543 - ตัวตนถูกเปิดเผย
543 - ตัวตนถูกเปิดเผย
เย่ฟ่านและหลี่เหอซุยไม่จากไปจนกระทั่งช่วงดึก แล้วพวกเขาก็ไปตำหนักสราญรมย์ที่อยู่ด้านข้างเพื่อพบกับอันเหมียวอี้
แต่หลี่เหอซุยถูกหญิงสาวคนอื่นชักนำไปที่ห้องด้านข้างไม่ได้รับอนุญาตให้พบอันเหมียวอี้ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แม้ว่าการได้รับเชิญในตอนกลางคืนสามารถถือได้ว่าเป็น "แขกในม่าน" แต่เย่ฟ่านไม่มีความคิดนั้น ด้วยความเฉลียวฉลาดของอันเหมียวอี้นางน่าจะเลือกบุตรศักดิ์สิทธิ์มากกว่าเขา
อันที่จริงการนัดหมายในวันนี้ก็ไม่มีอย่างอื่นนอกจากเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์
ผู้สืบทอดตำหนักสราญรมย์ทุกรุ่นล้วนมีความสัมพันธ์ที่เปิดเผยไม่ได้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจมากที่สุด ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของตำหนักสราญรมย์
เย่ฟ่านตระหนักดีว่าอันเหมียวอี้ดูเหมือนจะให้ความสนใจเขาในภายนอก แต่แท้ที่จริงแล้วเจตนาของนางไม่มีอย่างอื่นนอกจากเมล็ดพันธุ์กิเลนศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว
เมื่อเขาออกจากตำหนักสราญรมย์ก็เกือบจะสว่างแล้ว หลังจากฟังคำบรรยายของเย่ฟ่าน หลี่เหอซุยก็ถอนหายใจ
“น่าเสียดายที่น้องเย่ไม่ได้ถูกเลือก ไม่เช่นนั้นพวกเราคงอิจฉาเจ้ามาก”
“เจ้าพูดไร้สาระอะไร”
“ข้ารู้สึกสงสารเจ้าจริงๆ อันเหมียวอี้คือผู้สืบทอดตำหนักสราญรมย์ แม้ว่าลักษณะอุปนิสัยของนางจะแตกต่างจากบรรพบุรุษ แต่สุดท้ายการจะเลือกคู่ครองนางย่อมไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง” หลี่เหอซุยไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
“ตำหนักสราญรมย์เป็นสถานที่แบบไหนพวกเราย่อมรู้ดี พวกเขาเป็นหนึ่งในมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออกทั้งที่ไม่มีอาวุธเต๋าสุดขั้ว แน่นอนว่าพวกเขาย่อมมีวิธีการของตัวเอง” เย่ฟ่านส่ายหัว
“ถึงแม้เจ้าจะถูกคาดหวังให้เป็นปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ในอนาคต แต่ก็เต็มไปด้วยตัวแปรที่อาจเกิดขึ้นมากมาย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเจ้าไม่มีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ไม่สามารถเปรียบเทียบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น”
หลี่เหอซุยกล่าวด้วยความคับแค้นก่อนจะคำรามว่า
"ถ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงไม่ถูกเจ้าจับตัวไว้ ข้าคิดว่าอันเหมียวอี้ต้องตกเป็นของเด็กน้อยนั่นอย่างไม่ต้องสงสัย น้องเย่เรื่องนี้พี่ชายสนับสนุนเจ้าอย่างเต็มที่ อย่าได้ปล่อยให้เด็กน้อยเหล่านั้นสมหวัง"
“ถ้าเจ้าไม่มีอะไรจะพูดก็ไปนอนได้แล้ว” เย่ฟ่านส่ายหัว
ในวันที่สองเย่ฟ่านเริ่มไปพบบุตรศักดิ์สิทธิ์และหญิงสาวผู้สูงศักดิ์คนอื่นๆ เขาไม่สามารถไปนัดหมายทีละคนได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเชิญชวนพวกเขาเข้าร่วมงานเลี้ยงใหญ่ครั้งเดียว
เขาไม่รู้ว่าคนเหล่านี้จะทำหน้าอย่างไรเมื่อรู้ว่าเขาคือร่างเซียนในวันหนึ่ง
ทุกวันนี้ผู้คนมากมายในเมืองศักดิ์สิทธิ์เรียกเขาว่าปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ตัวน้อย และพวกเขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อโน้มน้าวเขาให้เข้าร่วมด้วย
ในอนาคตการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาอาจเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าแตกตื่นของดินแดนรกร้างตะวันออก
ซึ่งเย่ฟ่านไม่เคยคาดหวังว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้
ในตอนบ่ายของวันเดียวกัน เมื่อเขาปรากฏตัวในลานพนันหิน ชายชราผมหงอกก็ปรากฏตัวขึ้นในสวนหินเดียวกัน
ที่ด้านหลังของเขาติดตามมาด้วยหนานกงจี้และปรมาจารย์ศิลปะต้นกำเนิดอีกหลายคน
“เจ้าเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเจ้าหรือ”
ชายชราถือไม้เท้าดูชรามาก ไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไหร่ เขาผอมเหมือนโครงกระดูกเดินได้
“ผู้อาวุโสเป็นใคร?”
