ตอนที่ 14 เมืองเอลดิล(อ่านฟรี)
ตอนที่ 14 เมืองเอลดิล
“เราใกล้จะถึงแล้ว” พ่อบ้านเฟรดชี้ให้ทุกคนดู ซึ่งด้านหน้านั้นมีผู้คนหลายสิบเดินไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้า ในสภาพที่อ่อนล้า เพราะการเดินทางไกล
“พวกคนอพยพ” แอนเดรียพูดออกมาเบา ๆ
“นายหญิงเราไปถึงที่นั่นแล้ว ควรที่จะระวังตัวมากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าข่าวเรื่องการจับชนชั้นสูงมาถึงที่นี่ด้วยหรือไม่” พ่อบ้านเฟรดกล่าวเตือน
แอนเดรียพยักหน้าเข้าใจ ที่จริงเธอก็คิดว่าจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว ส่วนเจียน่านั้นเธออดที่จะตื่นเต้นไม่ได้เช่นกัน เพราะในตลอดการเดินทาง พ่อของเธอมักบอกว่าจะมาเริ่มต้นใหม่ที่เมืองเอลดิลแห่งนี้ ซึ่งแม้พ่อเธอจะมาไม่ถึงจุดหมาย แต่อย่างน้อยเธอก็ได้มามองเห็นมันแทนเขา
แถมในตอนนี้เธอยังเจอเส้นทางของตนเองแล้วด้วย เด็กสาวหันไปมองทารกน้อยลูอิสที่กำลังทำตาปริบ ๆ มองไปรอบตัวอย่างสนใจ ราวกับเจอสิ่งแปลกใหม่
พวกเขาเดินเท้าไปเรื่อย ๆ ก็มาถึงที่เมืองเอลดิลในเวลาเที่ยงพอดี
‘กำแพงสูงมาก คงสร้างมาป้องกันพวกอันเดดบุกสินะ สมแล้วที่เป็นเมืองในวันสิ้นโลก’ ลูอิสเงยหน้ามองดูกำแพงปูนหน้าเสริมเหล็กที่สูง 5 เมตรเป็นทางยาวไปตลอดสายตา รอบนอกของกำแพงมีรั้วลวดน้ำวางยาวตลอดกำแพง
นอกจากนั้นสองฝากฝั่งยังมีซากรถจำนวนมากวางเป็นกำแพงป้องกันอีกชั้น
‘ใช้ซากรถในการชะลอพวกมันเข้าชิดสินะ แต่ดูแล้วคงไม่มีการต่อสู้มานานแล้ว’
‘โอ้ คนเยอะมาก อย่าบอกนะว่าคือผู้อพยพ มากขนาดนี้เลย’
พ่อบ้านเฟรดเดินนำพวกเขาไปต่อแถวที่ยาวหลักร้อยคน หลังจากต่อแถวเข้าเมืองอยู่นาน ในที่สุดก็ถึงคิวของพวกเขา
“4 เบลต่อคน” ทหารยามที่ใส่ชุดสีน้ำตาล มีดาบยาวเหน็บอยู่ข้างเอวกล่าวออกมา
‘อาวุธพวกเขาเป็นอาวุธเย็นสินะ แปลงจังพวกปืนไม่มีหลงเหลือมาถึงยุคหนี้หรือว่าโลกใบนี้ไม่มีปืน? ไม่น่าจะใช่...คงมีเหตุผลสินะ’
‘ว่าแต่สามเบลนี่คืออะไร สกุลเงินของโลกใบนี้อย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นการเข้าเมืองก็ต้องเสียค่าเข้าสินะ’
พ่อบ้านเฟรดควักเอากระเป๋าเงินออกมาก่อนจะหยิบแบงก์ใบหนึ่งออกมา แบงก์ 20 เบล
‘ไม่มีทอนหรอกนะ’ ทหารยามกล่าวออกมา
“แน่นอน ที่เหลือถือเป็นสินน้ำใจแลกกับหลานชายช่วยแนะนำที่พักให้พวกเราได้หรือไม่” พ่อบ้านเฟรดยิ้มอย่างจริงใจ
“ก็ได้อยู่ แต่ตอนนี้เบื้องบนสั่งมาว่า ผู้อพยพทุกคนต้องไปพักยังเขตของชุมชลผู้อพยพ จนกว่าจะทำเรื่องได้สถานะพลเมืองเอลดิล แต่ถ้าคุณมีเงินจำนวนมาก ผมก็พอจะช่วยเร่งลัดได้อยู่” ทหารยามกล่าวเสียงเบาลงในประโยคสุดท้าย
