ตอนที่ 13 คุณหมอน้อยลูอิส(อ่านฟรี)
ตอนที่ 13 คุณหมอน้อยลูอิส
ความมืดปกคลุมไปทั่วทั้งซากเมืองเก่า ดินแดนที่เต็มไปด้วยอันตรายจากความตาย แทบจะทุกที่จะมีเสียงร้องคำราม บ้างโหยหวน บ้างเดินไม่หยุด พวกมันต่างพยายามคนหาสิ่งมีชีวิต เช่นเดียวกับผู้คนที่เข้ามาหรือข้ามผ่านสถานที่แบบนี้เพื่อคนหาความหวัง
หลังจากผ่านการต่อสู้มาหลายชั่วโมง ลูอิสและพวกก็หาที่พักใหม่สำหรับคืนนี้ ส่วนที่แห่งนั้นซึ่งเหลือเพียงซากศพถ้าไม่มีอันเดดเข้าไปกิน ศพเหล่านั้นก็คงจะลุกขึ้นมากลายเป็นอันเดดต่าง ๆ ในโลกที่แม้แต่พระเจ้ายังทอดทิ้งไม่มีใครรู้ว่าอันเดดนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
บ้างก็ว่าพวกมันนั้นเกิดจากความดำมืดในใจของมนุษย์ก่อนจะแผ่ขยายความตายไปหาทุกสิ่ง บ้างก็ว่าพลังงานและอารมณ์ด้านลบชักนำพวกมันมาที่โลกใบนี้ แต่ต่อให้เป็นอย่างไหนก็ตามชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปหรือไม่ก็เพียงตาย
แอนเดรียยิบถุงน้ำสะอาดมาก่อนจะเทใส่มือของตน จากนั้นก็นำไปลูปใบหน้าของลูอิสเบา ๆ ด้วยความระวัง เพื่อล้างเอาคราบเลือดบนใบหน้าออก
คนอื่น ๆ ก็เริ่มจะล้างเลือดและทำความสะอาดแผลด้วยเช่นกัน เพราะกลิ่นเลือดนั้นอาจจะล่อพวกตัวอันตรายมาหาพวกเขาได้
เจียน่ามีรอยช้ำและแผลถลอกไปทั้งตัว ส่วนคนที่หนักสุดคงหนีไม่พ้นพ่อบ้านชรา เขาห้ามเลือดตัวเองและเช็ดคราบเลือดบางส่วนออกไป ก่อนจะนอนสลบไปทันที ด้วยความที่อายุเยอะมาก บาดแผลที่เกิดขึ้นจึงสร้างภาระต่อร่างกายเป็นอย่างมาก
ด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่ทุกคนจัดการตัวเองเสร็จแล้วต่างก็ผลอยหลับไปในทันที โดยพวกเขานั้นนอนไม่ห่างกันมากนัก เพราะถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะได้ช่วยกันได้
หลังจากท้องฟ้ายามคำคืนมืดสนิทเหลือเพียงกองไฟที่กำลังมอดดับลง ทารกน้อยลูอิสที่อยู่ภายในอ้อมกอดของแอนเดรียก็ลืมตาขึ้น
เขามองดูเพดานของซากอาคารที่ตนอยู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาจากนั้นก็คลานออกมาจากอ้มแขนของแอนเดรียอย่างระวัง
“ตื่นหน่อยสิ” ลูอิสมาปลุกเด็กสาวที่กำลังหลับอยู่ แต่ดูเหมือนเพราะการต่อสู้ในวันนี้ทำให้เด็กสาวนั้นเหนื่อยมาก บวกกับในตอนนี้ตัวของเด็กสาวนั้นร้อนเล็กน้อยจากอาการไข้ ทำให้เธอหลับลึก
ลูอิสไม่มีทางเลือกจึงเอาหยิบเอาโพชั่นชีวิตและโพชั่นพลังงานออกมา แต่ด้วยมือของเขานั้นเล็กมา จึงถือได้ข้างละขวดเท่านั้น ลูอิสวางโพชั่นพลังงานไว้ข้าง ๆ จากนั้นก็เปิดขวดโพชั่นชีวิต
เขาเทโพชั่นพลังชีวิตใส่ปากเด็กสาวอย่างระวัง หลังจากนั้นก็ตามด้วยโพชั่นพลังงาน
บาดแผลและพิษไข้ของเด็กสาวนั้นหายไปในทันอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ไม่รอช้าลูอิสก็หยิบโพชั่นออกมาอีกและทำการรักษาทั้งแอนเดรียและพ่อบ้านชราเฟรด
ซึ่งบาดแผลพ่อบ้านชราเฟรดหนักมา เขาเห็นว่ามีรอยดาบอยู่ด้วย แต่ยังโชคดีที่ลอิสนั้นเก็บโพชั่นไว้หลายขวดในช่วงที่ผ่าน ทำให้มีโพลั่นเพียงในการรักษาแผลพวกนั้น
หลังจากรอดูอาการของทุกคนสักพัก ลูอิก็ถอนหายใจออกมา เนื่องจากอาการของทุกคนนั้นดีขึ้นมากแล้ว
‘ฉันเหมือนคุณหมอที่กำลังรักษาคนป่วยเลย’
หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว ลูอิสก็คลานกลับไปนอนยังอ้อมกอดของแอนเดรีย ก่อนจะมองไปที่เธอและสาบานในใจว่า ‘ชีวิตนี้ฉันควรที่จะปกป้องเธอให้ดีที่สุด’
...
เช้าวันต่อมาพ่อบ้านเฟรดตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่สบายสุด ๆ จนน่าแปลกใจ แม้แต่ความรู้สึกเจ็บที่น่าอกของเขาจากอาการบาดเจ็บสมัยหนุ่ม ๆ ที่ในทุกเช้าจะต้องแสดงอาการก็หลายไปด้วย
‘เกิดอะไรขึ้น...บาดแผลมัน’ ชายชราเปิดเสื้อของตัวเองออกเผยให้เห็นผิวหนังย่น ๆ ที่ตอนนี้ไร้ร่องรอยของบาดแผล สิ่งแรกที่พ่อบ้านชราทำคือต้งสติก่อนจะมองไปที่นายหญิงของตนเอง และก็ถอนหายใจโล่งอก
‘ค่อยยังชั่ว ข้านึกว่าตายไปแล้ว ถึงไม่มีแผล แต่แค่คืนเดียวทำไมถึงฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้กัน’ พ่อบ้านชราลุกขึ้น ก่อนจะแต่งตัวใหม่ให้สมกับเป็นพ่อบ้าน
ด้านเดียวกันแอนเดรียและเจียน่าก็ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน
“อ๊า!...เกิดอะไรขึ้น?” เจียน่าร้องด้วยความตกใจ เพราะเธอจำได้ว่าเมื่อวานนั้นตามแขนและขามีรอยถลอกและช้ำจำนวนมาก แต่ตอนนี้มันหายไปหมดแล้ว
“ท่านเฟรด ท่านหายแล้ว?” เจียน่าเงยหน้าก็เห็นว่าพ่อบ้านเฟรดมองดูเธออยู่
“อืม แผลเจ้าก็ด้วยอย่างนั้นเหรอที่หายแล้ว”
“ค่ะ แต่ทำไม...” ก่อนจะพูดจบดูเหมือนเจียน่าจะนึกขึ้นได้จึงมองไปที่ทารกน้อยลูอิส ถึงอย่างนั้นเธอก็รีบเบือนหน้าหนี เพราะยังจำคำสั่งของลูอิสได้ว่าห้ามบอกใครเรื่องเขา
พ่อบ้านเฟรดหรี่ตาลง
แอนเดรียลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำนั้นคือการกอดลูอิสเพราะกลัวจะตื่นขึ้นมาแล้วเขาจะหายไป เธอมองลูกชายตัวน้อย ๆ ที่กอดตัวเองอยู่
ตอนนี้ลูอิสไม่ได้เหมือนทารกแรกเกิดแล้ว แต่เขาเหมือนทารกน้อยอายุ 4 เดือนมากกว่า อาจจะเพราะค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นของเขา ทำให้ร่างกายเหมือนจะโตเร็วขึ้นตามความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น
“ท่านแม่” ทารกน้อยลูอิสลืมตาขึ้นและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชัดมากนัก แต่ก็พอฟังเข้าใจได้
“ลูอิสน้อยเรียกแม่ได้แล้ว ดีจังเลยนะ ถ้าพ่อของลูกอยู่ที่นี่เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ จริงสิก่อนหน้านั้นแม่กับพ่อพูดว่าลูกจะเรียกใครได้ก่อนกัน ดูเหมือนว่าแม่จะชนะล่ะนะ” แอนเดรียออกมาอย่างอ่อนโยน
“นายท่านจะต้องดีใจอย่างแน่นอน แต่ว่านายหญิงท่านคิดว่านายน้อยเป็นเด็กอัจฉริยะหรือไม่?” พ่อบ้านเฟรดเอ่ยถาม
“เด็กอัจฉริยะ?” แอนเดรียงุนงงเล็กน้อย
“นายหญิงจำตำนานเรื่องเล่าได้หรือไม่ ว่ากันว่าจะมีเด็กที่เกิดมาเพื่อเป็นวีรบุรุษ พวกเขาทั้งฉลาด แข็งแกร่ง และยังรองรับพลังของผู้ครองพลังได้อย่างน่าตกใจ แถมพัฒนาการก็เร็วกว่าเด็กทั่วไปมาก การที่นายน้อยพูดได้หลังจากผ่านไปที่ 11 วันเท่านั้น อาจจะเพราะเขาคือเด็กอัจฉริยะก็ได้”
“อืม แต่ต่อจะเป็นหรือไม่เป็นข้าก็ไม่สนใจหรอก เขาคือลูกชายของฉันก็พอแล้ว” แอนเดรียกล่าวขณะที่มองไปที่ลูอิสด้วยรอยยิ้ม
“นายหญิงบาดแผลของพวกเราทุกคนหายแล้ว คือว่า...”
“โลกใบนี้มีเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อมากมาย พวกเราก็แค่เจอหนึ่งในนั้นก็เท่านั้น” แอนเดรียตอบปัดไป
พ่อบ้านเฟรดก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อเพราะรู้ว่าบางเรื่องก็ไม่ควรจะพูดออกมา
‘เป็นแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน’ ทารกน้อยลูอิสถอนหายใจเบา ๆ แต่เขาก็หันไปเห็นว่าเด็กสาวเจียน่านั้นกำลังจ้องมองตนเองด้วยตาไม่กะพริบ ราวกับมั่นใจมากว่าทุกอย่างเป็นฝีมือของเขา
ทารกน้อยลูอิสขยิบตาให้เจียน่า เพราะเขาไม่สนว่าเจียน่าจะรู้หรือไม่รู้ ยังไงซะลูอิสก็คิดจะให้เธอมาเป็นผู้ติดตามของเขาอยู่แล้ว แถมตอนนี้หลังจากมั่นใจว่าเป็นฝีมือของลูอิส พลังงานศรัทธาที่เจียน่ามอบให้เขาก็เพิ่มเป็น 80 ในทันทีด้วย
“ติ้ง! ระบบตรวจพบพลังงานศรัทธา เริ่มทำการเก็บเกี่ยวหรือไม่?”
‘ตกลงเก็บเกี่ยวเลย’ ลูอิสพูดในใจ
“เริ่มเก็บเกี่ยวพลังงานศรัทธา...ใช้เวลา 1 วินาที”
“เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้น...”
“ได้พลังงานศรัทธา 360 หน่วย (กดเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม)”
เขาลงมือเก็บเกี่ยวพลังงานศรัทธาของวันนี้ทันที รวมสามคนแล้วได้พลังงานศรัทธา 360 แต้ม ทำพลังงานศรัทธาทั้งหมดนั้นเป็น 720 แต้มพลังงานศรัทธา
‘ขาดอีก 280 สินะ ก็จะพอเลเวลอัพเป็น 4 ได้’
ลูอิสมาทำการสุ่มฟรีจากร้านค้าอีกครั้ง
“กำลังสุ่ม...จะเสร็จใน 3...2...1”
“+3 แต้มสถานะความชำนาญ”
“ไอเทมทั้งหมดถูกเก็บไว้ในช่องเก็บของผู้เล่นอัตโนมัติ”
‘วันนี้โชคดีจริง ๆ’ เขารู้สึกพอใจในการสุ่มวันนี้เป็นอย่างมาก ไม่รอช้าลูอิสใช้แต้มสถานะความชำนาญที่ได้รับมาฟรีในทันที เพราะว่าค่าความชำนาญของเขานั้นน้อยมาก การเพิ่มขึ้นมาสามแต้มนั้นถือว่าดีมาก
“ลูอิส แกริค”
“มนุษย์ (ทารก)”
“อาชีพหลัก : พาราดิน”
“เลเวล : 3” (lv.4 ต้องการ 1000 แต้มพลังงานศรัทธา)
“เกรด 0.3 ดาว”
“ค่าสถานะ : พละกำลัง 10 ,ความชำนาญ 4 ,ความทนทาน 4,สติปัญญา 10,โชค 1”
“พลังชีวิต : 7” (อ่อนแอมาก)
“พลังงาน : 30”
“แต้มสถานะ : 0”
“แต้มศักยภาพ : 1”
“พลังงานศรัทธา : 360”
“ทักษะสายอาชีพพาราดิน : คำอธิษฐาน lv.1, ประกายแสงแห่งโชคดี lv.1,พลังโทสะของผู้ศรัทธา lv.1, พุ่งชน lv.1”
“อุปกรณ์ที่สวมใส่ : ไม่มี”
...
‘ความชำนาญที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ความเร็วในการเคลื่อนไหวของเรามากขึ้น รู้สึกว่าตัวเบาขึ้นและวิ่งได้เร็วขึ้นแฮะ แต่ตอนนี้คงไม่เหมาะในการทดสอบสักเท่าไหร่’
ขณะที่ลูอิสกำลังสนใจอยูกับหน้าจอระบบ ในเวลาเดียวกันคนอื่น ๆ ก็เริ่มลงมือกินอาหารและเก็บของออกเดินทางอีกครั้ง
‘จากที่พ่อบ้านเฟรดพูด ดูเหมือนพวกเราจะอยู่ห่างจากเมืองเอลดิลครึ่งวัน ถ้ารีบหน่อยก็คงจะถึงก่อนเที่ยงสินะ’
ลูอิสมองอย่างรอคอย เขาอยากจะเห็นแล้วว่าเมืองเอลดิลนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร
ผ่านไปหลายชั่วโมง พวกเขาเดินทางมาจนพ้นจากซากเมืองเก่าที่ตายซากนั้นไม่นาน ก็เริ่มเจอเข้ากับต้นไม้ที่มากขึ้นจนน่าแปลกใจ และยังมีแอ่งน้ำให้เห็นเป็นระยะตามสองข้างทาง ส่วนทางที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้มันเหมือนกับเป็นเส้นทางหลักที่ใช้กันมานาน จนเกิดเป็นทางธรรมชาติ
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นมา ลูอิสมองด้วยความตกใจ แต่คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้แปลกใจ ราวกับว่าพวกเขาเคยชินกับมันแล้ว
‘หืมโลกนี้รถบรรทุกที่ใช้ได้อยู่ด้วย แต่สภาพเก่ามาก ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่คิดว่าพวกเขาจะยังมีรถใช้งานกันอยู่ เพราะตอนแรกก็นึกว่าพวกมันเป็นเศษซากไปหมดแล้ว’ ลูอิสมองอย่างสนใจ เพราะที่ผ่านมาเขาเห็นแต่เศษซากของรถในเมืองเก่าที่ผ่านมาเท่านั้น
รถบรรทุกนั้นไม่ได้จอดหยุดแต่ขับผ่านพวกเขาไปทางของซากเมืองเก่าที่พวกเขาเคยผ่านมา ด้านหลังรถบรรทุกนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่มีอาวุธครบมือ ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนพวกนี้คือนักล่าที่ออกไปล่าสิ่งของ
ปกติแล้วนักล่าจะออกเดินทางในตอนเช้าและกลับมาก่อนมืด นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อคืนตอนมาใกล้ชายขอบของซากเมืองพวกเขาถึงไม่เจอนักล่า