หัวใจของเย่ฟ่านเต้นระรัว และเขารู้สึกประหลาดใจที่พบว่าอีกฝ่ายหนึ่งเกือบจะฝึกฝนดวงตาสวรรค์สำเร็จแล้ว และดวงตาที่ขุ่นมัวของฝ่ายตรงข้ามสามารถมองผ่านใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว
หนานกงจี้กล่าว “อย่าหยาบคายนี่คือผู้อาวุโสโอหยางเย่ในโลกศิลปะต้นกำเนิด เขาคือคนเดียวในดินแดนรกร้างตะวันออกที่ถูกเรียกว่าปรมาจารย์ปฐพี”
ปรมาจารย์ปฐพีเป็นหนทางไกลจากปรมาจารย์สวรรค์ ชายชราผู้น่าเกรงขามในศิลปะต้นกำเนิดนี้ไม่รู้ว่าเขาฝึกฝนมากี่ปีแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่สามารถเป็นปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ได้
เมื่อได้ยินว่าเด็กน้อยเช่นเย่ฟ่านกลายเป็นประมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ มันจะทำให้เขายอมรับได้อย่างไร!
"เราผู้เฒ่ารู้ว่าเจ้าได้รับคัมภีร์ต้นกำเนิดสวรรค์มาแล้ว!"
ดวงตาของโอหยางเย่มีแสงสดใสเมื่อจ้องมองมายังเย่ฟ่าน
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นสะท้าน สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกโล่งใจเล็กน้อยคือชายชราผู้นี้อาศัยอยู่อย่างสันโดษมาหลายปีและไม่รู้ว่าเขาคือร่างเซียนโบราณคนนั้น
"เราขอให้ปรมาจารย์โอหยางออกจากภูเขาและต้องการให้คำแนะนำแก่เจ้าหนูเช่นเจ้า" หนานกงจี้ยิ้มอย่างมีความหมาย
“ได้ ไม่มีปัญหา!”
เย่ฟ่านตอบตกลงอย่างมีความสุข แต่ทันทีที่หันหลังกลับเขาก็หยิบค่ายกลเคลื่อนย้ายออกมาเตรียมจะข้ามความว่างเปล่า แต่ทันใดนั้นค่ายกลที่เขาภาคภูมิใจกลับไม่สามารถใช้งานได้!
ภายในลานพนันหินดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุด หนานกงจี้ประสานมือและกล่าวด้วยความนอบน้อมว่า
“ปรมาจารย์โอหยางท่านบอกว่าเขาเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขา รูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร?”
โอหยางเย่วาดมือบนความว่างเปล่าและรูปลักษณ์เดิมของเย่ฟ่านก็ปรากฏขึ้น
นั่นคือเขา ร่างเซียนโบราณ!
“เป็นไปได้ยังไง มันเป็นเขา!”
ผู้คนมากมายต่างอุทานออกมาด้วยความตกใจ พวกเขาไม่คิดว่ากู่เฟิงจะเป็นร่างเซียนโบราณเย่ฟ่าน!
ร่างเซียนโบราณสร้างความโกลาหลในภาคเหนือและก่อให้เกิดความวุ่นวายไม่รู้จบ แม้แต่ผู้ฝึกฝนธรรมดาก็ยังรู้จักใบหน้าของเขา
“ไล่ตาม อย่าปล่อยให้เขาหนีไป!”
“กู่เฟิงเป็นนร่างเซียนโบราณ!”
หนานกงจี้ตะโกนออกไปด้วยความโกรธ เสียงนั้นแผ่กระจายไปหลายสิบลี้ อีกฝ่ายมีอาวุธสุดวิเศษและตำราต้นกำเนิดสวรรค์ นี่คือคลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีชีวิตพวกเขาต้องจับตัวเย่ฟ่านให้ได้!
ผู้บ่มเพาะหลายคนในเมืองศักสิทธิ์ได้ยินเสียงคำรามต่างก็รีบเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง
“เขาคงไปได้ไม่ไกลนัก ตระกูลเจียงใช้อาวุธเต๋าสุดขั้วปิดผนึกเมืองศักดิ์สิทธิ์ไว้แล้ว เขาไม่สามารถออกไปได้!”
“ไล่ตาม เราต้องตามหามันให้เจอ!”
เกิดความโกลาหลบนท้องถนน และผู้ฝึกตนหลายคนก็ออกไล่ล่าไปทุกหนทุกแห่ง
หลังจากผ่านไป 2 ชั่วยามข่าวลือเรื่องนี้ก็กระจัดกระจายไปทั้งเมือง
“กล้ามาก ไอ้เด็กสาระเลว!”
“เด็กน้อยคนนี้มีความกล้าจริงๆ เขามาที่เมืองศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำการเดิมพันที่น่าทึ่งภายใต้จมูกของพวกเรา!”
“เด็กน้อยนี่คิดจะเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองด้วยลานพนันหิน ของศัตรู ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือจริงๆ!”
เหล่าผู้อาวุโสและยอดฝีมือรุ่นเยาว์ต่างก็ริมฝีปากแห้ง ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณไม่เพียงแข็งแกร่งเท่านั้น ความกล้าหาญของเขาก็ไม่มีใครเทียบอีกด้วย
เพื่อปกป้องราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่า ตระกูลเจียงได้ใช้เตาเทพสุริยันของพวกเขาปิดผนึกทางทิศตะวันออกของเมืองศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดไม่ให้ผู้ใดสามารถใช้ประตูมิติได้
การกระทำของพวกเขาไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน
ต้องเข้าใจว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและตระกูลจี้ที่มีสถานะเท่าเทียมกันล้วนตั้งอยู่ที่ภาคใต้ ในดินแดนภาคเหนือนี้ตระกูลเจียงถือได้ว่าเป็นผู้ปกครองที่แท้จริง!
ด้วยเหตุนี้เองเย่ฟ่านจึงไม่อาจข้ามความว่างเปล่า
“จบแล้ว เราไม่สามารถออกจากเมืองศักสิทธิ์ น้องชายเจ้าจบสิ้นแล้ว!” หลี่เหอซุยหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ
เย่ฟ่านเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาอีกครั้ง และต่อมาก็ช่วยหลี่เหอซุยเปลี่ยนโฉมหน้าที่แท้จริงด้วย
หลังจากที่เขาฝึกฝนตำราต้นกำเนิดสวรรค์จนแตกฉานเขาไม่เพียงสามารถเปลี่ยนตัวเองเขายังสามารถเปลี่ยนคนอื่นได้อีกด้วย
“ตราบใดที่เราไม่ได้พบโอหยางเย่ คนอื่นๆจะจำเราไม่ได้ แต่เราอยู่ด้วยกันไม่ได้อีกต่อไป เราต้องแยกจากกัน”
“อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าชายชราคนนั้นไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน เราไม่ทราบว่าดวงตาสวรรค์ของเขาสามารถมองได้ไกลแค่ไหน คนที่เกือบจะเป็นปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์จะต้องมีวิธีการมากมายแน่นอน” หลี่เหอซุยขมวดคิ้ว
เย่ฟ่านก็รู้ดีว่าปัญหานี้ใหญ่หลวงนักมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแก้ไขได้ทันท่วงที ดังนั้นเขาจึงคิดจะปรับเปลี่ยนวิธีการตามความเหมาะสม
“พี่ดำเจ้ามีป้ายศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือพวกเขาไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้”
หลี่เหอซุยกล่าวว่า "เรื่องของข้าไม่สำคัญ แต่ตัวเจ้าถูกเปิดเผยแล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป”
“ข้าแค่ต้องหลีกเลี่ยงโอหยางเย่เท่านั้น” เย่ฟ่านขมวดคิ้ว
“มันจะง่ายแบบนั้นได้อย่างไร คนพวกนั้นประกาศว่าต้องการคัมภีร์ต้นกำเนิดสวรรค์ของเจ้า พวกเขาไม่มีทางปล่อยเจ้าหนีไปอย่างแน่นอน?”
หลี่เหอซุยเดินไปรอบๆและพูดว่า "ขอความช่วยเหลือจากคนของวังอสูรสวรรค์เป็นอย่างไร? ข้าคิดว่าเหยาเยว่กงเป็นคนดี "
เย่ฟ่านส่ายหัวและพูดว่า "เวลานี้เราสามารถพึ่งพาตนเองได้เท่านั้น "
"น่าเสียดายที่เมล็ดพันธุ์กิเลนของเจ้ายังอยู่ในหอสมบัติอสูรสวรรค์..." หลี่เหอซุยถอนหายใจ
เย่ฟ่านรู้สึกสงบแตะคางแล้วพูดว่า "เมื่อข้ามีความแข็งแกร่งมากพอข้าสามารถมาเอามันคืนได้เสมอ ตอนนี้พวกเราควรแยกทางกันก่อน ข้ามีแผนการใหญ่ที่จะทำ"
“ข้ารู้ว่าเจ้าจะทำอะไร น้องเย่เจ้าไม่ควรเสี่ยงแบบนี้!”
เย่ฟ่านตัดสินใจแล้วกล่าวว่า "อย่ากังวล หวังว่าพวกเราจะมีโอกาสพบกันอีก"