ตอนที่แล้ว105 - กลิ่นหอมจัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป107 - ผมเตะคุณ

106 - จะได้เป็นข้าราชการกันแล้ว 


กำลังโหลดไฟล์

106 - จะได้เป็นข้าราชการกันแล้ว

หญ้าสีเขียวเป็นสวรรค์สำหรับการวิ่งเล่น

ไก่ชั่วร้ายมองลงมาที่เชือกรอบคอ ตอนนี้มันรู้สึกเวทนาตัวเองที่ต้องกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์คนนี้

อันที่จริงแล้วสิ่งที่มันไม่รู้ก็คือโชคชะตาของมันนั้นดีกว่าสุนัขตัวก่อนมาก ตามปกติแล้วสิ่งชั่วร้ายใดก็ตามที่เจอกับหลินฟ่านนั้นต้องถือว่าดวงซวยสุดๆ

“เหล่าจาง รสชาติเป็นยังไงบ้าง?”

หลินฟ่านถือเชือกไว้และเห็นสีหน้าของเหล่าจางซึ่งเต็มไปด้วยความพอใจ

เหล่าจางละล่ำละลักว่า "อร่อยมาก คราวหน้าเราจะยังกินมันได้อีกไหม"

“ใช่ มันจะออกไข่สองฟองทุกเช้า หนึ่งสำหรับผมและอีกหนึ่งฟองสำหรับคุณ” หลินฟ่านกล่าว

ความสุขมักเรียบง่ายและอบอุ่น

แต่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความสุขสำหรับไก่ชั่วร้าย สิ่งที่มันได้ยินนั้นมันไม่อยากเชื่อหูของตัวเองเลย

วันละสอง?

การออกไข่ 2 ฟองเมื่อเช้านี้ก็แทบจะกินพลังงานในร่างกายของมันไปหมด หากจะให้มันออกไข่ทุกวันนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

“เจ้าตัวเล็กใจดีจังเลย” เหล่าจางกล่าวอย่างมีความสุข

พยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยทางจิตเห็นว่าหลินฟ่านกำลังอุ้มไก่อยู่ในสมองของเขาจึงเต็มไปด้วยคำถาม

หลินฟ่านไปเอาไก่มาจากไหนคงไม่ใช่ว่าเขาแอบขโมยมาจากโรงครัวหรอกนะ

แม้จะรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่กล้าถามออกไป

แต่ผู้ป่วยรายอื่นนั้นพวกเขาไม่ได้มีข้อกริ่งเกรงในเรื่องนี้ ทันทีที่เห็นไก่ชั่วร้าย พวกเขาก็รีบมุ่งดูอย่างรวดเร็ว

“นี่มันสัตว์อะไรเนี่ย?”

“เจ้าโง่เอ๊ย นี่มันก็แค่ไก่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณต้องอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช”

“คุณก็เป็นผู้ป่วยทางจิตเหมือนกันกับผม ผมรู้ว่านี่คือไก่ ผมแค่อยากรู้ว่ามันเป็นตัวอะไร”

"นี่คือไก่ไง"

"ผมรู้"

"หลินฟ่าน เราขอจับไก่ของคุณได้ไหม"

ดวงตาของผู้ป่วยเป็นประกาย พวกเขาอยากรู้เป็นพิเศษเกี่ยวกับไก่ชั่วร้าย มันน่ารักจริงๆ พวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักเช่นนี้มาก่อน

"ได้แน่นอน" หลินฟ่านกล่าว

หลังจากนั้นผู้คนมากมายก็เริ่มล้อมรอบไก่ชั่วร้าย

ไก่ชั่วร้ายเชิดศีรษะของตัวเองให้สูงด้วยท่าทางหยิ่งผยอง ท้ายที่สุดมนุษย์โง่กลุ่มนี้ก็เชื่อในรูปลักษณ์ที่น่ารักของมัน เมื่อมองไปที่ดวงตาเปล่งประกายของมนุษย์ มันก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก

พยาบาลที่อยู่รอบๆไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป

ในตอนนี้ผู้ป่วยจิตเวชมากมายชุมนุมอยู่ในสถานที่เดียวกัน หากพวกเขาเข้าใกล้โดยไม่ได้ตั้งใจอาจทำให้กลุ่มผู้ป่วยเกิดความไม่มั่นคงทางอารมณ์และสิ่งที่ตามมาคงร้ายแรงเป็นอย่างมาก

ในสำนักงาน.

ผอ.ฮ่าวยืนสูบซิการ์อยู่ที่หน้าต่าง

“รสชาติมันอ่อนไปหน่อย ผมชอบที่แรงกว่านี้” ผอ.ฮ่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"คุณมีผู้สนับสนุนใหญ่แล้วนี่ อยากสูบอะไรคุณก็ซื้อซื้อเอาเองทำไมต้องทำตัวเหมือนขอทาน?"

ชายตาเดียวหยิบซิการ์ยี่ห้อโปรดขึ้นมาและนั่งสูบตรงกลางห้องทำงานโดยไม่สนใจว่ากลิ่นเหม็นจะฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง

“ผมเป็นคนไม่ชอบความฟุ่มเฟือยคุณก็น่าจะรู้ดี”

ผอ.ฮ่าวอารมณ์ดีมาก ตั้งแต่ที่เขาได้รับเงินสนับสนุนก้อนใหญ่ มันทำให้เขาสามารถจ้างพนักงานที่ขาดแคลนเข้ามาเติมเต็มได้มากมาย ซึ่งพนักงานเหล่านั้นมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระของเขาไม่มากก็น้อย

"ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ" ชายตาเดียวเปิดประเด็น

“ไปคิดทบทวนมาดีแล้วเหรอ” ผอ.ฮ่าวรู้ดีว่าชายตาเดียวต้องการพูดเรื่องอะไร

เขารู้สถานการณ์เฉพาะของผู้ป่วยทั้งสองดีกว่าใครๆ และชายตาเดียวก็รู้เช่นกัน

คนทั้งสองสามารถทำให้ชายตาเดียวกลายเป็นอัมพาตได้ชั่วคราว นี่เป็นความอัปยศครั้งใหญ่ของเขา มันไม่มีทางที่เขาจะลืมเรื่องนี้ไปได้

คนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเอี๋ยนไห่กลับพ่ายแพ้ให้กับผู้ป่วยทางจิตสองคนอย่างน่าอับอาย

“ใช่ ผมได้พิจารณาอย่างชัดเจนแล้ว ผมแค่อยากจะบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมจะพาพวกเขาไปทันที” ชายตาเดียวกล่าว

คลิก!

ผอ.ฮ่าวทิ้งซิการ์ในมือลงบนพื้น จากนั้นจึงหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากปัดฝุ่นที่ที่ใส่บุหรี่ออกเขาก็เอามันไปเก็บไว้ในลิ้นชักอย่างทะนุถนอมก่อนจะกล่าวว่า

“คุณจริงจังเหรอ”

ชายตาเดียวมองไปที่ดวงตาของผอ.ฮ่าวและเริ่มลังเลอีกครั้ง พูดกันตามตรงเรื่องนี้มันทำให้เขายากที่จะทำใจยอมรับจริงๆ

“ดูเหมือนว่าคุณจะดีใจที่ผมพาพวกเขาออกไปจากที่นี่?”

ชายตาเดียวไม่ตอบคำถาม แต่เขาเลือกที่จะย้อนถามกลับในสิ่งที่เขาสนใจ

ผอ.ฮ่าว ถอนหายใจ “เรื่องนี้มันค่อนข้างพูดยาก พวกเขาสร้างปัญหาให้ผมไม่น้อยก็จริง แต่พวกเขาก็อยู่ที่นี่กับผมมานานมากเกินไป โดยเฉพาะหลินฟ่านที่ผมคิดว่าเขาเป็นลูกชายของตัวเองด้วยซ้ำ”

“นั่นคือวิธีที่คุณปฏิบัติต่อลูกชายของตัวเอง ไร้สาระน่า คุณไม่ได้มองเขาแบบนั้นสักหน่อย” ชายตาเดียวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เรื่องนี้มันช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะเขาไม่ใช่คนปกติดังนั้นผมจึงต้องปฏิบัติต่อเขาให้แตกต่างจากคนปกติทั่วไป ตอนนี้คุณกำลังพาพวกเขาออกไปข้างนอก แม้ว่าผมจะดีใจแต่ผมก็รู้สึกเศร้าไม่น้อย”

ชายตาเดียวมองไปที่ ผอ.ฮ่าวและกล่าวว่า

“ลืมมันไปเถอะ ผมไม่อยากคุยกับคุณ ผมจะขอยืมสองคนนั้นก่อน หากพวกเขาทำได้ค่อนข้างดีผมจะกลับมาปรึกษากับคุณอีกครั้ง”

ท้ายที่สุดเขาลงมือบนเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ

สำหรับชายตาเดียว เขาคิดว่าเขาสามารถควบคุมผู้ป่วยทั้งสองได้อย่างแน่นอน

“คุณเป็นหัวหน้าของแผนกพิเศษที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายเพื่อปกป้องประชาชนทุกคนในประเทศ ผมฮ่าวเหรินในฐานะผอ. ของโรงพยาบาลจิตเวชชิงซานรู้สึกซาบซึ้งใจในการเสียสละของพวกคุณเป็นอย่างมาก”

ผอ.ฮ่าวกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง

หลังจากนั้นเขาก็รีบหยิบเอกสารเตรียมไว้หลายวันแล้วออกมาก่อนจะมอบให้ชายตาเดียวด้วยรอยยิ้ม

“เซ็นสัญญาก่อน เรื่องนี้มีความจำเป็นจริงๆเพราะผมเป็นผู้อำนวยการของที่นี่หากมีผู้ป่วยสูญหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุมันอาจจะเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควร”

ผอ.ฮ่าวกระซิบ ทัศนคติของเขาตอนนี้ดีขึ้นกว่าปกติมาก

ชายตาเดียวไม่ได้รับเอกสาร แต่เลือกที่จะถามว่า

“ถ้าผมไม่เซ็นคุณจะไม่มอบพวกเขาให้ใช่ไหม”

“ถ้าคุณไม่เซ็น ผมก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ” ผอ.ฮ่าวกล่าวด้วยสีหน้าละอายใจ

ชายตาเดียวเหลือบมองเขาอีกครั้งแล้วพูดว่า

“อย่ามาหลอกผมจะดีกว่า ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องการให้ผมพาพวกเขาออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ต่อให้ผมไม่เซ็นผมก็ยังสามารถพาพวกเขาออกไปได้อยู่ดี”

“ไม่เซ็นก็ไม่เซ็น ไปดูพวกเขากันเถอะ เดี๋ยวผมจะให้คนของผมเตรียมรถไปส่งพวกคุณด้วย” ผอ.ฮ่าวกล่าว

สิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจตอนนี้คือรีบส่งผู้ป่วยทั้งสองคนให้ไปกับชายตาเดียวอย่างรวดเร็ว

อย่างน้อยๆก็ขอให้โรงพยาบาลจิตชิงซานสงบสุขสักวันก็ยังดี

ชายตาเดียวครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตัดสินใจมาโรงพยาบาลจิตเวชเพื่อขอตัวคนไข้ทั้งสอง

สิ่งที่ไม่รู้จักนั้นมีเสน่ห์เสมอ เขายังต้องการที่จะเข้าใจคนทั้งสองให้มากกว่าที่เป็นอยู่

ผอ.ฮ่าวกล่าวว่า "คุณต้องปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี แม้ว่าบางครั้งพฤติกรรมของพวกเขาจะค่อนข้างแปลก แต่คุณไม่จำเป็นต้องเอาจริงเอาจังกับมัน เมื่อคุณเปิดใจ สุดท้ายคุณจะสัมผัสได้ถึงความน่ารักของพวกเขา"

ชายตาเดียวเพิกเฉยฮ่าวเหริน คำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด

"อะไร!"

"พวกเขากำลังทำอะไร?"

ผอ.ฮ่าวตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นกลุ่มผู้ป่วยรวมตัวกันที่นั่น

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด