534 - ซุนหงอคง
534 - ซุนหงอคง
หนอนไหมสวรรค์มีความสามารถในการนิพพานได้ถึงเก้าครั้ง นี่เป็นความสามารถที่น่าทึ่งและไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถทำแบบมันได้
แต่ทุกการเปลี่ยนแปลงจะทำให้มันลืมตัวตนในชาติก่อนจนหมดสิ้น หนอนไหมสวรรค์ตัวเล็กนี้เห็นได้ชัดว่าผ่านการเปลี่ยนแปลงมาแล้วไม่น้อยกว่าสองครั้ง
มันจึงเป็นที่น่าเหลือเชื่อจริงๆที่มันยังสามารถจดจำหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ได้
"หนอนไหมสวรรค์จะรู้จักราชาอมตะองค์นี้ได้อย่างไร มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ หญิงสาวคนนี้คือสิ่งมีชีวิตอมตะอย่างไม่ต้องสงสัย ราชาอมตะในสมัยก่อนนั้นหายากพอๆกับหงส์เพลิงและมังกร
เจ้าตัวเล็กนี่ก็อาจจะเป็นทายาทของราชาอมตะเช่นกัน การที่พวกเขาทั้งสองจะรู้จักกันนั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้"
นักพรตมังกรแดงที่ยืนอยู่เงียบๆก็ได้กล่าวขึ้นว่า
"บางทีพวกเขาอาจรู้จักกันจริงๆ นักพรตผู้น่าสงสารสงสัยว่าหนอนไหมสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าอาจจะเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหญิงสาวคนนี้"
ผู้หญิงคนนั้นคือหนอนไหมสวรรค์? มันเป็นไปได้หรือ?
ผู้คนต่างมองไปยังต้นกำเนิดที่แปลกประหลาดด้วยความตกใจ หญิงสาวที่อยู่ข้างในยังมีอายุน้อยมาก มันจะเป็นไปได้ด้วยเหรอที่นางจะสามารถกลายเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์?
ความรู้ของผู้คนในดินแดนรกร้างตะวันออกเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตอมตะนั้นมีน้อยเกินไป พวกเขาจึงได้คาดเดาไปต่างๆนานา
โดยบางครั้งสิ่งที่พวกเขาคาดเดาอาจจะอยู่ห่างจากความจริงค่อนข้างมาก
เป็นเวลานานก่อนที่ผู้คนจะสงบลง คุณค่าของต้นกำเนิดแปลกประหลาดนี้มากมายมหาศาลจนไม่อาจประเมินได้
ในขณะเดียวกันซากศพของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถประเมินค่าได้เช่นกัน
“ฮะ นั่นมันอะไร?” มีใครบางคนชี้ไปที่ต้นกำเนิด
"ที่มุมหางตาของหญิงสาวตอนนี้มีน้ำตาไหลออกมา ก่อนหน้านี้มันไม่มีอยู่อย่างแน่นอน”
"มันเป็นน้ำตาของเจ้าตัวเล็กหรือเปล่า?”
ผู้สูงสุดของตระกูลจี้สะบัดเบาๆแต่น้ำตาของหญิงสาวยังคงอยู่ที่นั่น ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่ามันเป็นน้ำตาของนางเอง
“สวรรค์ นางยังมีชีวิตอยู่”
หลายคนประหลาดใจโดยแสดงท่าทางที่นึกไม่ถึง
บางคนก็หัวเราะและพูดว่า "พวกเจ้าพูดจาไร้สาระเกินไป นั่นเป็นของเหลวที่ออกมาจากต้นกำเนิด มันไม่เกี่ยวข้องกับหญิงสาวคนนั้น"
“ใช่ มันมีต้นกำเนิดไม่น้อยที่เป็นของเหลวหากมันเป็นของแข็งมันย่อมไม่สามารถปิดผนึกสิ่งมีชีวิตอยู่ข้างในได้”
"เป็นไปไม่ได้ มันจะมีเหตุบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร"
ความขัดแย้งเกิดขึ้นในสวนหินและผู้คนก็แตกออกเป็นสองฝั่ง
"เลิกทะเลาะกันได้แล้ว" ผู้สูงสุดของตระกูลจี้ขมวดคิ้วและพูดว่า
"นางไม่มีความผันผวนของพลังชีวิต"
เมื่อได้รับคำยืนยันจากตัวตนระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ข้อโต้แย้งก็ยุติลง
“เพื่อนตัวน้อยถึงเวลาที่เจ้าจะต้องตัดหินแล้ว” หนานกงจี้ยิ้มและ มองเย่ฟ่าน
แม้ว่าเทพธิดาจะไม่มีชีวิต แต่ต้นกำเนิดที่แปลกประหลาดขนาดใหญ่เช่นนี้สามารถลอยอยู่ในอากาศได้ มันต้องเป็นสิ่งของที่เทียบได้กับต้นกำเนิดสวรรค์อย่างแน่นอน
เมื่อได้รับโอกาสดีเช่นนี้ลูกหลานของตระกูลขุนนางโบราณก็เริ่มส่งเสียงเยาะเย้ยขึ้นอีก
“อย่าพูดถึงต้นกำเนิดแปลกๆนี้ เพียงหญิงสาวที่อยู่ข้างในก็ไม่มีอะไรที่เจ้าสามารถจะนำมาเทียบได้แล้ว”
“ข้าก็บอกแล้วไงว่าต่อให้เจ้าเปิดได้อะไรมันก็จะกลายเป็นของพวกเราอยู่ดี”
ด้วยรอยยิ้มที่ไม่แยแสพวกเขาจ้องไปที่เย่ฟ่านและหลี่เหอซุยพร้อมกับเย้ยหยันด้วยความมั่นใจ
อีกฝ่ายหนึ่งกำลังได้ใจจึงเริ่มเย้ยหยันอย่างก้าวร้าว หลี่เหอซุยกัดฟันและเยาะเย้ยกลับทันที
“สิ่งที่เจ้าตัดออกมาไม่แน่ว่าจะมีค่ามากกว่ายากิเลนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา”
“เจ้าหนูดำ เจ้ากำลังพูดถึงอะไร ต้นกำเนิดสวรรค์ขนาดใหญ่เช่นนี้ยังจะมีอะไรเทียบได้” ลูกหลานของตระกูลขุนนางโบราณเยาะเย้ย
หลี่เหอซุยกล่าวอย่างเย็นชา
"ในสายตาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ยาศักดิ์สิทธิ์สามารถสร้างจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ขึ้นมาอีกคน ขอให้เจ้ามีต้นกำเนิดสวรรค์มากกว่านี้สิบเท่าก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับมันได้”
“น่าตลกสิ้นดี อีกสักครู่พวกเราค่อยหาคนมาประเมินก็แล้วกัน คราวนี้พวกเจ้าจะได้ยอมรับทั้งปากทั้งใจ!”
เย่ฟ่านไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเพียงแค่โบกมีดเงินและเริ่มตัดสุสานเซียน
คราวนี้หนานกงจี้ไม่ได้แอบดำเนินการใดๆและยืนเงียบๆกับผู้เฒ่าอีกสามคนดูด้วยรอยยิ้ม
พวกเขามั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการให้สิ่งของที่เย่ฟ่านเปิดได้รับความเสียหาย
“คชา!”
มีดของเย่ฟ่านนั้นดุร้ายมาก ทุกครั้งที่เขาลงมีดก้อนหินขนาดใหญ่จะถูกเฉือนออกไปในทันที
"เพื่อนตัวน้อยระวังตัวไว้ อย่าทำลายสมบัติของเราไปซะล่ะ"
หนานกงจี้กล่าวด้วยรอยยิ้มราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา
“เจ้าแน่ใจหรือว่าสิ่งที่ข้าตัดออกไปจะเป็นของเจ้า สำหรับข้าสิ่งที่เจ้าเปิดออกมานั้นข้ากลับมองว่าเป็นของตัวเองมากกว่า”
“เด็กน้อยเจ้าไม่มีหวังหรอก” หนานกงจี้ยิ้มและลูบเคราของเขา
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา รีบเปิดหินเร็วๆพวกเราอยากดูความพ่ายแพ้ของเจ้าแล้ว!” เจ้าหนูตระกูลขุนนางโบราณล้วนเย้ยหยัน
“ถ้าพวกเจ้ามีความมั่นใจ ทำไมพวกเราไม่เพิ่มเดิมพันขึ้นอีก!” เย่ฟ่านตอบอย่างใจเย็น
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึง รวมทั้งบุคคลระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายด้วย
ในตอนนี้หนากงจี้และสหายของเขาก็ใบหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความมั่นใจที่พวกเขาแสดงออกมาไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องจริง
เพียงยาศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านกับเทพธิดาของพวกเขาก็ยังไม่มีใครรู้มูลค่าที่แท้จริงของพวกมัน หากเย่ฟ่านเปิดสมบัติล้ำค่าขึ้นมาอีกชิ้น พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยินแน่นอน
“คชา!”
มีดที่สองของเย่ฟ่านตกลงมาและตัดเปลือกหินอีกสิบจินออกไป โดยไม่มีความเสียดายแม้แต่น้อย ราวกับว่าสิ่งที่เขาหั่นอยู่นั้นคือหัวไชเท้าก้อนหนึ่ง
ชายชราคนหนึ่งเตือนว่า "เพื่อนตัวน้อย เจ้ากำลังตัดสุสานเซียน ไม่ได้หั่นผัก ดังนั้นจงระวังมากกว่านี้"
เย่ฟ่านเพียงตอบรับด้วยรอยยิ้มแต่การเคลื่อนไหวของเขายังคงดุดันเช่นเดิม
ทันใดนั้นกลิ่นอายของปราณต้นกำเนิดก็พุ่งทะยานขึ้น จิตใจของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นสั่นไหว
นี่เป็นกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความมงคล เพียงสัมผัสเบาๆมันก็ทำให้ร่างกายของพวกเขาเบาสบายไปทั้งตัว
“สุสานเซียนมีสมบัติอมตะจริงๆ!” ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก
“คชา!”
เย่ฟ่านตัดเปิดต้นกำเนิดอย่างรุนแรงโดยไม่สนใจว่าสิ่งของด้านในจะได้รับความเสียหาย ทันใดนั้นแสงสีแดงสองดวงก็ส่องสว่างขึ้นในเปลือกต้นกำเนิดที่แตกหัก
มันเป็นดวงตาของสิ่งมีชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย!
เย่ฟ่านถอยหลังอย่างเด็ดขาด แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะตัดสิ่งมีชีวิตออกมาจากต้นกำเนิดขนาดใหญ่นี้
“สวรรค์ มีสิ่งมีชีวิตในสุสานเซียน ดวงตาที่เหมือนกับคบเพลิงของมันเห็นได้ชัดว่ายังมีชีวิตอยู่!”
"มันเป็นวิญญาณอมตะ?"
เสียงอุทานดังขึ้น ทุกคนตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
ทันใดนั้นก็มีใครบางคนอุทานขึ้นด้วยความตกใจ
"ราชาวานรแห่งภูเขาฮัวกั่วซาน ซุนหงอคง?!"
คนอื่นอาจไม่รู้ว่าซุนหงอคงเป็นใคร แต่เย่ฟ่านรู้ และเสียงที่ตะโกนขึ้นมานั้นคือเสียงของผังป๋อแน่นอน
ในตอนนี้ลิงวิเศษที่อยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์ก้อนใหญ่จับจ้องมายังพวกเขาทุกคนอย่างเย็นชา ดวงตาของมันมีสีแดงทองสดใสราวกับคบเพลิง!