“พวกเราเป็นเพียงผู้อพยพธรรมคงจะจ่ายไม่ไหวหรอก อย่างนั้นขอแค่ที่พักราคาถูกและดีก็แล้วกัน”
“โอ้ ถ้าอย่างนั้นผมแนะนำฝั่งตะวันออกก็แล้วกัน ที่นั่นแม้จะเป็นหนึ่งในชุมชนผู้อพยพแต่ก็สะอาดไม่ต่างจากที่พักของผู้คนในเมืองเอลดิลตามปกติเลย” ทหารยามกลับมามีท่าทีปกติทันทีที่รู้ว่าไม่สามารถหาเงินได้อีก
ก่อนจะส่งป้ายโลหะที่กำกับชื่อและโค๊ดของผู้อพยพไว้
“อย่าทำหายละ ทุก 7 วันต้องมาต่ออายุไม่อย่างนั้นถ้าโดนตรวจเจอละก็...” ทหารยามทำหน้าข่มขู่
“แน่นอน ขอบคุณมากหลายชาย” พ่อบ้านเฟรดรีบรับมา ก่อนจะส่งป้ายให้กับแต่ละคน ส่วนของลูอิสนั้นอยู่กับแอนเดรีย
หลังจากได้ป้ายมาแล้วพวกเขาจะเดินเข้าไปด้านในทันที โดยผ่านทางประตูโลหะหนาที่เปิดไว้ตอนเช้าและจะปิดในช่วงเวลาเย็นของทุกวัน
เมื่อเดินมาด้านในถนนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นหินและปูนหนา มีอาคารและบ้านเลือนอยู่ตลอดสองฝั่งทาง แต่ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 3 ชั้น ตามสองฝากฝั่งมีผู้คนมากมาย ซึ่งมีทั้งพวกชาวเมืองทั่วไปและผู้อพยพที่พึ่งเข้ามาแบบพวกเขา
ส่วนใหญ่แล้วผู้อพยพกำลังพยายามเจรจากับชาวเมืองปกติมากกว่า
‘ฟังดูแล้วผู้อพยพพยายามหางานทำสินะ’
‘เอ๊ะ! ของกินมีมันถนนที่มีอาหารริมทางขายสินะ กินน่ากินมาก แต่น่าเสียดายไม่รู้ว่าถ้าเรากินไปจะเป็นอะไรไหม’
พวกเขาเดินผ่านถนนที่สองข้างทางเต็มไปด้วยอาหาร แต่ก็ไม่ได้แวะที่ไหนเลย เนื่องจากต้องตรงไปที่พักก่อน
หลังจากมาถึงยังส่วนของชุมชนผู้อพยพ ซึ่งอยู่ไกลพอสมควรจากทางเข้าเมือง ที่นี่มีทหารยามคอยยืนเฝ้าอยู่ด้วย ซึ่งจากที่สังเกตแล้วพวกเขาจะตรวจแต่ผู้อพยพ ส่วนชาวเมืองปกตินั้นเหมือนจะได้รับการผ่อนปรนให้ผ่านไปได้ง่าย ๆ
การตรวจนั้นไม่มีอะไรมาก แต่พ่อบ้านเฟรดนั้นโดนเพ่งเล็กเนื่องจากว่าเขานั้นมีดาบยาว ซึ่งยังโชคดีที่พ่อบ้านเฟรดนั้นมีสถานะของนักล่าเก่าอยู่ แม้บัตรจะเก่าแต่ก็ยังใช้ยืนยันตัวตนได้ พอทหารรู้ว่าเป็นระดับครึ่งดาวก็ปล่อยให้เขาเข้าไป ที่จริงแล้วในเรื่องของอาวุธคนทั่วไปมักจะโดนตรวจสอบถ้าพกอาวุธ แต่สำหรับนักล่าแล้ว พวกเขาคืออาชีพหนึ่ง ดังนั้นจึงได้รับการยกเว้นให้พกพาอาวุธได้
นักล่านั้นมีความสำคัญในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมทรัพยากร การสำรวจและโดยเฉพาะการที่ออกไปด้านนอกเมืองพวกนักล่าจะเป็นคนที่คอยช่วยกำจัดอันเดดรอบเมือง ทำให้พวกเขาได้รับการปฏิบัติที่พิเศษต่างจากคนธรรม
ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าทุกคนอยากเป็นนักล่า เพราะนักล่านั้นถือว่าเป็นอาชีพที่เสี่ยงตายมากกว่าทหารปกติซะอีก โดยเฉพาะถ้าโชคร้ายเจอพวกอันเดดระดับสูง โอกาสตายพวกเขาแทบจะเป็น 100 เปอร์เซ็นต์เลย
