537 - การโจมตีภูเขาสีม่วงครั้งที่สาม
537 - การโจมตีภูเขาสีม่วงครั้งที่สาม
เสียงระฆังลากยาวสั่นสะท้านวิญญาณของผู้คนในเมืองศักดิ์สิทธิ์ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่
“สำเร็จหรือล้มเหลว?”
“ผลเป็นอย่างไรบ้าง”
นี่คือคำตอบที่ทุกคนอยากรู้อย่างยิ่ง จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ปราศจากจุดเริ่มต้นเขย่าโลกใบนี้ทั้งในอดีตและปัจจุบัน มรดกของเขาส่งผลต่อหัวใจของทุกคน
นี่คืออิทธิพลของบุคคลหนึ่งแม้ว่าจะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตามเมื่อมีข่าวเกี่ยวกับเขา มันจะครอบงำทุกสิ่งทุกอย่างและกลายเป็นจุดสนใจเพียงอย่างเดียว
แม้ว่าทายาทของราชาอมตะจะปรากฏตัวในเมืองศักดิ์สิทธิ์ และทุกคนก็ได้เห็นมันด้วยตาของพวกเขาเอง แต่ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับข่าวของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ปราศจากจุดเริ่มต้นได้
“ภูเขาม่วงเปิดออกหรือไม่”
“ความลับของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่โบราณมีผู้คนได้ครอบครองหรือยัง”
ณ ตอนนี้. ผู้คนประหม่าและคาดหวังอยากรู้ผล
สำหรับผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสิ่งใดสำคัญมากไปกว่านี้ พวกเขาต้องการมรดกของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มันมาแต่พวกเขาก็ไม่ต้องการให้คนอื่นได้เช่นกัน
“อย่าบอกนะว่าล้มเหลวอีกแล้ว?”
“หวังว่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราจะไม่เป็นอันตราย”
เด็กรุ่นเยาว์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายคนต้องทนทุกข์ทรมานทางจิตใจเพราะเกรงกลัวข่าวร้าย โดยเฉพาะผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง
ก่อนหน้านี้บุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาก็ถูกจับตัวไปแล้ว หากปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ได้รับอันตรายบางอย่าง การตกต่ำลงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาคงเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง
ผ่านไป 1 ชั่วยาม ข่าวที่ทำให้เมืองศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือนก็ปรากฏขึ้น
แคว้นภาคกลาง ร้อยนิกาย ตระกูลขุนนางโบราณและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้เริ่มใช้อาวุธเต๋าสุดขั้วทั้งหมดห้าชิ้น ซึ่งมากกว่าที่คาดเดาไว้ก่อนหน้านี้
เตาเทพสุริยันของตระกูลเจียง กระจกแห่งความว่างเปล่าของตระกูลจี้ หม้อมังกรสวรรค์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง อาวุธเต๋าสุดขั้วทั้งสามชนิดที่เข้าสู่โลก
นอกจากนี้สองแคว้นภาคกลางก็นำพาอาวุธเต๋าสุดขั้วของพวกเขามาด้วยเช่นกัน
แม้แต่ในยุคที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เวลาที่โลกเปื้อนเลือดและเต็มไปด้วยภูเขากระดูก อาวุธเต๋าสุดขั้วก็ใช่ว่าจะมีมากกว่านี้สักเท่าไหร่
อาวุธเต๋าสุดขั้วห้าชิ้นเข้าสู่โลกด้วยกัน พลังของมันแทบจะไม่สามารถจินตนาการได้
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ได้กลับทำให้เกิดความสับสน ภูเขาสีม่วงไม่ได้ถูกรื้อถอนจนราบคาบ มันยังยืนอยู่ตรงนั้นอย่างองอาจสง่างาม
เวลานี้อาวุธเต๋าสุดขั้วทั้งห้าถูกใช้ออก ผลสำเร็จสูงสุดเพียงแค่ทำให้ประตูของภูเขาสีม่วงเปิดขึ้น และผู้คนสามารถเข้าไปข้างในได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวที่สุดกลับเป็นระฆังปราศจากจุดเริ่มต้นที่อยู่ในภูเขา
ตามคำพูดของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ตระกูลจี้ที่บอกว่า เพียงระฆังปราศจากจุดเริ่มต้นชิ้นเดียวกับสามารถต่อต้านอาวุธเต๋าสุดขั้วห้าชิ้นได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเสียงระฆังดังขึ้นไม่กี่ครั้งอาวุธอันยิ่งใหญ่ทั้งห้าก็หมดอานุภาพในทันที!
นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากแค่ไหน?
