532 - เทพธิดา
532 - เทพธิดา
เย่ฟ่านเงยหน้าขึ้นและมองไปยังหนานกงจี้และชายชราอีกสี่คนที่กำลังยืนยิ้มมองเขาเช่นกัน
“พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว!” ใบหน้าของเย่ฟ่านน่าเกลียดลงทันที
ฝ่ายตรงข้ามลงมือกับเขาหลายครั้ง มันกระตุ้นไอสังหารของเขาขึ้นมาแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้เรียนรู้ตำราต้นกำเนิดสวรรค์และมีความรู้มากมายเกี่ยวกับทักษะลับของต้นกำเนิดบางทีเขาอาจจะตายโดยไม่รู้ตัวไปตั้งนานแล้ว
ในตอนนี้ชายชราทั้ง 4 ได้ควบคุมเส้นเลือดปฐพีที่อยู่ในลานพนันหินดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเพื่อให้ปราณปฐพีของที่นี่ฆ่าเขาอย่างลับ
เย่ฟ่านโกรธจริงๆผู้คนที่ไม่ชำนาญในด้านศิลปะต้นกำเนิดจะไม่มีทางรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน
“เปิดสุสานเซียนหรือไม่เจ้าก็ยอมแพ้ไป!”
สาวกรุ่นเยาว์ของตระกูลขุนนางโบราณเยาะเย้ยเและต้องมองเย่ฟ่าน
“เดินไปเดินมาแบบนี้คิดว่ามันตลกหรือไง?”
“ผู้อาวุโสของเจ้าต้องการฆ่าข้า เจ้าบอกให้ข้าตัดมันได้อย่างไร” เย่ฟ่านชี้ให้เห็นโดยตรงและอธิบายเหตุผลต่อหน้าทุกคน
ยิ่งกว่านั้นเขาก้าวไปข้างหน้า ไปยังทิศทางหนึ่งในสวนหินอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเพียงเขากระทืบเท้าเบาๆปราณมังกรที่อยู่ด้านล่างสวนหินก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างรุนแรง
ใบหน้าของหนานกงจี้เปลี่ยนสีอย่างกะทันหัน ชายชราทั้งสี่รีบออกจากตำแหน่งเดิมอย่างรวดเร็ว และตะโกนสั่งลูกหลานของพวกเขาที่อยู่ไม่ไกล
"ถอยออกไป!"
“ปัง!”
สีหน้าของเหล่าเด็กหนุ่มที่เยาะเย้ยเย่ฟ่านเกิดความเปลี่ยนแปลง แต่พวกเขาไม่มีโอกาสขยับตัวเพราะตอนนี้เสียงระเบิดอันรุนแรงบดขยี้ร่างกายของพวกเขาให้แหลกเป็นชิ้นๆ
"ว้าว!"
มีความโกลาหลทั้งภายในและภายนอกสวนหิน ศิลปะต้นกำเนิด ฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอยทำให้ทุกคนตื่นตระหนกและไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น!
“ในเมื่อพวกเจ้าอยากฆ่าคน ข้าจะเล่นกับพวกเจ้าให้ถึงที่สุด!”
เย่ฟ่านไม่ได้แสดงความกลัวสักนิด เขาเดินไปข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับหนานกงจี้อย่างใจเย็น
"เจ้าต้องการดำเนินการต่อหรือไม่ ข้าจะอยู่กับเจ้าจนจบ ข้ายังมีทักษะการฆ่าที่ยอดเยี่ยมที่ยังไม่ได้ปล่อยออกมา!"
ผู้ชมทั้งหมดถอยกลับ การต่อสู้ของปรมาจารย์ต้นกำเนิดนั้นน่ากลัวมากกว่าที่พวกเขารู้
ในที่สุดผู้คนก็เข้าใจ เหตุใดในอดีตปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ถึงได้กวาดเอาทรัพย์สินของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โดยที่ผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่มีปัญญาทำอะไรได้
วิธีการควบคุมพลังของสวรรค์ในปฐพีของพวกเขานั้นน่ากลัวอย่างถึงที่สุด
“เจ้า…!”
ผู้คนจากตระกูลขุนนางศิลปะต้นกำเนิดที่รอดตายถอยหลังกลับด้วยความกลัว
ในตอนนี้ใบหน้าของพวกหนานกงจี้ดูน่าเกลียดและดูเย็นชา เขาไม่สามารถพูดอะไรได้เลย
“ไอ้เฒ่าทั้งสี่คนร่วมมือกันจัดการกับเด็กน้อยคนหนึ่ง พวกเจ้ายังมียางอายเหลืออยู่หรือไม่!” หลี่เหอซุยพูดอย่างโกรธเคือง
“ไม่เป็นไร หากพวกเขามีความสามารถก็ให้แสดงออกมามากกว่านี้ ข้ากำลังรออยู่!” เย่ฟ่านกล่าวด้วยท่าทางสงบ
ปรมาจารย์ศิลปะต้นกำเนิดทั้งสี่บอกได้ว่าตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาถูกฉีกอย่างยับเยิน ทุกคนที่อยู่ในลานหินต่างก็มองพวกเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม มันทำให้พวกเขาโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
เย่ฟ่านไม่ได้ยินอยู่ด้านข้างหลุมศพเซียนอีกต่อไป แต่เขาเดินอยู่ในป่าของสวนหินและกล่าวว่า
"เพื่อความปลอดภัยของทุกคนข้าคิดว่าทุกท่านควรถอยออกไปด้านนอก โดยปล่อยให้ข้าประลองศิลปะแห่งความเป็นตายกับไอ้สาระเลวเฒ่าทั้งสี่นี้”
ในเวลานี้ผู้สูงสุดของตระกูลจี้, สวีเทียนเซี่ยง และจักรพรรดิเซี่ยได้ปิดผนึกแท่นบูชาโลหิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความสนใจของทุกคนจึงย้ายไปที่แท่นบูชาโลหิตแทน
“เจ้าตัดหินก้อนนี้ได้แล้ว” นักพรตมังกรแดงชี้ไปที่หนานกงจี้
“ได้ งั้นข้าตัดหินก่อน”
หนานกงจี้เดินไปข้างหน้า อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เข้าใกล้มากเกินไป แต่เตรียมที่จะใช้มีดบินเพื่อเปิดก้อนหินจากระยะไกลแทน
“เครื่องหมายรูปแบบเหล่านี้ปลอดภัยหรือไม่”
ผู้สูงสุดคนหนึ่งสอบถามด้วยความเป็นห่วง หากผนึกพวกนี้ไม่สามารถปิดกั้นสิ่งมีชีวิตอมตะได้ มันคงกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ของเมืองศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
"เพียงพอแล้ว นี่คืออักขระเต๋าที่ตกทอดมาจากโบราณ มันมีอำนาจในการกักขังสิ่งมีชีวิตอมตะ มันเพียงพอที่จะปิดผนึกสิ่งมีชีวิตอมตะทุกชนิด" ผู้อาวุโสสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กล่าว
เมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ดำรงอยู่มาตั้งแต่ก่อนยุครกร้างโบราณซะอีก ตั้งแต่เมืองถูกสร้างขึ้นมาก็มีเรือนจำแห่งสวรรค์ตั้งอยู่ในเมืองแล้ว อักขระพวกนี้ก็คือสิ่งที่ลอกมาจากเรือนจำสวรรค์นั่นเอง
“คชา!”
หนานกงจี้เหวี่ยงมีดขึ้นไปในอากาศ แสงสีเงินเคลื่อนไหวอย่างราบรื่น เหมือนการร่ายรำของมังกรที่แท้จริง
และในขณะนี้ลมหายใจของผู้คนเร่งเร็วขึ้น บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะที่ปรากฏขึ้นในรอบหลายแสนปีมันทำให้ผู้คนตื่นเต้นสนใจอย่างถึงที่สุด
“กลิ่นอายของต้นกำเนิดสวรรค์ของเหมืองโบราณต้นกำเนิด!”
ผู้คนสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ กลิ่นอายที่น่ากลัวนี้เป็นของต้นกำเนิดสวรรค์จากเมืองโบราณต้นกำเนิดอย่างไม่ต้องสงสัย
การที่ต้นกำเนิดสวรรค์ก้อนใหญ่ปิดผนึกบางสิ่งบางอย่าง มันแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่อยู่ด้านในมีค่ามากแค่ไหน
เศษหินที่ส่งเสียงดังสนั่น กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมารุนแรงมากยิ่งขึ้น ผู้ที่มีระดับบ่มเพาะต่ำต้อยต่างก็ถอยหลังด้วยความกลัว
“ก็แค่ก้อนหิน ทำไมมันถึงทำให้ข้ารู้สึกสยดสยองขนาดนี้”
“มันเป็นหินเลือดจากเหมืองโบราณต้นกำเนิดจริงๆเหรอ?”
เหล่าผู้อาวุโสหลายคนถามผู้คนในลานหินแสงโชติช่วง
ใบหน้าของผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเย็นชา หากพวกเขารู้ว่าหินก้อนนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่น่าอัศจรรย์ซ่อนอยู่ พวกเขาคงไม่วางมันไว้ที่นี่ตั้งแต่แรก
“ปุตง!”
เมื่อหินก้อนใหญ่ถูกเปิดออกไอสังหารที่น่ากลัวก็ซัดออกไปด้านนอกราวกับคลื่นยักษ์
“ถอยออกไป อย่าเสี่ยงอันตรายอยู่ที่นี่โดยไม่จำเป็น!”
ผู้อาวุโสหลายคนเลือกที่จะดึงลูกหลานของพวกเขาออกจากบริเวณนี้
“นี่ไม่ใช่สมบัติแห่งสวรรค์ หากสิ่งที่อยู่ด้านในเป็นราชาอมตะผู้ยิ่งใหญ่ เมืองศักดิ์สิทธิ์ของเราจะถูกทำลายจนกลายเป็นซากปรักหักพังอย่างแน่นอน”
มีผู้คนมากมายที่หักห้ามความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองและรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ไม่ได้ออกไป พวกเขาต้องการเห็นสิ่งมีชีวิตอมตะที่อยู่ภายในด้วยตาของตัวเอง
พวกเขามีความมั่นใจในเรือนจำสวรรค์ของเมืองศักดิ์สิทธิ์ และมีความมั่นใจในวิธีการของตัวตนระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่อยู่ที่นี่
“บูม”
กระดองหินขนาดใหญ่อีกชิ้นตกลงมาที่นี่ ไอสังหารอย่างเฉียบขาดทำให้ร่างกายของผู้คนสถานตั้งแต่หัวจรดเท้า
ในเวลานี้แม้แต่หนานกงจี้ก็ยังยากที่จะขยับตัว ไอสังหารอันน่ากลัวนี้คุกคามจิตใจของเขาทำให้แผ่นหลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“คชา!”
หลังจากที่เปิดหินอีกชิ้นหนานกงจี้ก็ถูกกระแทกจนกลิ้งไปบนพื้นหญ้า ทันทีที่เขาตั้งหลักได้เขาก็กระอักโลหิตออกมาคำใหญ่
แม้ว่าสภาพของเขาจะน่าสังเวชอย่างยิ่งแต่กลับไม่มีผู้ใดส่งเสียงหัวเราะออกมาได้ แม้แต่เย่ฟ่านยังถอยหลังกลับเข้าหานักพรตมังกรแดง
“คชา!”
ทันใดนั้นแท่นบูชาโลหิตก็แตกออกเป็นชิ้นๆ ไอสังหารอย่างบ้าคลั่งราวกับคลื่นยักษ์ซัดออกมาทำให้สวรรค์และปฐพีสั่นสะเทือน!
“ทวนสนิมเขรอะ!”
“ทวนก่อนยุคโบราณ!”