หลังจากเข้าไปเขตชุมชนผู้อพยพแล้วสิ่งแรกที่ทำเอาทุกคนขมวดคิ้วคือ กลิ่น เพราะความแออัดและการไม่ได้รับการดูแลที่ดี ทำให้มีกลิ่นแปลก ๆ มากมาย แถมถนนนั้นก็เป็นหลุมและแอ่งมามาย ยิ่งเดินเข้ามาก็จะเห็นนจำนวนมากนอนอยู่ข้างถนน
ผู้คนเดินผ่านไปมาราวกับไม่เห็นพวกเขา อาจจะเพราะความเคยชินกับภาพนี้แล้ว
‘หวังว่าฉันจะไม่ต้องมานอนแบบนี้หรอกนะ’ ทารกน้อยลูอิสยกมือปิดจมูก
แอนเดรียเห็นดังนั้นจึงเอาผ้าบาง ๆ ออกมาปิดให้กับเขา
“นายหญิงข้าจะไปลองหาที่พักดูก่อน” กล่าวจบพ่อบ้านชราก็เดินแยกออกไป
แอนเดรียพาเจียน่าและลูอิสไปนั่งยังมุมหนึ่งของถนน แต่แล้วหลังจากนั่งอยู่ได้สักพักก็มีทหารสามสี่คนเดินเข้ามาด้วยท่าทางนักเลง ก่อนจะถามกับแอนเดรียด้วยสายตาน่าขยะแขยง
“เธอกับเด็กสาวนะราคาเท่าไหร่”
แอนเดรียขนาดคิ้วทั้งสองข้างชนกัน แม้ตอนเข้ามาในเมืองเธอจะหาอะไรมาทาใบหน้าไว้เพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่นจนเกินไป แต่ความงามของนางก็ยากจะปิดบังโดยเฉพาะรูปร่างและท่าทางของหญิงสาวสูงศักดิ์
“ไม่ได้ขาย” แอนเดรียตอบปฏิเสธไป เธอรู้ว่าคนพวกนี้ต้องการทำอะไร
เจียน่าเองก็กำเหล็กแหลมไว้แน่น ซึ่งเหล็กนั้นเต็มปได้วยคราบเลือดและเธอก็ไม่ลังเลที่จะทำให้มันเลอะเลือดอีกครั้ง
“หืม คิดจะเล่นตัวหรือยังไง บอกมาเร็วแล้วจะกูจะได้เป็นเล่นสนุกกันสักที” ทหารยามเดินเข้ามาจับแขนของแอนเดรียอย่างแรงและคิดจะลวนลามเธอ ส่วนคนอื่น ๆ ก็เดินมาล้อมทั้งสองคนไว้
‘เห้ ๆ ทำกันแบบนี้เลยอย่างนั้นเหรอ แถมยังไม่มีใครสนใจเลยด้วย’ ทารกน้อยลูอิสมองอย่างเย็นชาและคิดว่าจะเชือดทิ้งตรงนี้เลยหรือไม่ แต่ตอนนั้นเองก็มีดาบพาดไปที่คอของทหารยามที่จับแขนของแอนเดรียอยู่
“ปล่อยซะ ไม่อย่างนั้นเจ้าตาย” พ่อบ้านเฟรดพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ไอ้แก่นี่” ทหารยามกัดฟันกล่าว ก่อนจะปล่อยมือของแอนเดรีย
“หึ ไปกันเถอะ” ทหารยามทั้งสามเดินออกไปจากตรงนี้ทันที เพราะไม่อยากมีปัญหากับพวกนักล่า เนื่องจากกลัวจะเจอกับตอเข้า แต่ถึงพวกทหารยามจะแยกออกไป แต่ก่อนจากไปพวกมันก็ยังหันกลับมามองอย่างอาฆาต
ทหารยามทั้งสามนั้นเป็นแค่คนธรรมเท่านั้น ซึ่งถ้าสู้กันขึ้นมาพ่อบ้านเฟรดสามารถเชือดพวกมันได้อย่างง่ายดาย แต่การทำร้ายทหารในเมืองนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก พ่อบ้านเฟรดจึงทำเพียงแค่ข่มขู่พวกมันเท่านั้น
“นายหญิงข้าได้ที่พักแล้ว เราไปกันเถอะ”
“อืม” แอนเดรียพยักหน้ารับ
...
“ห้องที่เราอยู่เป็นห้องพักขนาดใหญ่ ด้านในมีสองห้อง นายหญิงพักทางห้องนั้น ส่วนเจียน่าจะพักห้องนั้นและข้าได้เช่าห้องเล็ก ๆ แยกไว้ ถ้านายหญิงต้องการสิ่งใดสามารถให้เจียน่าไปตามข้าน้อยได้” พ่อบ้านชรากล่าว
เจียน่าดูจะเกรงใจ จึงคิดจะพูดปฏิเสธ แต่แอนเดรียไม่สนใจ เธอพยักหน้ารับและเดินเข้าไปในห้องของตัวเองพร้อมกับที่พาลูอิสน้อยไปด้วย
หลังจากสำรวจรอบ ๆ ห้อง แอนเดรียก็พยักหน้าอย่างพอใจ ส่วนลูอิสนั้นก็พอใจเช่นกัน
‘อย่างน้อยก็ไม่ต้องนอนหนาวอยู่ด้านนอกแหละนะ’
แอนเดรียปล่อยลูอิสลง ให้เขานอนอยู่บนที่นอนนุ่ม ๆ เพราะตอนนี้ถึงเวลานอนของเขาแล้ว เมื่อเห็นลูอิสนอนหลับ หญิงสาวก็ออกไปนอกห้องเพื่อพูดคุยกับพ่อบ้านเฟรด
เสียงประตูปิดลง ลูอิสก็ลืมตาขึ้นมาในทันที ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
เขากระโดดลงจากเตียง ก่อนจะจะเอาหูแนบประตูเพื่อแอบฟังทั้งสองคุยกัน
“นายหญิงพวกเราเหลือเงินไม่มากนักน่าจะพอใช้แค่สองถึงสามเดือนเท่านั้น ดังนั้นข้าจะออกไปหาคนรู้จักและเข้าร่วมทีมนักล่า”
“แล้วอาการบาดเจ็บของพ่อบ้าน ไม่เป็นอะไรแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“อาการบาดเจ็บเรื้อรังของข้าน้อยหายไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ดังนั้นข้าจึงไม่เป็นอะไรมากแล้ว”
“อืม ถึงอย่างนั้นเอาแต่พึ่งพาพ่อบ้านเฟดก็คงจะไม่ดี”
“นายหญิงอย่าพูดแบบนั้น ชายชราคนนี้อยู่รอดมาได้จนถึงวันนี้ก็เพราะการช่วยเหลือของท่านบารอน ดังนั้นตาเฒ่าคนนี้จะรับใช้ตระกูลแกริคไปจนวันตาย”
“นายหญิงระหว่างหาที่พักข้าได้ยินข่าวเกี่ยวกับอาณาจักรเวียเรเดียด้วย ดูเหมือนว่าอาณาจักรเวียเรเดียได้พ่ายแพ้ให้กับอาณาจักรเอเลอาร์ตแล้ว แถมยังมีการปิดชายแดนเพื่อป้องกันการหลบหนีของชนชั้นสูงด้วย”
สีหน้าของแอนเดรียแสดงความเศร้าเสียใจออกมาอย่างชัดหลังจากได้ยินเรื่องนี้การพ่ายแพ้ของอาณาจักรเวียเรเดีย อาณาจักรเวียเรเดียเป็นบ้านเกิดของเธอ แต่ตอนนี้ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว
ถึงอย่างนั้นยังมีสิ่งที่เธอเป็นห่วงอยู่อีกอย่างหนึ่งนั้นก็คือ บารอนไรแลนด์ที่ยังไม่ทราบชะตากรรม
“พ่อบ้านได้ข่าวของ ไรแลนด์บ้างหรือไม่”
พ่อบ้านเฟรดส่ายหัว ก่อนจะพูดต่อว่า “ข้าน้อยสอบถามแล้ว แต่ก็ยังไม่ทราบข่าวอะไรเกี่ยวกับนายท่านเลย ตั้งแต่วันที่สูญเสียดินแดนไปก็เหมือนว่าข่าวสารทั้งหมดของนายท่านจะหายไปด้วย แต่ข้าเชื่อว่านายท่านบารอนไรแลนด์จะยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน”
“อย่างนั้นเหรอ...” แอนเดรียกล่าวเพียงสั้น ๆ
พ่อบ้านเฟรดขอตัวออกไปเพื่อไปจัดการเรื่องลงทะเบียนนักล่าและให้แอนเดรียได้อยู่เงียบ ๆ คนเดียวสักพัก