ตอนที่ 8 ที่มาของพลัง(อ่านฟรี)
ตอนที่ 8 ที่มาของพลัง
ตั้งแต่เข้าร่วมกลุ่มผู้อพยพของซาฟ ก็ผ่านมาสองวันแล้ว ตอนนี้พวกเขาออกเดินทางกันอีกครั้ง พร้อมกับค้นหาสิ่งของตามซากอาคารที่เป็นประโยชน์ไปด้วย ซึ่งมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ลูอิสแปลกใจไม่น้อย นั้นก็คือ อาหารกระป๋อง ที่มีมาตั้งแต่ยุคก่อนหน้าจนถึงยุคล่มสลายและก็ลากยาวมาจนถึงทุกวันนี้ แต่มันก็ยังไม่หมดอายุ
ลูอิสไม่แน่ใจว่าหลังวันสิ้นโลกในโลกใบนี้ผ่านมานานแค่ไหนแล้ว แต่เขาคิดว่าคงจะนับร้อย ๆ ปีแล้วถ้าดูจากซากอาคารต่าง ๆ เขาจึงสรุปว่าวิทยาการด้านอาหารของโลกในยุคนั้นคงจะอยู่สูงกว่าโลกเดิมของเขาพอควร
อาหารกระป๋องหนึ่งชิ้นนั้นมีค่ามาก เพราะหลังจากเจอพวกเขาเลือกจะเก็บไว้ ไม่ได้เอาออกมากิน ซึ่งลูอิสแอบฟังคนพวกนั้นพูดคุยกันพอทำให้รู้ว่าพวกเขาคิดจะเก็บไว้เอาไปขายให้กับพวกพ่อค้า ซึ่งพ่อค้าก็จะเอาไปขายต่อให้พวกขุนนางของเมืองนั้น ๆ
การทำแบบนี้หลังจากพวกเขาไปถึงก็จะมีเงินมากพอให้เริ่มชีวิตใหม่ได้
นอกจากการกินนม นอนและเก็บพลังงานศรัทธาแล้ว เขาก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นอีก เนื่องจากมีคนมากเกินไปและก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เขาต้องลงมือด้วย
สุดท้ายลูอิสจึงเปลี่ยนมาเป็นสังเกตเด็กสาวอย่างเจียน่าแอน
‘ตั้งแต่ได้รับการช่วยเหลือมา เจียน่าก็อยู่กับพวกเรามาตลอดแต่เธอก็ยังไม่มีแต้มศรัทธาต่อฉันแม้แต่น้อย ตอนนี้แหล่งแต้มศรัทธามาจากแอนเดรียและพ่อบ้านชราเท่านั้น รวมแล้วสองวันและของเก่าด้วยก็ได้เพียงแค่ 450 พลังงานศรัทธาเท่านั้น’
‘บางทีฉันควรจะลงมือทำอะไรสักอย่าง’ ทารกน้อยลูอิสมองไปที่เจียน่าด้วยสายตาเป็นประกาย ในตอนนั้นพ่อบ้านชราก็หันมามองเขา ทำให้ลูอิสต้องทำดวงตาใส่ซื้อและขยับมือไปมาก่อนจะเอามือเข้าปากแทน
“ลูอิสลูกจะดูดมือแบบนั้นไม่ได้นะ” แอนเดรียจับมือของลูอิสออก ก่อนจะยิ้มให้กับเขา
เจียน่าที่เดินอยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกสนใจในทารกน้อยลูอิสเช่นกัน ยากมากในวันสิ้นโลกแบบนี้ที่จะเห็นเด็กทารก โดยเฉพาะในพื้นที่อันตรายแบบนี้
“ลองอุ้มดูไหม” แอนเดรียถามเจียน่า
“หนูอุ้มได้เหรอคะ” เจียน่าถามอย่างลังเลด้วยน้ำเสียแผ่วเบา
“ได้แน่นอน” แอนเดรียยิ้มให้กับเธอ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อยและค่อย ๆ ประครองทารกน้อยลูอิสส่งให้กับเจียน่า
เด็กสาวรับทารกน้อยลูอิสมาก่อนจะอุ้มด้วยความระวังเพราะกลัวว่าจะทำให้ลูอิสเจ็บ
‘เธออุ้มฉันถึงกับต้องเกร็งขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย...ยังไงซะแอนเดรียก็อุ้มได้สบายที่สุดแล้ว สมกับที่เป็นแม่ของฉันในโลกนี้แหละนะ เอ๊ะ! ได้เวลานอนแล้วอย่างนั้นเหรอ’ ทารกน้อยลูอิสหาวออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะหลับตานอน ไปทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดของเจียน่า
พอเด็กสาวเห็นทารกน้อยนอนหลับขณะที่เธออุ้ม ก็ยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่เพราะกลัวจะไปรบกวนการนอนของเขา
แอนเดรียเห็นก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนที่เธอจะใช้จังหวะนี้ผ่อนคลายตนเองบ้าง
กลุ่มผู้อพยพของซาฟและพวกแอนเดรียนั้น เดินเท้ากันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในตอนบ่ายก็ได้เจอแหล่งน้ำขนาดเล็กพอให้มีน้ำใช้ดื่มไปอีกสองสามวัน
หลังจากเดินมาทั้งวัน ดวงอาทิตย์ก็ตกเย็นอีกครั้ง พวกเขาหาที่พักกันและสำรวจรอบ ๆ จนมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจึงได้แวะพักผ่อนกัน
เนื่องจากวันนี้เน่าเบื่อลูอิสจึงเลือกนอนทั้งวัน จะตื่นมาก็แค่ตอนที่แอนเดรียกลับมาอุ่มเขาอีกครั้ง
ตกกลางดึก สถานที่นอนของแอนเดรียนนั้นมีเจียน่านอนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยและทางเข้าขวางไว้โดยพ่อบ้านเฟรด ทำให้ด้านในนั้นไม่มีใครเข้ามารบกวนพวกเขา
ลูอิสที่นอนอยู่ข้าง ๆ แอนเดรียในตอนนั้นก็ได้ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะพยายามพลิกตัวออกจากอ้อมแขนของแอนเดรีย ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนและพยายามทรงตัวอยู่สักพัก ทำให้ทารกน้อยลูอิสแอ่นหน้าอแนหลัง ก่อนจะตั้งตัวได้
‘ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนได้โดยไม่ล้ม’ เขายิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจให้กับตัวเอง
‘เอาละ ฮึบ! ย่ะ!’
ลูอิสก้าวขาเดินออกไปอย่างต้วมเตี้ยมตรงไปหาเจียน่าที่ตอนนี้กำลังนอนหลับสนิทอยู่ เมื่อเดินมาถึงเขาก็เอามือสะกิดเด็กสาวสองสามครั้ง
เจียน่าลืมตาขึ้นมาด้วยท่าทีสะลึมสะลือ ก่อนจะใช้มือขยี้ตาและลืมตามองดูว่าใครเป็นคนปลุกเธอก็ทำให้เธอนั้นถึงกับนิ่งไปทันที
ทารกน้อยลูอิสไม่สนใจท่าทีของเด็กสาว เขากลับนั่งลงอยู่ด้านหน้าของเด็กสาวก่อนจะมองดูเธออยู่แบบนั้น เจียน่ารู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มันแปลกเกินไป การที่เด็กทารกทำท่าทีราวกับผู้ใหญ่และนั่งจ้องเธอแบบนี้
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่เธอก็ไม่กล้าร้องตะโกนออกมา อาจจะเพราะกลัวและยังมีความสับสนปนอยู่ด้วยก็ได้
“เรา...มา...ฟุย...กันหน่อยซิ” ลูอิสกล่าวออกมา แม้จะพูดไม่ชัด เพราะลิ้นยังไม่แข็งแรง แต่ก็พอจะฟังเป็นประโยคได้อยู่
ใบหน้าของเด็กสาวกลายเป็นซีดขาว ก่อนจะถอยหลังด้วยความกลัว พร้อมกันยังส่ายหัวไปมาราวกับเจอเธอ
“ซู่! อย่าเสียงดังซิ เดี๋ยวท่านแม่ก็ตื่นหรอก” ทารกน้อยลูอิสทำท่าให้เงียบเสียงลง
เจียน่ายกมือขึ้นมาปิดปากตนเอง ก่อนจะพยายามตั้งสติทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะนั่งลงด้วยท่านั่งลงกับพื้นฝั่งตรงข้ามกับทารกน้อยลูอิส มือทั้งสองวางไปที่หัวเขาและเกร็งจนไม่กล้าขยับตัว
“นายเป็นตัว...ตัวอะไร? ทำไมพูดได้...ได้กัน” เจียน่าถามด้วยความระวัง แต่ก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าตนไม่ควรถาม “อ๊า! ไม่ต้องบอกก็ได้ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น นายต้องการอะไร”
‘เธอคงงงสินะ แต่ก็ไม่แปลกถ้าจะเห็นเด็กทารกลุกขึ้นมาคุยกับตัวเองแบบนี้’
ลูอิสเอียงหัวกับคำถามของเด็กสาว
“นายเป็นปีศาจอันเดดอย่างนั้นเหรอ” สุดท้ายเด็กสาวก็ยังถามขึ้นอีกครั้ง
“ก็แค่เด็กที่ฉลาดกว่าปกติเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก” เขาตอบกลับไปด้วยข้อแก้ตัวที่เตรียมไว้
“เด็กอัจฉริยะ เหลือเชื่อเด็กที่เก่งตั้งแต่เกิดมีอยู่จริง พ่อไม่ได้โกหกฉันจริง ๆ ด้วย” เจียน่าถอนหายใจอย่างโลกอก ก่อนจะมองเด็กทารกด้านหน้าด้วยความสนใจ
‘เอ๊ะ ทำไมเธอเชื่อง่ายจัง หรือว่าโลกนี้มีอะไรแปลก ๆ แบบฉันอยู่ด้วย ที่จริงฉันเตรียมคำอธิบายไว้อีกเยอะเลย แต่ช่างเถอะแบบนี้ก็ถือว่าดี เหมือนตาลุงที่กำลังหลอกเด็กสาวเลยแฮะ’ ทารกน้อยลูอิสกระแอมเบา ๆ ก่อนจะกลับมาเข้าเรื่องอีกครั้ง
“นี่ เธอรู้เรื่องของนักล่ามากแค่ไหน ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม”
“เรื่องของนักล่าอย่างนั้นเหรอ” เด็กสายถามกลับ
“ใช่ แบบพ่อบ้านเฟรดหรือคนแบบซาฟนะ” ลูอิสหันไปชี้ทางหน้าประตูด้วยนิ้วสั้น ๆ ของเขา
“ฉันรู้แต่เรื่องที่พ่อเล่าให้ฟัง แต่ว่ามีเรื่องของนักล่าอยู่บ้าง” เด็กสาวพยายามนึกถึงสิ่งที่พ่อเธอเล่าก่อนนอน
“ไม่เป็นไร รองเล่าให้ฟังหน่อยสิ”
“อืม” เด็กสาวพยักหน้า ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของนักล่า
ส่วนทารกน้อยลูอิสนั้น เขาเอื้อมมือไปจับปลายเท้าของตนเองเพื่อทรงตัวให้นั่งได้นานขึ้น ไม่งั้นอาจจะหงายหลังได้ ขณะที่สายตานั้นมองเด็กสาวรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
“พ่อเคยบอกว่า นักล่านั้นคือคนที่ออกมาสำรวจและตามหาสิ่งของในพื้นที่อันตราย คนพวกนี้จะถูกเรียกว่านักล่า แต่ในบรรดานักล่าจะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่น ๆ พวกเขาคืออัศวิน เพราะได้รับพลังมาจากหินพลังกาย ซึ่งหินมีหลายประเภท บ้างทำให้มีพลังกายสูงขึ้น บ้างมีความเร็วมากขึ้น บ้างก็ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ต่างกันไป และถ้าอยากพัฒนาระดับจะต้องใช้ผลึกแบบเดิมซ้ำ ๆ แต่หินพลังกายนั้นหายากมาก พ่อบอกว่าฉันบังเอิญเจอมันในซากปรักหักพังและทำให้กลายเป็นระดับครึ่งดาว” เด็กสาวเล่าอย่างรวบรัด ในบางครั้งก็จะหยุดและนึก ก่อนจะเล่าต่อ
“พ่อบอกว่าในระดับดาวนั้น ครึ่งดาวก็ไม่ต่างจากคนธรรม แต่ว่าพวกอัศวินนั้นก็เป็นแค่คนที่แข็งแรงกว่าคนทั่วไปเท่านั้น ยังมีคนที่มีพลังอยู่อีกที่เรียกว่า ผู้ครองพลัง พวกเขาบางคนใช้ไฟได้ด้วย สุดยอดเลยใช่ไหม” เด็กสาวพูดออกอย่างรส
“อืมสุดยอดเลย” ทารกลูอิสพยักหน้าตอบกลับไป แต่ในใจกำลังครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง
‘เฮ้ย ๆ โลกนี้ดันมีของแบบนั้นด้วย คนที่ควบคุมไฟได้ บางที่ที่นี่ก็มีระบบพลังของตัวเองเหมือนกัน แบบนี้ฉันยิ่งต้องระวังถ้าเกิดไปมีปัญหาเขาคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน’
‘ว่าแต่ ระดับดาวจะใช่สิ่งเดียวกับในข้อมูลตัวละครนั้นหรือเปล่า ฉันยังอยู่ที่ เกรด 0.3 ดาวเท่านั้น ถ้าใช่แสดงว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งอาจจะอยู่ห่างจากพวกเขาแค่ 0.2 ดาวเท่านั้น’
‘แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจจะไม่ใช่จริง ๆ เพราะพวกนักล่าหรืออัศวินพวกนั้นอาจจะมีค่าสถานะด้านใดด้านหนึ่งสูงเป็นพิเศษก็ได้ ซึ่งจากฉันที่กระจายออกไป’
‘พอพูดถึงเรื่องของหินพลังกายแล้ว หินพวกนั้นจะใช้แบบเดียวกับผลึกค่าสถานะหรือเปล่า บางทีฉันอาจจะลองเอาออกมาให้เจียน่าทดลองใช้ดูก่อน อืมแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน’
ลูอิสตัดสินใจว่าจะดึงเจียน่ามาเป็นพวกและใช้เธอทดสอบดูเรื่องของจากระบบ ว่าเธอจะใช้ได้หรือหรือเปล่า โดยเขาจะเริ่มจากผลึกค่าสถานะพละกำลังก่อน เพราะผลึกสายอาชีพนั้นมีราคาแพงมาก แต่ผลึกค่าสถานะนั้นเขายังพอหาได้จากการสุ่มในร้านค้าระบบและสองวันที่ผ่านมาเขาก็ได้มาชิ้นหนึ่ง
‘ผลึกพละกำลัง +2 ตอนแรกคิดว่าจะใช้กับตัวเอง แต่มาคิดดูถ้าทำให้เธอเป็นพวกของฉันได้ก็จะทั้งคนติดตามและพลังงานศรัทธาในระยะยาว ยังไงก็คุ้มค่า’
ขณะที่ลูอิสมีกำลังไตร่ตรองกับตัวเองอยู่นั้น เจียน่าที่อดไม่ไหวก็ยื่นมือมาจับแก้มของทารกน้อยลูอิสที่น่ารักมากเวลาทำสีหน้าจริงจัง
เจียน่าเลิกกลัวลูอิสแล้วตั้งแต่รู้เขาไม่ได้เป็นปีศาจอันเดด แต่เป็นเด็กอัจฉริยะ
“เลิกหยิบแก้มได้แล้ว เดี๋ยวท่านแม่จะสงสัยเอาได้ถ้าแก้มเป็นร้อย”
“อ๊ะ! ขอโทษด้วย พอดีฉันอดใจไม่ไหว” เจียน่าพูดเสียงอู้อี้ ก่อนจะปล่อยมือจากแก้มของทารกน้อยลูอิส
ลูอิสมองไปที่เด็กสาวอย่างจริงจัง ก่อนจะโบกมือก็ปรากฏว่าในมือของเขานั้นมีของบางอย่างปรากฏออกมา มันคือผลึกสีเหลืองเข้ม เขารีบยื่นไปให้กับเจียน่า แต่เพราะแขนที่สั้นจึงยื่นไปได้เล็กน้อยเท่านั้น
เจียน่าที่เห็นก็งุนงง และอยากรู้ว่าทารกน้อยกำลังทำอะไร แต่พอเธอเห็นของที่อยู่ในมือก็ตกใจเล็กน้อย
“หินพลังกาย พละกำลัง ทำไมถึงมีของแบบนี้อยู่กับตัวกัน”
ลูอิสตาเป็นประกาย ก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า
“ฉันให้เธอ”
“แต่ที่มันแพงมา…หินที่มอบพลังให้กับมนุษย์ธรรมดาได้” เจียน่าพึมพำ แต่สายตาก็ไม่อาจจะละไปจากผลึกค่าสถานะได้เลย
“ไม่อยากได้อย่างนั้นเหรอ” เขาถามด้วยเสียงของเด็กที่ฟังไม่ค่อยชัดนัก
หลังจากเจียน่าลังเล แต่พอเห็นว่าทารกน้อยลูอิสกำลังเอากลับเธอรีบกล่าว “อยาก...อยากได้ ถ้ามอบให้ฉันสัญญามาจะติดตามนายน้อยลูอิสอย่างแน่นอน”
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ เจ้าสิ่งนี้ยังไม่มีค่าพอ แต่ในอนาคตเธอจะแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้แน่นอน” ลูอิสกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า ก่อนจะส่งผลึกพละกำลัง +2 ให้กับหญิงสาว
เจียน่ารีบกลืนมันไปในทันที ในสายตาของทารกน้อยลูอิสดูเหมือนเจียน่าจะสั่นเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เป็นยังไงบ้าง”
“รู้สึกมีแรงมากขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากนัก” เจียน่าหันไปตอบลูอิสด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย เนื่องจากเธอคิดว่าจะยกระดับพลังได้ในครั้งเดียวเหมือนที่พ่อเคยเล่าให้ฟัง
‘ฮี่ ๆ เป็นแบบที่คิดจริง ๆ ด้วย มันคลายกันสินะ ผลึกชิ้นนี้แค่ +2 พละกำลังเท่านั้น มันไม่สามารถเลื่อนระดับให้เธอเป็นครึ่งดาวโดยตรงอยู่แล้ว แต่ถ้าใช้จำนวนมากก็ไม่แน่ แต่นี่แค่ทดลองดู บางที่ควรทดลองกับสายอาชีพด้วย ถ้าสำเร็จคงได้ผู้ช่วยที่ดีมา’ เขายิ้มด้วยความพอใจ อย่างน้อยก็มีความคืบหน้าเกิดขึ้น
“มันแค่ของระดับล่าง แต่ถ้ามีอีกฉันจะให้เธออีก จริงสิ อย่าบอกเรื่องฉันกับท่านแม่และคนอื่น ๆ นะ” กล่าวจบทารกลูอิสน้อยก็ลุกขึ้นและเดินกลับไปนอนที่เดิมภายใต้สายตาของเจียน่าที่จ้องมองอยู่
...