STBI : ตอนที่ 9 จัดการสิ่งชั่วร้าย
ความเร็วของหมอกสีดำนั้นเร็วมาก
เพียงพริบตาเดียวมันก็เข้าไปใกล้ลานจตุรัสที่อยู่ตรงกลาง โดยไม่สนใจเหล่าชาวบ้านที่ลาดตระเวณเลยแม้แต่น้อย
ก่อนที่นักรบบนลานจัตุรัสจะได้ทันตอบสนอง หมอกสีดำ ก็เข้าไปในร่างของ ผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝึกฐานร่างกายสมูบรณ์ ดวงตาของเขาคนนี้ได้เบิกกว้างด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดในทันที กระทั่ง ผิวของเขา ก็หดตัวลงจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“ใครกัน?”
หนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ดินแดนปราณแท้จริงได้ค้นพบความผิดปกติ เขาได้คำรามออกมา ทันใดนั้น ปราณแท้จริงของเขา ได้หมุนวนไปยังร่างของ ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกดูดโลหิตออกไปชนแห้งเหือดและหั่นร่างกายของอีกฝ่ายออกเป็นชิ้น ๆ ทว่า ร่างของ หมอกสีดำ กลับไม่ได้รับบาดเจ็บ มันได้หมุนวนไปในอากาศและพุ่งไปยังร่างของผู้ฝึกยุทธ์อีกคน
“นี่มันอะไรกัน?”
เมื่อคนอื่น ๆ มองเห็นฉากนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดลงทันที พวกเขารู้ตัวว่าพวกเขาไปเตะแผ่นเหล็กเข้าให้แล้ว
หลังจากมองหน้ากัน พวกเขาก็เริ่มกระจายตัวกันและพยายามวิ่งหนีออกจากหมู่บ้านและหนีไปจากสถานที่แปลก ๆ แห่งนี้
แต่น่าเสียดาย ที่หมอกสีดำนั้นรวดเร็วมาก ทันทีที่คนเหล่านี้วิ่งออกจากหมู่บ้าน พวกเขาก็เหลือเพียงแค่ 6 คนเท่านั้น
“ศิษย์พี่ ลงมือ!”
ทันใดนั้น กระบี่ยู๋ตู๋ ได้ถูกดึงออกจากฝักอย่างรวดเร็ว
ในทะเลแห่งปราณ ทารกในครรภ์ที่มีรูปร่างเหมือนกับกระบี่ได้ปลดปล่อยพลังออกมาเชื่อมต่อกับกระบี่ยู๋ตู๋
“กระบี่สุภาพบุรุษ! กระบี่แห่งความเที่ยงธรรม! ปลดปล่อย!”
ในเวลานี้ กระบี่ยู๋ตู๋ เต็มไปด้วยแสงสีขาวที่ร้อนแรงและลมหายใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง
ฟวั่บ!
ช่วงเวลาที่ หมอกสีดำเคลื่อนตัวผ่านใต้ต้นไม้ กระบี่ยู๋ตู๋ ก็พุ่งออกไปเจาะลุหมอกสีดำจากเบื้องบนลงล่าง
ซีซี่—
พลังปราณบนกระบี่ยู๋ตู๋ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นเปลวเพลิงสีขาว และ เผาไหม้หมอกสีดำ ที่อยู่ตรงหน้าอย่างรุนแรง
กึก กึก กึก
หมอกสีดำที่เผชิญหน้ากับเปลวเพลิงสีขาว มันได้บิดตัวอยู่ครู่นึง และ พบว่าตัวเองไม่สามารถดับเปลวเพลิงนี้ได้ ทำให้สีหน้าของมันบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัวและส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา
“ศิษย์พี่ จับมันด้วยรูปแบบกระบี่!”
