ตอนที่ 12 เลือดที่เลอะมือ(อ่านฟรี)
ตอนที่ 12 เลือดที่เลอะมือ
ก่อนจะเปิดฟังก์ชันของระบบขึ้นมา
‘เริ่มจากนี่ก่อนเลย’ ลูอิสเข้าไปที่ข้อมูลตัวละคร พาราดิน ก่อนจะเริ่มทำการอัพเลเวลในทันที
“ติ้ง!”
“ผู้เล่นทำการอัพเลเวล ต้องการพลังงานศรัทธา 500 แต้ม”
“ผู้เล่นอัพเลเวลเป็น lv.3”
“+3 แต้มศักยภาพ, +3 แต้มสถานะ, +10 พลังงาน +1 พลังชีวิต”
ไม่รอช้าลูอิสใส่แต้มสถานะทั้งหมด 3 แต้มลงไปที่ค่าพละกำลังทั้งหมด และใช้แต้มศักยภาพที่พึ่งได้มาและของเก่าที่มีรวมกันแล้ว 7 แต้มเพื่อเรียนรู้ทักษะ [พลังโทสะของผู้ศรัทธา lv.1] และ [พุ่งชน lv.1] ของพาราดินทันที
[พลังโทสะของผู้ศรัทธา lv.1] ออร่าเพิ่มพละกำลังให้กับผู้ใช้เองและเป้าหมายเป็นอย่างมากในระยะ 3 เมตร เป็นเวลา 3 นาที ใช้พลังงาน 2 หน่วย ใช้ 2 ศักยภาพในการเรียนรู้ ใช้ 4 แต้มศักยภาพในการพัฒนาเป็น lv. 2
[พุ่งชน lv.1] พุ่งชนเข้าใส่ศัตรู เคลื่อนที่เข้าหาศัตรูด้วยความเร็วสูงและสร้างแรงกระแทกและความเสียหายให้กับศัตรูอย่างรุนแรง ใช้พลังงาน 4 หน่วย ใช้ 3 ศักยภาพในการเรียนรู้ ใช้ 6 แต้มศักยภาพในการพัฒนาเป็น lv. 2
...
หลังจากเพิ่มค่าสถานะและเรียนทักษะใหม่เขาสัมผัสได้ถึงพละกำลังที่เพิ่มมากขึ้นและทักษะที่เรียนรู้มา แต่เขารู้ว่ายังไม่พอ เพราะยังขาดอาวุธอยู่
‘มีเวลาไม่มากแล้ว’
ลูอิสรีบเปิดร้านค้าระบบและใช้พลังงานศรัทธาซื้อดาบสั้นทั่วไปในราคา 1000 พลังงานศรัทธาทันที ดาบสั้นทั่วไปเป็นอาวุธในร้านค้าระบบที่ราคาถูกที่สุดที่เขาสามารถซื้อได้ และข้อจำกัดในการใช้ก็ตรงกับที่เขาพอดี
[ดาบสั้นทั่วไป ระดับต่ำ] ทำมาจากเหล็กทั่วไป ต้องการพละกำลัง 8 หน่วยเพื่อสวมใส่
‘ตอนนี้ค่าสถานะ พละกำลังของฉันมาถึง 10 แล้ว’
‘เหลือพลังงานศรัทธาเพียง 360 แต้มเท่านั้นและแต้มศักยภาพอีก 1 แต้ม ที่เหลือไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว’ เขาสูดหายใจเขาลึกและรอคอยศัตรู
ลูอิสไม่ได้เอามีดสั้นทั่วไปออกมาในทันที แต่เริ่มจากการใช้ออร่าใส่ตัวเองก่อน
“พลังโทสะของผู้ศรัทธา”
ทันทีที่ใช้ทักษะพลังโทสะของผู้ศรัทธาก็มีวงแหวนสีทองปรากฏออกมาจากใต้ฝ่าเท้าก่อนจะขยายไปรอบตัวเขาและยกขึ้นมาปกคลุมไปทั้งตัวของลูอิส มันคล้ายกับภาพโฮโลแกรมไม่มีผิด
ด้านในวงแหวนมีลวดลายที่ยากจะอธิบายอยู่ด้วย แต่ขณะเดียวกันก็ดูสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ในเวลาเดียวกัน
