STBI : ตอนที่ 11 ห่ำหันกันอย่างดุเดือด
ในอากาศ
ร่างสีดำได้พุ่งผ่านพื้นที่ไปอย่างรวดเร็วราวกับเสือชีตาห์
นี่คือ ไป๋ตงหลิน!
ตอนนี้เขารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
เขากังวลเรื่องที่เขาอาจจะมาช้าเกินไป จนปีศาจถูกฆ่าตาย หากสิ่งนี้เกิดขึ้นเขาจะสูญเสียวิธีในการบ่มเพาะความแข็งแกร่งในทันที
เขาต้องการพัฒนาความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วดังนั้นจึงต้องมองหาสถานการณ์อันตรายเฉกเช่นนี้
เขาใช้เวลาเพียงถ้วยน้ำชาเดียวในการไปถึงเหล็กดำ
เมืองนี้เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรอาศัยเพียงแค่หลายหมื่นคน อย่างไรก็ตาม แม้ว่านกกระจอกจะตัวเล็กแต่พวกมันก็มีกันหลายตัว แต่ในเวลานี้ มีเพียง เหล่าเจ้าหน้าที่ไม่กี่สิบคนที่เฝ้าตรวจตราอยู่บนกำแพง
นี่เป็นเวลาเคอร์ฟิวแล้ว ประตูเมืองต่างถูกปิดอย่างแน่นหนา และ ไป๋ตงหลิน ได้ยืนอยู่ที่มุมมืดของกำแพงเมือง เขาเหมือนกับ ตุ๊กแก ที่เกาะอยู่บนผนัง ในเวลานี้ เขาได้เริ่มปีนกำแพงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
เขาพบ เจ้าหน้าที่ที่ตรวจตราเพียงคนเดียว เขาได้ก้าวไปข้างหน้า 2 ก้าว และ ใช้มือปิดปากอีกฝ่ายก่อนที่จะลากเข้าไปในเงามืด
“ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย หากเจ้าตอบมาตามตรงข้าก็จะปล่อยเจ้าไป หรือว่าเจ้าจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือก็ได้ เช่นนั้นข้าจะหักคอเจ้าในทันที!”
ไป๋ตงหลิน ได้ควบคุมกล้ามเนื้อคอของเขาและทำให้เสียงของเขาดูเหมือนผู้ใหญ่ หากเขาเปล่งเสียงที่ดูเด็กออกมา เกรงว่าด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ก็คงไม่มีใครหวาดกลัว
เจ้าหน้าที่ตรวจตราที่ถูกปิดปาก ได้กระพริบตาและพยักหน้าในทันที ในฐานะที่เขาเป็นทหารประจำเมือง เขาจึงรู้ดีว่านี่อาจจะไม่ใช่คำขู่ และ หากอีกฝ่ายลงมือจริง เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ทันทีที่ ไป๋ตงหลิน ปล่อยมือ เขาก็กดเสียงของเขาและกล่าวพูดอย่างรวดเร็ว :
“นายท่านโปรดเมตตา! นายท่านโปรดเมตตา! ยามนี้ท่านเจ้าเมืองอยู่ที่คฤหาสน์ของเขาตัวคนเดียว บ่อนใต้ดินของสำนักดาบเหล็กอยู่ที่ห้องใต้ดินแถวถนนเยว่ไหล นายท่าน หากท่านต้องการทราบอะไรได้โปรดถามข้ามา ข้าจะบอกทุกสิ่งอย่างที่ท่านอยากรู้”
ไป๋ตงหลิน สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
“หุบปาก! ข้ายังไม่ได้ถามคำถาม ข้าต้องการให้เจ้าตอบคำถามของข้า ขืนพูดเรื่องไร้สาระอีก ข้าจะระเบิดศีรษะของเจ้าซะ!”
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีข่าวลือเกี่ยวกับปีศาจที่ปรากฏขึ้นแถว ๆ เมืองเหล็กดำใช่หรือไม่ บอกสิ่งที่เจ้ารู้มาให้หมด!”
“ปีศาจ? อ่า ข้ารู้ เรื่องนี้ทุกคนก็รู้ เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ เร็ว ๆ นี้!”
“ปีศาจที่อาศัยอยู่ในภูเขาเฮยเฟิง เป็นปีศาจกินคน เมื่อสามวันก่อนมีชาวบ้านที่ชอบเก็บสมุนไพรมากกว่า 10 คน จากหมู่บ้านใกล้เคียงเดินขึ้นไปบนภูเขาเพื่อรวบรวมสมุนไพร จากนั้น พวกเขาก็หายตัวไป ทว่า หลังจากนั้นไม่นาน เหล่าหมู่บ้านเหล่านั้น ก็จัดตั้งกองกำลังร่วม 100 คน ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อค้นหา แต่ทว่า หลังจากผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็เหลือรอดกลับมาแค่ 2 คนเท่านั้น พวกเขาอ้างว่าไปเจอกับปีศาจที่อันตรายบางอย่างเข้า”
“ดังนั้นในเวลานี้ เหล่าพี่น้องของพวกเราหลายสิบคน จึงได้ถูกส่งขึ้นไปตรวจสอบสถานการณ์ จนในปัจจุบันนี้ พวกเขาก็ยังไม่ได้กลับลงมา”
“ภูเขาเฮยเฟิง ไปทางไหน?”
“ทางทิศตะวันตก มันตั้งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ 10 ลี้”
หลังจากได้รับข่าวที่ต้องการแล้ว ไป๋ตงหลิน ก็ใช้กำลังเล็กน้อยทำให้ นายทหารคนนี้หมดสติ
จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและกระโดดลงจากกำแพงเมืองมุ่งหน้าไปยังภูเขาเฮยเฟิง
ภูเขาเฮยเฟิง อยู่ใกล้แค่เอื้อม ในขณะที่ เขาเข้าใกล้มัน โลหิตทั่วร่างของเขาก็กลายเป็นเดือดพล่านในทันที
ในที่สุดเขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับโลกศิลปะต่อสู้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะต้องต่อสู้กับใครซักคนที่ไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ เขาก็รู้สึกคาดหวังเป็นอย่างมาก
ภูเขาเฮยเฟิง ในตอนกลางคืน ค่อนข้างเงียบสงัด ไม่มีเสียงนก เสียงแมลง หรือกระทั่งร่องรอยของ สิ่งมีชีวิต ราวกับว่าที่นี่คือหลุมดำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เหนือโลก
เหล่าฝูงนกนับพันที่เคยอยู่ในภูเขา บัดนี้กลับหายตัวไป
ไป๋ตงหลิน ได้ยืนอยู่ที่เชิงเขา และ ครุ่นคิดอยู่ครู่นึง เขาได้ถอดเสื้อคลุมและกางเกงออก พร้อมกับพับเก็บไว้บนพื้นอย่างเรียบร้อย
ในเวลานี้ เขาได้ เปลือยท่อนบนและสวมใส่เพียงกางเกงขาสั้นเพียงเท่านั้น
ไป๋ตงหลิน ค่อนข้างชัดเจนดี หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือด เสื้อผ้าที่บอบบางเหล่านี้จะต้องได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงได้เก็บมันไว้ข้างนอก
เหตุผลที่เขามาที่ภูเขาเฮยเฟิง ก็เพื่อต้องการที่จะฆ่าปีศาจเพียงเท่านั้น เขาไม่ต้องการให้ใครับรู้เรื่องที่เขาแอบหนีออกมา
หลังจากเสร็จเรียบร้อยเขาก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
จากนั้นก็วิ่งขึ้นไปบนภูเขาที่มีกลิ่นคละคลุ้งของโลหิตที่รุนแรง
มีถ้ำขนาดใหญ่บนเนินเขาของภูเขาเฮยเฟง ซึ่งในปัจจุบัน ตอนนี้ มีซากศพอยู่บริเวณปากทางเข้าถ้ำ มี ซากกศพของ มนุษย์ และ สัตว์ใหญ่บางตัวที่ไม่เป็นที่รู้จัก
ซากศพทั้งหมดดูไม่สมบูรณ์ราวกับว่าถูกสัตว์ร้ายฉีกขย้ำ
ฉากนี้ทำให้ ไป๋ตงหลิน รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย ทว่าเขาไม่ได้หวาดกลัวมัน
เขาเดินเข้าไปที่ปากทางเข้าถ้ำ และ โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อมองเข้าไปข้างใน ยังสถานที่มืดมิดและไม่ชัดเจน
หลังจากการเปลี่ยนถ่ายโลหิต เขาก็ได้สัมผัสการมองเห็นที่คมชัดเพิ่มขึ้นกลับมาอีกด้วย และ ด้วยความช่วยเหลือจากแสงจันทร์เล็กน้อย ทำให้เขามองเห็นด้านในได้อย่างเลือนลาง
“มีใครอยู่ที่นี่มั้ย?”
ฟุ่บ!
ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของเขา เงาสีดำ ก็พุ่งออกมา และ กระแทกเข้าใส่หน้าอกของ ไป๋ตงหลิน มันทำให้เขาลอยขึ้นไปบนอากาศโดยตรงและกระแทกเข้ากับต้นไม้ขนาดใหญ่ก่อนที่จะหยุดลง
ร่างของสัตว์ร้ายที่มีความสูงกว่า 2.8 เมตร ได้ปรากฏตัวขึ้นและโจมตี ไป๋ตงหลิน โดยไม่ได้พูดพร่ำทำเพลงอะไร
มันเจ็บ นี่มันเจ็บมาก
กระดูกของเขาได้แตกหักไป 2 ชิ้น อวัยวะภายในก็ได้รับบาดเจ็บ แต่พลังลึกลับภายในร่างกายได้ปรากฏขึ้นและรักษาอาการบาดเจ็บของเขาในทันที
ไป๋ตงหลิน ได้ยืนขึ้นในเวลานี้และมองไปที่ร่างของสัตว์ร้ายเบื้องหน้าเขา
มันมีขนาดตัวที่สูงกว่า 2.8 เมตร มีหัวเป็นหมาป่า มีขนยาวสีดำปกคลุมไปทั่วร่าง
นี่คืออะไร?
หมาป่าปีศาจ? หรือมนุษย์หมาป่า?
ทั้งสองมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ปีศาจหมาป่าก็คือหมาป่าที่กลายร่างเป็นปีศาจ
ส่วนมนุษย์หมาป่าก็คือมนุษย์ที่กลายร่างเป็นหมาป่า
“ไม่ว่าแกจะเป็นตัวอะไร คืนนี้ หากแกฆ่าฉันไม่ได้ ฉันนี่แหล่ะที่จะเป็นฝ่ายฆ่าแก!”
เสียงคำรามของเขาได้ดังขึ้น ร่างของเขาได้เพิ่มความสูงขึ้นไม่กี่เซนติเมตรจนเกือบจะเพิ่มถึง 1.8 เมตร ในทันที เขาในเวลานี้ ได้ใช้พลังของ ‘กายทองสัมฤทธิ์’
สิ่งนี้ ได้เพิ่มพลังป้องกันให้แก่เขา
สัตว์ร้ายที่มีรูปร่างเหมือนกับหมาป่า เมื่อมันรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกยั่วยุ มันก็ได้เงยศีรษะขึ้นและส่งเสียงร้องคำรามออกมา กรงเล็บในมือของมันได้ส่องประกายภายใต้แสงจันทร์ในทันที
ทั้งสองคนนั้นเคลื่อนไหวพร้อมกัน และ ปะทะกันอย่างรวดเร็ว
ไป๋ตงหลิน ในยามนี้ ไม่สนใจการป้องกัน และ ใช้ ‘กำปั้นปีศาจกระทิง’ โจมตีออกไปที่ด้านหน้า และ กระแทกเข้ากับกรงเล็บของอีกฝ่าย
เพียงแต่ การป้องกันของ สัตว์ร้ายตัวนี้น่าทึ่งมาก หลังจากโจมตีออกไป ไป๋ตงหลิน ก็สัมผัสได้ถึงแรงสะท้อนกลับในทันที
ไป๋ตงหลิน ผู้ซึ่งไร้พลัง ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันในครั้งแรก ร่างกายของเขา ปกคลุมไปด้วยบาดแผล แม้ว่าบาดแผลจะลึก แต่มันก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต และ ไม่นาน เขาก็หายเป็นปกติในพริบตา
ถึงจะไม่มีทักษะป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่แก่นแท้ร่างกายของเขาก็ยังคงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
เขาไม่ใช่ไก่อ่อนที่อ่อนแออีกต่อไป แม้ว่า สัตว์ร้ายตัวนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่พลังการโจมตีของมันก็ยังไม่สามารถฆ่าเขาได้ในทันที
ใช่แล้ว ไป๋ตงหลิน ในเวลานี้ สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของร่างกายที่เพิ่มขึ้น รอยยิ้มชั่วร้ายได้ปรากฏขึ้นบนมุมปากของเขา
เขามองดูสัตว์ร้ายตัวนี้โบกกรงเล็บไปมา ยิ่งเขามองมันเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพอใจมากยิ่งขึ้น
“วู้—”
หลังจากโจมตีมาเนิ่นนาน ไม่เพียงแต่มันไม่สามารถฆ่าเด็กหนุ่มตรงได้เพียงเท่านั้น ซ้ำอีกฝ่ายยังกระโดดไปมาและโจมตีตนเองเป็นบางครั้ง
สิ่งนี้ทำให้สัตว์ร้ายตัวนี้รู้สึกโกรธในทันที
มันได้ส่งเสียงคำราม ทันใดนั้น ส่วนสูงของมันก็เพิ่มขึ้นเป็น 3 เมตร ดวงตาของมันได้เปล่งประกายสีแดงโลหิต และ มีหมอกสีดำปกคลุมร่างกายของมัน
ทันใดนั้น ความเร็วของมันก็เพิ่มมากขึ้น
ไป๋ตงหลิน ยังไม่ทันได้ขยับร่างกาย ร่างของเขา ก็ถูกเฉือดเฉือนในทันที
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีเพียงเท่านั้น
พลังงานอันมหาศาลได้กระแทกเข้าใส่ร่างกายของ ไป๋ตงหลิน แต่ทว่า พลังลึกลับ ก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมาและรักษาร่างกายของเขา
ในเวลานี้ สัตว์ร้ายตัวนี้ ดูเหมือนจะบ้าคลั่งไปแล้ว ไม่ว่ามันจะโจมตีไปเท่าไหร่ ไป๋ตงหลิน ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
“ยอดเยี่ยมมาก!”
ไป๋ตงหลิน มีสีหน้าที่ซับซ้อน แม้จะเป็นการแสดงออกที่เจ็บปวดแต่เขาก็มีความสุข
เขากำลังแบกรับการโจมตีที่รุนแรงของสัตว์ร้ายตัวนี้และยังโจมตีมันเป็นครั้งคราว แม้ว่าการโจมตีของเขาจะไม่ได้สร้างบาดแผลสาหัสให้กับมัน แต่ก็ยังทำให้อาการบาดเจ็บของ สัตว์ร้ายตัวนี้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
การต่อสู้นี้ได้ดำเนินการไปเป็นเวลานาน
สัตว์ประหลาดทั้งสองตัวกำลังห่ำหั่นกันอย่างรุนแรง