เมื่อเห็นเปลวเพลิงบริสุทธิ์ค่อย ๆ มอดดับลงทีละน้อย ไป๋เจียง ก็ขมวดคิ้วแน่น แน่นอนว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้ ไม่ใช่ชนิดที่มีร่างลักษณะทางกายภาพ และ เป็นปัญหาที่ยากจะกำจัดแบบธรรมดา
สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือการดักจับ จากนั้นค่อยชำระล้างมันทิ้งไป
หลิวอี้ ได้พยักหน้า และ บีบอัดอักษร ‘กระบี่’ ขึ้นบนอากาศ ทันใดนั้น กระบี่บินหลายสิบเล่มก็บินออกมาจากทะเลแห่งความพิโรธ
สิ่งนี้ ได้หมุนวนและเริ่มสร้างอาณาเขตปิดล้อมทั่วทุกทิศทางของหมอกสีดำ
ในเวลานี้ เปลวเพลิงสีขาวบนใบหน้าของหมอกสีดำได้วูบดับลง มันได้แปรเปลี่ยนเป็นสสารและพยายามจะหลบหนี แต่น่าเสียดาย ที่มันติดอยู่ข้างในรูปแบบกระบี่และไม่สามารถหลบหนีไปได้
ศิษย์พี่หลิวอี้ แม้จะไม่ใช่ศิษย์ที่มีพรสวรรค์ด้านกระบี่ที่เลิศเลอที่สุดในยุคสมัยนี้ แต่นางก็มีรูปแบบกระบี่เฉพาะที่ได้ฝึกฝนมาจนถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว
ไป๋เจียง ได้สูดลมหายใจเข้าลึก เขาถือกระบี่ยู๋ตู๋ และ เริ่ม ร่ายคาถาของเขาอีกครั้ง
เพื่อจัดการกับบางสิ่งที่ชั่วร้ายนี้ แน่นอนว่ายิ่งมีความชอบธรรมที่น่าเกรงขามและพลังหยางบริสุทธิ์มกาเท่าไหร่ ก็จะยิ่งจัดการกับสัตว์ประหลาดประเภทนี้ได้ง่ายขึ้น
คราวนี้ แสงสีขาวได้อาบบนร่างของกระบี่ยู๋ตู๋ รุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า
ไป๋เจียง ได้หลับตาลง จิตของเขาได้เชื่อมกับกระบี่ และ หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่
ทันใดนั้น พลังกระบี่ที่รุนแรงก็ล็อคเป้าไปที่ หมอกสีดำในทันที เจตจำนงค์กระบี่ ได้ดักจับร่างของ หมอกสีดำ เอาไว้ จนทำให้มันไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้
“ทักษะกระบี่สี่ฤดู พิรุณโปรยปรายในฤดูใบไม้ผลิ!”
ร่างของ ไป๋เจียง ได้หายไปในทันที และ ทันใดนั้น ลูกบอลแสงสีขาวได้ปรากฏขึ้นเหนือหมอกสีดำ แสงกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนได้โปรยปรายลงมาราวกับสายน้ำ
หมอกสีดำที่ถูกชำระล้างโดย ฝนฤดูใบไม้ผลิ ได้เริ่มสลายหายไปอย่างช้า ๆ
เสียงกรีดร้องอันน่าสลดใจของมัน ยังคงดังก้องอยู่ในอากาศ
จากนั้นไม่นานมันก็เริ่มเบาลง
จนในที่สุดก็หายไปหลงเหลือเพียงลูกปัดสีดำบนพื้นเพียงเท่านั้น
ไป๋เจียง ได้เก็บกระบี่ และ ล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาในเวลานี้ ได้เปลี่ยนเป็นสีที่แตกต่างออกไป จากนั้น เขาก็เริ่มไขว่ห้าง และ พยักหน้ารักษาตัวเอง
หลิวอี้ ที่เห็นมัน นางได้รวบรวมรูปแบบกระบี่และคอยปกป้องอยู่ด้านข้าง
หลังจากใช้เวลาไปสักพักนึง ไม่นาน ไป๋เจียง ก็ลืมตาตื่นขึ้น แสงกระบี่ได้พุ่งออกมาจากดวงตาของเขา จนเจาะทะลุลงไปในพื้นดิน
เขาได้พยักหน้าขอบคุณ หลิวอี้ ในทันที :
“ขอบคุณมากศิษย์พี่”
“ยินดีกับศิษย์น้องด้วย ดูเหมือนว่าอีกไม่นานศิษย์น้องก็คงจะเข้าใจเจตจำนงค์กระบี่แล้ว!”
เมื่อรับรู้ได้ถึงพลังกระบี่อันรุนแรงของ ไป๋เจียง หลิวอี้ ก็พยักหน้า ศิษย์น้องของนางมีอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น ไม่เพียงเท่านั้น เขากำลังจะรวบรวมเจตจำนงค์กระบี่ในดินแดนพลังก่อเกิด อีก
เขาเป็นอัจฉริยะแห่งวิถีกระบี่ที่สามารถทำลายประวัติศาสตร์ของนิกายกระบี่ซวนเยว่ได้
ดังนั้น นางจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจกับศิษย์น้องคนนี้
หลังจากเสร็จสิ้นธุระเสร็จ ไป๋เจียง ก็มองไปที่ ลูกปัดสีดำบนพื้น แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาก็โยนมันเข้าไปในแหวนเก็บของ สิ่งนี้สามารถใช้มันเป็นสิ่งยืนยันได้
“ศิษย์พี่ไปกันเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะที่จะอยู่เป็นเวลานาน”
เขาได้เหลือบมองดูชาวบ้านที่อยู่โดยรอบ แต่เขาไม่ได้สนใจ พวกเขาได้เปลี่ยนร่างเป็นกระบี่และหายตัวไปในทันที
รัฐทางใต้ทั้ง 13 รัฐ เช่นเดียวกับ บางรัฐทางตะวันตกและทางตอนกลาง พวกมันไม่ได้สงบสุขนักเมื่อเร็ว ๆ นี้
นั่นก็เพราะ มี ปีศาจ หรือ ภูติผี ที่ไม่สามารอธิบายได้ปรากฏตัวขึ้น จนทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
ดังนั้น นิกายหลักทั้ง 10 นิกายของ หนานหยาง จึงได้ส่งลูกศิษย์ของพวกเขาลงไปจัดการและขับไล่พวกสิ่งชั่วร้ายอย่างต่อเนื่อง
…
ไป่เฉิง ถนนการค้า
“ฮึม ฮัม—”
ไป๋ตงหลิน ได้ถือกรงนกในมือ เขาได้สั่นศีรษะและฮัมเพลง ที่ยังไม่ได้ปรับแต่งอย่างสบายใจ
ด้านหลังของเขา มีเด็กหนุ่มตัวเล็ก ๆ 4-5 คนคอยตามหลังเขา และ ทุกคนได้ถือถุงใบใหญ่เอาไว้ในมือ
ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ ไป๋ตงหลิน ซื้อมาตลอดทั้งเช้า โดยพวกมันล้วนเป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนเทคนิคต่อสู้
ในเวลานี้ เขาได้กลับไปที่ตำหนักฉิงโหยว และ ขอให้บ่าวรับใช้เก็บสิ่งของอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็ตอบแทนพวกเขาด้วยเงินจำนวน 2-3 เหรียญ จากนั้นก็ไร้บ่าวรับใช้ออกไป
ไป๋ตงหลิน ยิ้มและเปิดบรรจุภัณฑ์ที่เป็นขวดและกระเป๋า แต่ละขวดได้ติดป้ายเอาไว้ ‘พิษแผดเผา’,’พิษแม่ม่ายดำ’,’ผงซากศพ’
หรือมีแม้กระทั่ง ‘พิษลมบ้าหมู’ และ ‘พิษดับชีวิตในอึดใจ’
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแต่พิษร้ายแรงทั้งนั้น
ไป๋ตงหลิน ได้ฝึกฝนเทคนิคต่อสู้บนหน้าผา เซียวฮุ่ยชาน มาเป็นเวลา 3 เดือดนแล้ว และ เขาได้ปรับแต่งร่างกายจนไปถึงขั้นที่ 4
โดยพื้นฐานแล้ว ด้วยระยะเวลาอันสั้น ไม่มีทางที่คนธรรมดา จะสามารถฝึกฝนร่างกายไปจนถึงขั้นที่ 4 ได้ หากไม่มีพวกตัวช่วย หรือ สมุนไพรบางอย่าง ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำลายขีดจำกัดจนไปถึงขั้นสมบูรณ์
แต่ ไป๋ตงหลิน นั้นแตกต่างกัน หากเป็นคนธรรมดาหลังจากที่ได้ฝึกฝน ‘กายทองสัมฤทธิ์’ เสร็จ สภาวะร่างกายของพวกเขาเหล่านั้นก็จะมาถึงขีดจำกัด หรือไม่แม้แต่จะสามารถฝึกต่อได้
เว้นต่อว่าพวกเขาจะไปใช้วิธีการฝึกฝนร่างกายขั้นสูง หรือใช้ สมุนไพรต้ม เพื่อช่วยทำลายขีดจำกัด
แม้ว่า ไป๋ตงหลิน จะไม่มีสองสิ่งนี้ แต่เขามี ‘การฟื้นฟูอันแข็งแกร่ง’ โดยเฉพาะของเขา
สิ่งนี้เป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งของใด ๆ
ตราบใดที่เขามีพลังนี้ เขาก็สามารถฝึกฝน ‘กายทองสัมฤทธิ์’ ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ถึงขีดจำกัดของร่างกาย
แต่ทว่า มันก็ยังมีความแตกต่างระหว่างคุณภาพของทักษะบ่มเพาะพลัง
โชคดีที่ ความสามารถของ ไป๋ตงหลิน สามารถชดเชยตรงจุดนี้ได้
ยิ่งร่างกายของเขาได้รับความเสียหายมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งเพิ่มความทนทาน ความอึด และ ความแข็งแกร่งให้กับเขา
ยกตัวอย่างง่าย ๆ หากคนธรรมดาทั่วไปฝึกฝน ‘กายทองสัมฤทธิ์’ พวกเขาอาจจะได้ผลลัพธ์แค่เท่าเดียว แต่ ไป๋ตงหลิน กลับได้ผลลัพธ์ถึงสองเท่า
เขาสามารถเปลี่ยนสิ่งธรรมดาให้กลายเป็นทักษะขั้นสูงได้
นี่คือการประมาณค่าของ ไป๋ตงหลิน แม้ว่าจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็ใกล้เคียงมากที่สุด
ไป๋ตงหลิน ที่ได้ฝึกฝนบนหน้าผาเซียวฮุ่ยชานโดยตลอด 3 เดือน เขาได้ฝึกฝนร่างกายจนมาถึงขั้นที่ 4 แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงไม่หยุดฝึกฝนร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
ไป๋ตงหลิน ได้สวมตุ้มเหล็กสีดำตรงขา และ กระโดดลงจากหน้าผา เซียวฮุ่ยชาน ที่มีความสูง 100 ฟุต หลังจากกระโดดลงมา เขาก็กระแทกลงบนพื้นหิน
ทว่า เขากลับไม่ได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม กองหินด้านล่างของหน้าผากลับถูกทุบจนแตกละเอียดโดยเขา
ตั้งแต่นั้นมา ไป๋ตงหลิน ก็ถอนตัวออกจากหน้าผา เซียวฮุ่ยชาน
เขาได้เดินทางไปที่ ถนนการค้าตั้งแต่เช้าตรู่ และ ใช้เวลานานในการจัดซื้อสิ่งของจำนวนมากมา
ขั้นต่อไปของเขาก็คือการ ‘เปลี่ยนถ่ายโลหิต’
นี่คือขั้นตอนสุดท้ายของการฝึกฝนร่างกาย
หลังจากขัดเกลาเสร็จแล้วเขาก็จะสามารถฝึกฝนพื้นฐานของร่างกายที่สมบูรณ์ได้สำเร็จ