หลังจากปรากฏวงแหวนในเสี้ยววินาทีต่อมาตัวของลูอิสก็มีอาร่าปกคลุมและสัมผัสได้ว่าพละกำลังของเขาเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก
‘3 นาทีที่ผลของทักษะพลังโทสะของผู้ศรัทธาจะแสดงผล แค่นี้ก็เกินพอแล้ว’ ทารกน้อยลูอิสกัดฟันแน่จ้องมองไปทางที่เขาเคยวิ่งมา
จังหวะเดียวกันนั้นชายอพยพก็มาถึงยังจุดที่ลูอิสรออยู่ มันหอบหายใจจากความเหนื่อยในการวิ่งไล่ตาม แต่เมื่อเห็นตัวของเด็กทารกที่ไม่มีทางหนีไปได้อีก เพราะทางเดินที่ถล่มลงมา จึงเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความยินดี
“ถุย! ไอ้เด็กเวรหนีเก่งนักนะ หมดทางไปแล้วสิ”
“มาให้จับซะดี ๆ จากนั้นจะได้ทำให้แม่ของแกยอมแพ้ซะที”
ชายอพยพถุยน้ำลายลงพื้น ก่อนจะทาทางเดินเข้ามาหาลูอิส ลูอิสไม่ตอบโต้อะไร เพียงแต่ยืนอยู่นิ่ง ๆ ทำตัวราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา
“นั่นแหละเด็กดี ไอ้หนู มานี่มา น้าไม่ทำอะไรหรอก” ชายอพยพยิ้มจนตาหยี พยายามเรียกลูอิส เพราะกลัวเขาจะคลานหนีไปอีก
‘หึ คิดว่าฉันอายุขวบเดียวหรือยังไงกัน’ ลูอิสจ้องด้วยความเย็นชา ก่อนจะลงมือในทันที
ขณะที่ชายผู้อพยพกำลังจะเดินเข้าไปมากกว่านี้ ตอนนั้นเองเด็กทารกเบื้องหน้าของเขาก็หายตัวไปในพริบตาและกว่าจะรู้ตัวว่าเด็กทารกที่ไร้เดียงสานั้นพุ่งเข้าหาตัวเองก็สายเกินไปแล้ว
“อะไรกัน!” ชายอพยพตกใจมากกับสิ่งที่เห็น แต่ก่อนจะได้ทันตอบสนองเขาก็รู้สึกเจ็บที่ท้องเป็นอย่างมากพร้อมกับตัวที่ลอยกระเด็นไปกระแทกเข้ากับผนังทางเดิน
“มันเกิด...อะไร..ขึ้นกัน! อั๊ก!” ชายผู้อพยพไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างมันเร็วมากตั้งแต่ที่เด็กทารกนั้นหายไปต่อหน้าต่อตา ก่อนที่ตนเองจะลอยกระเด็นมาแบบนี้ แถมตอนนี้เขาก็มึนหัวและตาลายเป็นอย่างมาก
“เลือด...ไม่ ๆ” ชายอพยพจับไปที่ท้องตามสัญชาตญาณ ก่อนจะเจอเข้ากับเลือดที่ทะลักไหลออกมาจากบาดแผล ชายอพยพพยายามใช้มือกดแผลด้วยความหวาดกลัว ตัวของมันเริ่มเย็นขึ้นจากการเสียเลือดมากเกินไป แถมก็ยังกระอักเลือดออกจากปาก ซึ่งเป็นเลือดจากบาดแผลที่ไหลเข้าทางหลอดลม ทำให้มันหายใจติดขัดอยู่สองสามครั้งก็แน่นิ่งไป
ตั้งแต่ลูอิสใช้ทักษะพุ่งชนเข้าใส่พร้อมกับแทงด้วยดาบผ่านไปแค่ 2 วินาทีเท่านั้น ก็ตัดสินความเป็นตายเสร็จสิ้นแล้ว
ทารกน้อยลูอิสกำลังมองชายผู้อพยพที่แววตาไร้ซึ่งสัญญาณชีวิตนอนตายพิงกำแพงทางเดินอยู่ ขณะที่สองมือน้อย ๆ ยังคงถือดาบสั้นไว้ด้วยอาการสั่นไหวเบา ๆ
“บ้าจริง ฆ่าไปซะแล้ว ฉันฆ่าคนไปซะแล้ว” ลูอิสพึมพำออกมาด้วยใบหน้าตกใจเล็กน้อย แม้ต่อให้เขาจะรู้ว่าสถานการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้นตั้งแต่ตัดสินใจสู้แล้ว แต่พอเจอเหตุการณ์จริงเขามันกลับทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึก ๆ
ลูอิสรู้สึกจุกที่คอราวกับนมที่ดื่มไปเมื่อเช้าจะตีย้อนขึ้นมาจนเขาอ้วก โชคดีที่ลูอิสนั้นกลืนมันลงทัน
เขามองไปที่ดาบสั้นในมือที่ยังคงเปื้อนเลือดอยู่ แถมรอบตัวยังมีเลือดกระจายจากแผลตอนที่เขาพุ่งเข้าชนและแทงด้วยดาบสั้นในครั้งเดียวกระเด็นอยู่ทั่วพื้น
‘เจ้านั้นหาเรื่องตายเอง...’
ลูอิสเก็บดาบสั้นเข้าไปช่องเก็บของผู้เล่นทันที พอมองไปที่มือของตัวเองก็เห็นว่าเลอะเลือด เขารีบเช็ดมือกับพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นหวังจะเอาเลือดที่เปื้อนมือออก หลังเช็ดมือกับฝุ่นทำให้เลือดบางส่วนหลุดออกไปแล้ว แต่ลูอิสกับรู้สึกว่าเลือดที่ติดอยู่นั้นมันไม่ออกไปเลยแม้แต่น้อย
‘เดี๋ยวสิ ฉันเป็นอะไรไปทำไมหายใจแรงแบบนี้ แถมมือและขาสั่นไม่หยุดเลย อย่าบอกว่าเป็นอาการตกใจเมื่อฆ่าคนนะครั้งแรกแบบในหนัง’ ลูอิสพยายามตั้งสติตัวเอง แต่ก็เป็นเรื่องยากมาก เพราะร่างกายเด็กทารกของเขานั้นไม่ฟังตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งมาทางที่เขาอยู่
‘ซวยแล้วไง ยังมีตามมาอีก ขยับตัวสิ ลุกขึ้นสิลูอิส’ เขาพยายามบอกกับตัวเองซ้ำ ๆ เพื่อจะได้ขยับตัวไหว
“ลูอิส!”
“ลูอิส! ลูกอยู่ไหน”
ลูอิสที่กำลังสงบสติตัวเองพอได้ยินเสียงแอนเดรียก็เข้าใจทันทีว่าคนที่ตามมาไม่ใช่พวกผู้อพยพที่หักหลังเขา แต่เป็นแอนเดรียแม่ของเขาในโลกใบนี้
แอนเดรียที่ถือมีดซึ่งเต็มไปด้วยเลือดวิ่งตามมาด้วยความร้อนใจ
เมื่อมาถึงก็เห็นว่าตอนนี้ลูอิสกำลังนั่งอยู่บนพื้นที่เต็มไปได้ด้วยเลือด ด้านข้างมีศพของชายอพยพที่ไล่ตามมานอนตายอนาถอยู่ เธอไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น แต่รีบเข้าไปกอดลูอิสไว้แน่น
“ลูกไม่เป็นอะไร แม่ขอโทษ ๆ” แอนเดรียกล่าวโทษตัวเองอยู่แบบนั้น
ลูอิสหลังจากที่ตั้งสติได้ อาการตัวชายที่เกิดขึ้นก็หายไปเช่นกัน เด็กน้อยมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยการกล่าวโทษต่อตนเอง
‘นี่คือความอบอุ่นอย่างนั้นเหรอ’ ลูอิสยื่นมือไปที่ใบหน้าของแอนเดรีย ก่อนจะใช้ปลายนิ้วน้อย ๆ เช็ดน้ำตาของแอนเดรีย และกล่าวออกมาเป็นคำแรก
“ท่านแม่” เขาไม่ใจว่าความจะแตกหรือไม่เรื่องที่เขาพูดได้ ตอนนี้สิ่งที่ลูอิสอยากจะทำคือเรียกหญิงที่รักเขาสุดหัวใจโดยไร้เงื่อนไขว่าแม่ก็เท่านั้น
แอนเดรียไม่ได้เผยสีหน้าตกใจหรือหวาดกลัว เธอเพียงเช็ดน้ำตาและยิ้มออกมา ก่อนจะกล่าวว่า “เราไปกันเถอะ”
หลังจากนั้นหญิงสาวก็ยื่นมือไปจะอุ้มลูอิส แต่เห็นว่ามือของเธอนั้นเปื้อนเลือดอยู่ จึงเช็ดมือกับชายกระโปรง เพราะกลัวเลือดที่มือจะเลอะตัวลูอิส แม้ตัวของลูอิสจะมีเลือดเลอะอยู่แล้วก็ตาม
แอนเดรียอุ้มลูอิสขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนี้ ทารกน้อยลูอิสกอดแอนเดรียและปล่อยให้เธออุ้มเขาออกไป
...
เมื่อกลับมาจนถึงโถงหลักของอาคาร ลูอิสก็เห็นว่าสถานที่นี่นั้นเต็มไปด้วยศพ โดยมีพ่อบ้านชราเฟรดที่ยืนรอพวกเขาอยู่ในสภาพตัวเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด
“นายหญิง นายน้อยไม่เป็นอะไรนะขอรับ” พ่อบ้านเฟรดถามด้วยความรู้สึกผิด ขณะที่พยายามยืนให้ตรง โดยใช้ดาบยันตัวเองไว้
“อืม ลูอิสเป็นอะไร” แอนเดรียไม่ได้พูดเรื่องที่เกิดขึ้นในทางเดินนองเลือดแห่งนั้น เพียงตอบไปสั้น ๆ เท่านั้น
‘เฮ้อ...ดูเหมือนฉันจะรอดแล้ว พ่อบ้านเฟรดกลับมาช่วยไว้ได้ทันสินะ’
‘เจียน่าละ’
ทารกน้อยลูอิสเอาหน้าออกจากอกของแอนเดรีย ก่อนจะกวาดตามองไปรอบด้าน นอกจากศพแล้วเขาก็เห็นว่ามีเด็กสาวเปื้อนเลือดกำลังนั่งคร่อมหญิงสาวที่เคยกระทืบท้องของเธออยู่ ในมือของแอนเดรียมีเหล็กแหลมยาวประมาณครึ่งไม้บรรทัดอยู่
เด็กสาวไม่พูดจาเอาแต่กำเหล็กแหลมในมือและแทงใส่ศพที่ตายแล้วของหญิงคนนั้นซ้ำไปมา
แอนเดรียก็เห็นด้วยเช่นกัน เธอไม่รอช้าเดินเข้าไปหาเด็กสาว มือหนึ่งอุ้มลูอิสอีกมือยื่นไปจับมือเด็กสาวที่กำลังแทงศพ
“ไปกันเถอะ มันจบแล้ว” แอนเดรียกล่าวเสียงเบา ๆ
เจียน่าในตอนนี้ไม่ได้ร้องไห้แต่แววตาก็เต็มไปด้วยความเศร้า เธอเพียงพยักหน้าตอบ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยสภาพอ่อนแรงและกำเหล็กในมือแน่น ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับแอนเดรียและลูอิส โดยมีพอบ้านชราเฟรดที่ใช้ดาบพยุงเดินตามมาด้านหลัง
ทุกคนเดินจากมาจากที่แห่งนั้นพร้อมกับของที่ยังใช้ได้ โดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เพียงเหลือซากศพไว้ด้านหลังเท่านั้น
...