สามารถระงับอารมณ์ของเขาได้อีกต่อไป โดยไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว เขากราบต่อหน้าหลินจิน

“อาจารย์หลิน ข้ามีเรื่อจะขอร้องท่าน!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด