บทที่ 2 : นี่... หานจงหลีอย่างนั้นเหรอ?
บทที่ 2 : นี่... หานจงหลีอย่างนั้นเหรอ?
ชั่วขณะที่ลู่ม่านกระโดดออกจากหน้าต่างไป ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา
แต่อย่างไรก็ตาม ลู่ม่านไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว โชคดีที่ระเบียงด้านนอกหน้าต่างมีพื้นที่มากพอให้เธอยืนหลังจากกระโดดออกมาแล้ว
ลู่ม่านมองเห็นผู้คนในห้องพักโรงแรมผ่านหน้าต่าง พวกเขากำลังจะออกมาเช็คที่ระเบียง เธอหันมองซ้ายขวาอย่างกระวนกระวาย และรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่า หน้าต่างของห้องพักทางขวาเปิดอยู่
ด้วยความกลัวความสูงของเธอ ลู่ม่านปีนไปยังหน้าต่างทางขวา และพุ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วจนเสียหลัก ล้มลงบนพรม
เธอกลิ้งบนพื้นอยู่สองรอบก่อนจะหยุดลง และทันใดนั้น เท้าคู่หนึ่งที่สวมรองเท้าสลิปเปอร์ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
เท้าคู่นั้นดูใหญ่กว่าของเธอมาก และด้วยการมองเพียงครั้งเดียวเธอก็สามารถบอกได้ว่า นั่นคือเท้าของผู้ชาย เล็บเท้าของเขาถูกตัดแต่งอย่างเรียบร้อย และเมื่อสายตาของเธอเลื่อนขึ้น เธอมองเห็นน่องที่ไม่มีอะไรปกปิด แม้แต่ขาท่อนล่างก็ยังดูยาวกว่าขาของคนทั่วไป
เมื่อยกศีรษะขึ้นอีกเล็กน้อย เธอก็ตระหนักว่า มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ ดังนั้น เธอจึงสามารถมองเห็นกล้ามท้องที่ชัดเจนของเขาได้ ผู้ชายคนนี้มีรูปร่างที่ยอดเยี่ยม จนใครๆก็อยากโยนตัวเองใส่เขา
ราวกับถูกฟ้าผ่า เธอตัวแข็งทื่อทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของเขา
นี่.... หานจงหลี อย่างนั้นเหรอ?
ในชีวิตก่อนของเธอ เธอไม่มีโอกาสที่จะเห็นเขาในระยะใกล้ เธอเคยเห็นเขาในงานอีเวนท์จากที่ไกลๆเท่านั้น
หานจงหลี CEO แห่ง Han Media Company และปรากฏอยู่บนข่าวบันเทิงบ่อยครั้ง
แม้จะมีใบหน้าที่หล่อเหลาและเป็นเจ้าของธุรกิจบันเทิงมากกว่าครึ่งของวงการ แต่ไม่เคยมีเรื่องซุบซิบว่าเขาควงอยู่กับดาราสาวคนไหนเลย
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถูกมองเป็นดั่งเทพบุตร และหญิงสาวมากมายก็ถือว่าเขาเป็นชายในอุดมคติทีเดียว
แต่ทำไมเขาถึงมาที่นี่? เธอครุ่นคิด
เป็นไปได้หรือไม่ว่าในชีวิตก่อนของเธอ เขาก็อยู่ที่ข้างห้องนี้เช่นกัน?
ถ้าอย่างนั้น เขาจะเห็นความวุ่นวายเมื่อตอนที่เธอถูกตำรวจนำตัวไปหรือไม่?
หานจงหลีมองเธออย่างดูแคลน
“ฉันเคยเจอผู้หญิงมากมายที่ชอบเสนอตัวให้กับฉัน แต่ไม่เคยเจอใครที่ปีนหน้าต่างเพื่อเข้ามาเสนอตัวกับฉันเลย”
ขณะที่หานจงหลีก้มมองลงมาเล็กน้อย สายตาของลู่ม่านก็ถูกผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวของเขาดึงดูด มันดูเหมือนจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่อยามเขาเคลื่อนไว
วินาทีถัดมา นิ้วเรียวของเขาเชิดคางของเธอขึ้น
“เราอยู่สูงถึงชั้น 26 ดูเหมือนว่าคุณจะพยายามน่าดูเลยนะ”
ขณะที่ลู่ม่านกำลังจะอ้าปากพูด เสียงเอะอะโวยวายก็ดังมาจากบริเวณระเบียงด้านนอก
“จะไม่มีคนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร พวกเขาหนีออกไปทางระเบียงหรือเปล่า”
เสียงนั้นทำให้ลู่ม่านหยุดนิ่งไป
ไม่ว่าจะชาติที่แล้ว หรือ ชาตินี้ เธอไม่มีวันลืมเสียงนี้เด็ดขาด เสียงแฟนเฮงซวย เหอเจิ้งไป๋ ที่หลังจากนี้จะกลายเป็นคู่หมั้นของเธอ
ในชีวิตก่อน ผู้กำกับได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็รอดตายมาได้
ในขณะที่เธอถูกจำคุกข้อหาก่ออาชญากรรมโดยเจตนา ต้องรับโทษจำคุกแปดปีเนื่องจากผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส ทันทีที่เธอมีปัญหา เขาก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อทันทีว่า เขากับเธอเลิกกันไปนานแล้ว และไม่มีความสันพันธ์ใดๆกันอีกต่อไป
แต่ถ้าเพียงแค่นั้น เธอคงไม่เกลียดเขา เธอคงยอมรับว่าเคยตาบอดที่ตกหลุมรักเขาเอง แต่เมื่อเธอถูกปล่อยตัวออกจากคุก เธอกลับพบว่าเขากลายเป็นคู่หมั่นของลู่ฉี และทั้งสองยังได้รับการยกย่องจากผู้คนว่า เป็นคู่รักที่เหมาะกันมาก
ความจริงคือ ก่อนเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น พวกเขาทั้งคู่ก็แอบคบกันลับหลังอยู่แล้ว
ดังนั้น หลังจากที่ลู่ฉีทำร้ายคนและหนีไปได้ คนแรกที่เธอจะขอความช่วยเหลือก็คือ เหอเจิ้งไป๋ ที่แย่กว่านั้น เป็นความคิดของเหอเจิ้งไป๋เองที่บอกให้กลับไปยังห้องพักในโรงแรม เพื่อลบร่องรอยทั้งหมดและจัดฉากโยนความผิดให้ลู่ม่าน
ไม่แปลกใจที่ เมื่อเธอมองหาเขาเพื่อจะขอความช่วยเหลือ เธอกลับไม่เคยพบเขาเลย เพราะทั้งหมดเป็นการวางแผนของเขาเพื่อใส่ร้ายเธอมาโดยตลอด
เหอเจิ้งไป๋ถึงกับพูดจาดูถูกเธอเมื่อเห็นว่าเธอถูกปล่อยตัวออกมาจากคุกแล้วว่า “เธอควรส่องกระจงมองตัวเองบ้างนะ แม้แต่เมื่อก่อนเธอยังไม่คู่ควรกับฉันด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้เธอแย่ยิ่งกว่านั้นอีก ไม่คู่ควรกับฉันเลยสักนิด”
จากนั้นเขาหยิบธนบัตรสิบหยวนออกมาจากกระเป๋า โยนใส่เธอราวกับเธอเป็นขอทาน