“ครั้งนี้ล้มเหลวอีกแล้วหรือ พวกเขากลับมาโดยไม่มีความสำเร็จใดๆเลยเหรอ?”
หัวใจของทุกคนเต้นระรัว หากล้มเหลวในครั้งนี้การที่จะได้รับมรดกของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ปราศจากจุดเริ่มต้นคงไม่มีความหวังอีกแล้ว
“ยังไม่แน่ใจนัก”
ปรมาจารย์ศักสิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่กลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บ แต่การโจมตียังไม่จบเพียงแค่นั้น เพียงแต่คนที่รับหน้าที่ต่อก็มีเพียงผู้สูงสุดที่เหลืออยู่ไม่กี่คน
ผู้ที่รับหน้าที่ต่อนั้นทั้งหมดล้วนเป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่ก้าวเข้าสู่ช่วงท้ายของชีวิต
แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่สามารถเทียบกับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ และความหวังที่จะได้รับคัมภีร์ปราศจากจุดเริ่มต้นยิ่งน้อยลงไปอีก
หากพวกเขาประสบความสำเร็จมันจะทำให้พวกเขามีโอกาสต่อชีวิตของตัวเองไปด้วย แต่หากพวกเขาล้มเหลวก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลายเป็นเถ้าถ่าน
“พวกเขาไม่กลัวที่จะสูญเสียสุดยอดอาวุธเต๋าในภูเขาสีม่วงหรือ?”
"ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้เตรียมการอย่างละเอียดแล้ว อาวุธเต๋าสุดขั้วของพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติจากบรรพบุรุษ พวกเขามีวิธีการเรียกมันกลับมาอย่างแน่นอน"
ในขณะเดียวกันจักรพรรดิจากแคว้นภาคกลางก็ถอนตัวจนหมดสิ้นเหลือไว้แค่กลุ่มชายชราที่ใกล้จะเข้าโลงเพียงไม่กี่คน
“ข้าเชื่อว่าด้วยความทุ่มเทของชายชราเหล่านั้น สุดท้ายพวกเขาจะสร้างปรากฏการณ์ที่น่ากลัวอย่างแน่นอน”
ชาวดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกคนต่างตั้งตารอ พวกเขากำลังรอข่าวการถล่มทลายของแผ่นดิน
การโจมตีบนภูเขาสีม่วงยังคงดำเนินต่อไป แต่นั่นก็เป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆเท่านั้น ความแข็งแรงของภูเขาสีม่วงยังคงมีอยู่อย่างชัดเจน หลังจากที่ปรามาจารศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายถอนตัวความหวังยิ่งลดน้อยถอยลงไปอีก
คำถามที่ใหญ่ที่สุดคือสิ่งใดเป็นตัวควบคุมระฆังปราศจากจุดเริ่มต้น มันสามารถปลดปล่อยคลื่นเสียงของระฆังที่น่าสะพรึงกลัวออกไปด้วยตัวมันเองได้หรือไม่?
นี่ดูไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่ ท้ายที่สุดมันก็สามารถบดขยี้อาวุธเต๋าสุดขั้วห้าชิ้นได้อย่างง่ายดาย อย่างน้อยๆสิ่งที่ควบคุมมันอยู่ก็น่าจะเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สักอย่าง
เมืองศักดิ์สิทธิ์กำลังโหมกระหน่ำและใช้เวลานานกว่าจะสงบลง
ผู้คนเชื่อว่าถ้าไม่มีอุบัติเหตุครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น เหตุการณ์ในภูเขาสีม่วงจะต้องมีข้อสรุปในวันนี้! การโจมตีภูเขาม่วงเป็นครั้งที่สามจะสำเร็จหรือล้มเหลวย่อมมีผลชัดเจน
แต่ในลานพนันหินคนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ออกไป หลังจากที่เข้าใจพายุภูเขาสีม่วงแล้ว พวกเขาต้องการดูว่ามหาสงครามการเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จากสิ้นสุดลงอย่างไร
“วู้...
เสียงร้องไห้ที่สั่นสะเทือนจิตใจยังคงดังอยู่ในสวนหิน แม้ว่าผู้คนจะไม่ได้มองดูก็รู้ว่าสิ่งที่ร้องไห้คือหนอนไหมสวรรค์สีทองตัวนั้น
"เสี่ยวไฉอย่าร้องไห้ ... " แม่ชีชุดขาวโน้มน้าวใจมันเบาๆ
จี้จื่อเยว่ก็ปลอบโยนจากด้านข้างเช่นกัน นางหยิบต้นกำเนิดสวรรค์ชิ้นเล็กๆสองสามชิ้นออกมาจากกระเป๋าหนังที่อยู่ข้างเอวเพื่อป้อนให้กับอสูรตัวน้อย
อสูรตัวน้อยสีทองเพิกเฉยต่อต้นกำเนิดสวรรค์ มันสะอื้นไห้และเรียกชื่อหญิงสาวเบาๆ นั่นเป็นภาษาที่เก่าเกินไป ไม่มีใครในนี้สามารถเข้าใจได้
ในทางกลับกันเย่ฟ่านไม่ได้มีความเศร้าโศกน้อยไปกว่าหนอนไหมสวรรค์
ลิงอสูรตัวนั้นหอบต้นกำเนิดสวรรค์ที่มีน้ำหนักมากสิบล้านจินของเขาจากไป มันจะทำให้เขาทำใจยอมรับได้อย่างไร
“ไอ้ลิงสาระเลว เรื่องนี้ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าอย่างแน่นอน! พวกเรามีชะตากรรมต้องเป็นศัตรูกันแล้ว เมื่อเจ้าอยู่ในมือของข้า มันจะเป็นวันตายของเจ้า!”
ในเวลานี้เขาไม่ได้ปิดบังความเกลียดชังที่อยู่ในใจและเลือกที่จะสาปแช่งออกมาตรงๆ ความเสียหายครั้งนี้มันเกินกว่าที่เขาจะรักษาความสงบได้
ในเวลาเดียวกันเขายังสงสัยอยู่ว่าทำไมเลือดในร่างกายของเขาจึงสูบฉีดเร็วขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับเทพวานร? หรือว่าอสูรตัวนั้นก็เป็นร่างศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
“ไอ้สาระเลวน้อย เจ้าร่วมมือกับลิงตัวนั้นเพื่อให้มันขโมยต้นกำเนิดสวรรค์และเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ของข้าไป”
ในอีกด้านหนึ่งหนานกงจี้และคนอื่นๆก็เดินเข้ามาและชี้ไปที่เย่ฟ่าน
"เจ้าหมายถึงอะไร?” เย่ฟ่านมองอย่างเย็นชา
“เจ้าลิงที่เจ้าตัดออกมาขโมยสมบัติของข้าไป เรื่องนี้เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร?” หนานกงจี้ถาม
หลี่เหอซุยโกรธหลังจากได้ยินเรื่องนี้และดุว่า "เพียงวานรตัวนั้นก็เกินกว่ามูลค่าสิ่งของที่พวกเจ้าเปิดได้ทั้งหมด ดังนั้นแน่นอนว่าสมบัติที่พวกเจ้าเปิดได้จะต้องเป็นของเรา!"
“สิ่งที่เจ้าเปิดได้เป็นเพียงวานรตัวหนึ่ง ส่วนของเราคือเทพธิดา ความล้ำค่านั้นไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ เด็กน้อยเจ้าอย่าคิดจะปฏิเสธ!” หนานกงจี้กล่าวอย่างเย็นชา
“หัวลา!”
เย่ฟ่านเตะชิ้นส่วนของสุสานเซียนออกไปด้วยความโกรธ เพียงแค่ต้นกำเนิดชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ก็มีมูลค่ามากกว่าต้นกำเนิดบริสุทธิ์ 500,000 จินแล้ว
"รีบมอบสมบัติของพวกเจ้ามา อย่าคิดจะปฏิเสธไม่เช่นนั้นจะหาว่าพวกเราโหดร้ายไม่ได้!" ศิษย์รุ่นเยาว์ของตระกูลขุนนางโบราณเริ่มข่มขู่
หลี่เหอซุยเลิกคิ้วและพูดว่า “เจ้าคิดว่าผู้ใดจะกลัวเจ้า เพียงแค่ยากิเลนศักดิ์สิทธิ์ของเราก็มีมูลค่ามากกว่าเทพธิดาของเจ้าแล้ว พวกเจ้าต่างหากที่ต้องมอบสมบัติมาให้เรา!”
หนานกงจี้ยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุด เขาส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะกล่าวว่า
"แม้ว่าเจ้าจะได้รับยาศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบ แต่มันก็ไม่มีทางที่จะมีมูลค่ามากกว่าเทพธิดาของข้า!”
หลี่เหอซุยได้ยินสิ่งนี้ก็ยิ้มอย่างโกรธจัดและพูดว่า
“พลิกขาวเป็นดำ ไม่ต้องพูดถึงยาวิเศษของพวกเรา เพียงทายาทของราชาอมตะ เทพธิดาของเจ้าก็ไม่มีวันเทียบได้แล้ว”