King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 311 เชื้อโรค!
ตอนที่ 311 เชื้อโรค!
“ถ้าทวีปแห่งนี้โดนทำลายไปขนาดนั้นพวกข้าจะทำยังไง ให้ย้ายพื้นที่ไปอาศัยที่ทวีปเดเชียอะไรของเจ้าหรือไง”
“ใช่แล้ว!”
“ห่ะ?!?!?!” ทาร์รอสทำหน้าตกใจมาก “นี่เจ้าจะบ้าหรือไงไม่รู้จำนวนประชากรของพวกเราหรือไงว่ามีขนาดไหน”
ประชากรสินะ
มาถามอะไรตอนนี้จำนวนประชากรข้ารู้ตัวแต่ที่หาข้อมูลเอาไว้แล้ว และอีกอย่าง ทางนี้ก็ไม่คิดเอามาเจ้ามาเป็นภาระหรอก ไม่งั้นคงไม่เอาพวกประชาชนไปร่วมที่ประเทศทาซัสประเทศเดียวแบบนั้น
แต่ก็เอาเถอะ บอกตอนนี้ไปทาร์รอสก็คงไม่เข้าใจ
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องห่วงข้าจัดการได้”
“จริงเหรอ…”
น้ำเสียงที่ถามมาฟังแล้วหมอนี่ไม่เชื่อผมแน่
แต่จะอธิบายไปตอนนี้ก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี
“ครับ ท่านไม่ต้องเป็นกังวล”
“ก็ได้ๆ ถ้างั้นเจ้าจะเริ่มเมื่อไหร่”
เมื่อคำถามออกมาผมก็เปิดเวทย์มิติอีกครั้งเพื่อเอาเชื้อโรคที่ว่าออกมา
ตัวเชื้อโรคที่อยู่ในมือของผมตอนนี้เป็นหลอดแก้วที่ผมคิดค้นขึ้นมาลับๆ ไม่สิ! จะเรียกว่าแบบนั้นมันก็ไม่ถูก ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องบอกว่ามันเป็นสูตรที่พวกนักวิจัยเมื่อชาติก่อนคิดค้นขึ้นมาเลยสร้างขึ้นมาได้เท่านั้นเอง
ต้องขอบคุณพระเจ้าที่สร้างโลกนี้ด้วยที่สร้างพืชให้มีพันธุ์กรรมคล้ายกันทำให้สามารถใช้สูตรจากชาติก่อนจัดการได้เลย
ขอบคุณมากท่านพระเจ้า
“น้ำสีเขียนนั่นนะเหรอ”
ทาร์รอสทำหน้าสงสัยพร้อมชี้นิ้วมาที่หลอดแก้วในมือของผม
สีเขียวแล้วไง ชิ!
ไม่ชอบเลยจริงๆ พวกที่ดูถูกพลังของวิทยาศาสตร์แบบนี้
แต่ยังไงตอนนี้จะอารมณ์เสียไปก็ไม่ได้เพราะมีคำที่ว่า [ไม่รู้ย่อมไม่ผิด]
“ใช่!”
“ถ้างั้นต้องทำยังไง?”
“ไม่ยากเลยขอแค่เพียงเอาเชื้อในหลอดแก้วนี้เทลงไปที่พืชสักต้น จากนั้นสารด้านในจะก่อปฎิกิริยะ… ไม่สิ! เอาเป็นว่าหลังจากเทลงไปเชื้อโรคจะทำหน้าที่ของมันเอง”
เกือบพูดเรื่องเสียเวลาเปล่าออกไปแล้วสิ เหอะๆ
“แค่นั้นนะเหรอ?”
ผมพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วเดินไปที่ทางออกของเต็นท์
ทาร์รอสที่ยังทำท่าทางแคลงใจก็เดินตามมาแบบติดๆ พร้อมกับมองผมอย่างตาไม่กรพริบราวกับว่ากำลังพยามจับผิด
ให้ตายสิ!
…
….
……
เมื่อออกมาจากเต็นท์ได้ไม่นานผมก็เดินมาถึงป่าที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ พร้อมกับทาร์รอสที่เดินตามมาติดๆ แบบเดิม
ตามจริงเชื้อโรคนี้แค่เทลงดินก็ได้เดี๋ยวมันก็ทำหน้าที่ของมันเอง
แต่ว่า
เพื่อความแน่ใจเอามันลงต้นไม้ดีกว่า
อีกอย่างมันจะได้เป็นเครื่องยืนยันให้ทาร์รอสได้แน่ใจด้วยว่ามันสามารถทำแบบที่บอกได้จริงๆ
ยืนมองต้นไม้สักพักผมก็เทเชื้อโรคลงไปที่โคลนต้น
“ละ เหลือเชื่อ!!!”
เป็นเสียงที่คิดเอาไว้แล้วว่าต้องเกิดขึ้นดังมาจากด้านหลังของผม
คนที่ตะโกนออกมาอยู่ตอนนี้ก็คือทาร์รอสนั่นแหละ แถมยังพยามวิ่งเข้าไปหาต้นไม่ที่ต้อนใบเปลี่ยนสีกลายเป็นสีเหลือ ลำต้นเหี่ยวเหมือนโดนดูดน้ำ
“ไม่คิดเลยว่ามันจะสามารถทำได้จริงๆ”
“นี่ท่านคิดว่าข้าโกหกหรือไง?”
“ไม่ใช่… แต่…”
เหมือนว่าตอนนี้ทาร์รอสยังไม่เชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่ที่เห็นสภาพต้นไม้ด้านหน้า ขนาดกำลังคุยกันอยู่ยังไม่มองหน้าผมได้แต่ทำหน้าตกใจมองต้นไม้อยู่แบบนั้น
ผ่านไปได้ไม่นานรอบต้นไม่ที่เป็นพุ่มหญ้า และต้นไม้ขนาดเล็กก็เริ่มเหี่ยวลง
แบบนี้คงไม่เป็นอะไรแล้วไม่เกินสามวันพืชบนทวีปแห่งนี้ไม่เหลือแน่
“ถ้างั้นข้าขอตัวก่อนแล้วกัน”
“ดะ เดี๋ยวก่อนสิ!”
เรื่องเยอะจริง
“ท่านมีอะไรกับข้าอีก ข้าต้องรีบไปจัดการเรื่องอาหารทางท่านเองก็ควรไปคุยกับพวกหัวหน้าเผ่าไม่ใช่หรือไง”
“เรื่องนั้นมันก็ใช่ แต่เชื้อโรคอะไรของเจ้ามันฆ่าชีวิตพืชได้แบบนั้นแล้วชีวิตของพวกเรามันจะไม่เป็นอะไรแน่นะ”
“แน่นอน ข้ารับประกัน!”
“อะ อ่า…”
คุยจบผมก็เดินแยกทางกับทาร์รอสทันที
หลังจากเดินออกมาได้ไม่นานจุดที่ทาร์รอสกำลังยืนอยู่พวกทหารก็วิ่งเข้าไปด้วยสีหน้าตื่นกันหลายคน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเรื่องตรงนี้ผมหมดหน้าที่ไปแล้ว
ส่วนงานต่อไปของผมตอนนี้ก็คือสร้างแนวป้องกัน! เตรียมเรื่องอาหารและจัดการมันให้เพียงพอ! ส่วนอีกเรื่องอย่าพึ่งไปพูดถึงมันก็แล้วกันเพราะเรื่องนั้นต้องรอให้ถึงเวลาก่อน ถ้าเกิดทางเผ่ามังกรมีสมองก็น่าจะถึงเวลาในไม่ช้านี่แหละ
แต่
ที่เป็นปัญหาใหญ่ตอนนี้ก็คือเรื่องของอาหารนี่แหละ จำนวนอาหารที่เตรียมมาเตรียมมาเพื่อทำสงครามอาหารก็จริง แต่ทว่า ผมลืมคิดอะไรไปอย่างซึ่งเรื่องที่ลืมไปมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มากด้วย
เฮ้อ~
ดันเอาอาหารมาเท่ากับจำนวนมนุษย์กินสะได้…
ถ้าถามว่ามันมีปัญหาตรงไหนก็คือตรงนี้นี้แหละ อาหารมนุษย์กินหนึ่งคนข้าวหนึ่งกิโลกินสามวันก็อิ่มสบายๆ แต่ถ้าเอามาให้พวกเผ่าที่นี่กิน เหอะๆ
ไม่ต้องอธิบายอะไรก็น่าจะนึกภาพออก
ขนาดทาร์เลียยังกินขนาดนั้นเผ่าอื่นจะกินขนาดไหน แถมบางเผ่ายังตัวสูงกว่ามนุษย์ปกติ 3 – 4 เท่า คิดยังไงมันก็ต้องกินมากกว่าอยู่แล้ว
งั้นก็คงไม่มีทางเลือกส่งพวกที่สู้ไม่ได้ไปเพราะปลูกที่ทวีปเดเชียแล้วกัน
ถ้าส่งแรงงานไปเดี๋ยวทางทารอนก็คงหาทางทำอะไรเอง ยังไงสะหมอนั่นก็ได้ชื่อว่าเป็นอัครเสนาบดีที่หาตัวจับได้ยากของทวีปเดเชีย แถมยังเก่งเรื่องบริหารคนอีก
ดีละ!
งั้นก็เอาแบบนี้เลยแล้วกัน
##############
3 วันต่อมา
ณ เต็นท์วางแผนกลุ่มต่อต้าน
หลังจากเหตุการณ์ปล่อยเชื้อโรคทำลายพืชไปวันนั้นทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี พืช ต้นไม้และผลผลิตต่างก็โดนทำลายไปแบบที่วางแผนเอาไว้ และในตอนนี้ภายในห้องก็มีผมเพียงคนเดียวเพราะไม่มีความจำเป็นอะไรต้องวางแผนกันอีกแล้ว
ส่วนเรื่องของเผ่าทรยศทั้งหมดผมก็ปล่อยเอาไว้เพราะยังไงสะพวกนั้นทรยศเพราะคิดว่าตัวเองจะแพ้เท่านั้น ถ้าเกิดสถานการณ์มันเป็นแบบนี้เรื่องการทรยศก็ไม่เกิดขึ้น แถมยังเก็บพวกมันเอาไว้ใช้เป็นกำลังรบเอาไว้ด้วย หึหึ!
ตอนนี้
สิ่งที่ต้องทำคือรอ แค่รอเพียงเท่านั้น
ถ้าเผ่ามังกรมันมีคนมีสมองแบบที่คิดเอาไว้เดี๋ยวทางนั้นคงหาทางทำอะไรกันเอง และอีกไม่นานเผ่าพันธมิตรของเผ่ามังกรก็คงคิดได้เหมือนกันว่าตัวเองต้องทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้ พวกเผ่าพันธมิตรที่พูดถึงมันก็เหมือนกับเผ่าทรยศในกลุ่มต่อต้านนั่นแหละ ถ้าฝั่งไหนได้เปรียบก็แค่เปลี่ยนสีสะ
ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนั้นเผ่ามังกรก็จะศูนย์เสียอำนาจควบคุมไปเอง
ระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนอยู่นั้นทหารก็เดินเข้ามาในห้อง
ทหารที่เดินเข้ามาคือทหารที่เฝ้าหน้าเต็นท์ของผมเอง แต่ว่า เข้ามาโดยไม่พูดอะไรแบบนี้ไม่ชอบใจเลยจริงๆ อย่างน้อยพูดอะไรก่อนเข้ามาหน่อยเถอะ
“มีเรื่องอะไร…”
ผมถามเสียงเบาๆ เพื่อให้รู้ว่าไม่พอใจ
ทหารก้มหน้าลง
“ต้องขออภัยด้วยครับ แต่ข้าลืมตัวเพราะมันเป็นเรื่องเร่งด่วน”
“มีเรื่องอะไร?”
ตามจริงมันก็พอเดาได้อยู่หรอก
1.เผ่าพันธมิตรของเผ่ามังกรเริ่มาขอเข้าร่วม
2.เผ่ามังกรส่งทูตมาเจรจา
“ตอนนี้ทูตของเผ่ามังกรเดินทางมาขอเข้าพบกับท่านที่หน้าค่ายครับ พวกนั้นบอกว่าต้องการคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว”
“ส่วนตัว?”
“ครับ! ทางนั้นบอกมาว่าต้องเป็นท่าน แล้วก็เป็นท่านคนเดียวเท่านั้น”
“งั้นก็ได้! ไปตามตัวมาที่นี่ได้เลย”
“ครับ แต่ว่า…”
หลังตอบรับทหารก็ใช้สายตามองรอบๆ ด้วยสีหน้ากังวล
“ไม่ต้องห่วงข้อมูลพวกนี้ไม่จำเป็นอะไรขนาดนั้น”
“ครับ!”
ทหารออกไปทันทีหลังตอบรับอีกครั้ง
ส่วนเรื่องที่ทหารทำท่าทางกังวลเมื่อกี้ก็เป็นเพราะห้องนี้เป็นห้องวางแผนรบของกลุ่มต่อต้าน ถ้าให้ศัตรูเข้ามามันก็คงไม่ดีเท่าไหร่ แต่เรื่องแบบนั้นช่างมันเถอะเพราะยังไงสะแผนก็มีแต่สั่งออกไปว่า [ตั้งรับให้ดีที่สุด] สั่งออกไปแค่นั้นเอง
ในตอนนี้ต้องทำความเข้าใจกับพวกทูตที่ส่งมาก่อนว่าทำไมถึงได้เสนอพบตัวผมเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าเกิดให้คิดตอนนี้ก็แบ่งออกเป็นสองทาง 1.ทางนั้นต้องหารสร้างความแตกแยกโดยให้ภายในกลุ่มต่อต้านระแวงกันเอง 2. ทางนั้นมีข้อเสนออะไรที่ไม่อยากให้พวกกลุ่มต่อต้านที่เหลือได้ยิน
หึหึ!
อยากรู้จริงๆ จะมาไม้ไหน