ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 11
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 13

เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 12


เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 12

อย่าได้เห็นว่าเหล่าเจ้าเมืองมีกำลังคนและม้ามากมาย ในสงครามจริงนั้น การบุกตะลุยของทหารม้าสองพันแทบจะเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน ทหารม้าสะกดข่มทหารราบ บ่อยครั้ง ทหารม้าเพียงหนึ่งคนอาจจะต้องใช้ทหารราบห้าถึงสิบคนในการรับมือ

เมืองปิงโจวไม่ขาดแคลนม้าศึก ผู้ใดยังจะทราบได้ว่า ลิโป้ยังซุกงำไพ่ตายใดไว้ แม้ว่าราชสำนักจะแต่งตั้งเจ้าเมืองเสียงตงเตียนเอี๋ยงให้ควบตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองปิงโจว หากแต่ทั้งหมดต่างก็ทราบดีว่า ยามใดที่ลิโป้ยกทัพกลับไป เตียนเอี๋ยงจะต้องส่งมอบอำนาจกลับคืนแต่โดยดี

"ลิโป้ เจ้าคนถ่อย หักหน้าข้าหลายต่อหลายครั้ง หากไม่ได้ชำระแค้น ก็นับเสียชาติเกิดแล้ว" ระยะหลังมานี้ อ้วนสุดรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้ง เดิมที ตำแหน่งแม่ทัพคุมเสบียงนั้นเรียกได้ว่ามีหน้ามีตาอย่างมาก แต่ลิโป้กลับสร้างปัญหาให้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้คล้ายมีกระดูกติดอยู่ในลำคอ

"ท่านแม่ทัพ ลิโป้ได้ชื่อว่ากล้าหาญชาญศึก ใยพรุ่งนี้พวกเราไม่ลองเสนอให้เขาเป็นทัพหน้า บุกตีด่านกิสุยก๋วนเล่าขอรับ"

"ครั้งก่อนเจ้าบอกว่าซุนเกี๋ยนอาจจะตีหักด่านกิสุยก๋วนได้ แม่ทัพผู้นี้จึงสั่งชะลอการส่งเสบียงไว้ แล้วผลเป็นอย่างไร? มีแต่ปัญหาตามมา ตอนนี้ซุนเกี๋ยนยามพบหน้าข้าคล้ายพบพานศัตรู หากไม่ใช่เพราะผลงานในอดีตแล้วล่ะก็ ข้าคงสั่งคนลากเจ้าไปตัดหัวตั้งนานแล้ว" อ้วนสุดแค่นเสียงเย็น

"ท่านแม่ทัพ ที่ข้าทำไปก็เพราะคำนึงถึงประโยชน์ของท่าน ท่านดู ซุนเกี๋ยนได้รับฉายาว่าพยัคฆ์แห่งกังตั๋ง ความเก่งกล้าของเขาเหนือกว่าผู้คนนับหมื่น หากปล่อยให้เขามีอำนาจมากขึ้น ผลที่ตามมาจะต้องเลวร้ายเป็นแน่ ตอนนี้เขาสูญเสียกำลังคนไปกว่าครึ่ง กองกำลังของเขาได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังจากกลับดินแดนไป มีหรือที่จะเป็นภัยคุกคามต่อท่าน?"

"อืม มีเหตุผล มีเหตุผล" รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอ้วนสุดราวกับว่าได้เห็นภาพซุนเกี๋ยนหลบหนีอย่างซมซานด้วยตาตัวเอง

"แม้ว่าลิโป้จะมีกองกำลังเพียงหมื่นเศษ หากแต่ในนั้นกลับมีทหารม้าถึงสองพัน ว่ากันว่าในสังกัดของเขายังมีหน่วยรบหนึ่งเรียกว่า หน่วยทะลวงค่าย ก่อนหน้านี้ตอนที่ทำศึกกับโจรเฒ่าตั๋งโต๊ะ หน่วยรบนี้สามารถค้ำยันการโถมบุกของทัพม้าเสเหลียง ดังนั้นจึงไม่ควรประมาทคนผู้นี้ หากไม่รีบกำจัดทิ้งโดยเร็ว ข้าน้อยเกรงว่าเขาจะกลายเป็นหอกข้างแคร่ของท่านแม่ทัพได้นะขอรับ"

"ดี หลังจากเสร็จงานนี้ เจ้าจะได้รับการตบรางวัล" อ้วนสุดยิ้มอย่างยินดี

"ขอบคุณท่านแม่ทัพ"

...............

หลายวันมานี้ ฮัวหยงเอาแต่ปิดด่านแน่น ไม่ยอมออกทำศึก

การมาถึงของลิฉุยและกุยกีทำให้ฮัวหยงสงบลงได้ในที่สุด ด้วยกำลังทหารมากกว่าเจ็ดหมื่นคอยเฝ้ารักษาด่าน หากทัพพันธมิตรคิดตีหัก นั่นไม่ต่างจากการเพ้อฝัน

"แม่ทัพฮัว แม้ว่ากองทัพของเราจะเพิ่งพ่ายแพ้มา หากแต่ขวัญกำลังใจยังสูงอยู่ พันธมิตรกวนตงเพิ่งได้รับชัยชนะ เวลานี้จะต้องเกิดความประมาทเลินเล่อ ทั้งตอนนี้ยังมีทัพหนุนมาแล้ว ใยไม่ฉวยโอกาสยกทัพออกไปเข่นฆ่า บั่นทอนขวัญกำลังใจของพวกมันเล่า" ลิซกกล่าวแนะนำ

ฮัวหยงขมวดคิ้วเล็กน้อย ครั้งก่อนเขาเชื่อคำแนะนำของลิซก นำกำลังไปท้าทายหน้าค่ายของทัพพันธมิตร สุดท้ายเป็นอย่างไร แม้จะกุดหัวแม่ทัพข้าศึกไปได้สองคน แต่ตัวเขาก็เกือบต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นั่นด้วย

"แม่ทัพฮัว ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปคงน่าเสียดายแย่ หากสามารถกวาดล้างทัพพันธมิตรได้ในคราเดียว จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ การจะได้รับการแต่งตั้งเป็นโหวไป้ก็จะอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมเท่านั้น" ลิซกกล่าวโน้มน้าว

ฮัวหยงครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้าในที่สุด "คืนนี้ยามสาม แม่ทัพผู้นี้จะนำทัพม้าสามพันบุกตีค่ายทัพพันธมิตร ลิฉุยนำไพร่พลหนึ่งหมื่นคอยประสาน กุยกีนำไพร่พลอีกหนึ่งหมื่นคอยคุมเชิง ด่านแห่งนี้ให้ลิเซียนเซิงเฝ้าดูแล"

"ขอแสดงความยินดีต่อท่านแม่ทัพล่วงหน้า" ลิซกกุมมือโค้งคำนับ ตราบที่การลอบโจมตีครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ตัวเขาแน่นอนว่าจะต้องได้รับความดีความชอบไม่น้อยเช่นกัน

...............

ในค่ำคืนอันเงียบสงัด จันทร์ประดับกลางฟ้า ประตูด่านกิสุยก๋วนที่เคยปิดสนิทพลันค่อยๆเปิดอ้าออกอย่างเงียบงัน ทัพม้าเคลื่อนพลออกโดยไร้ซุ่มเสียง

"ข้างหน้าคือค่ายของทัพพันธมิตร สังหารไพร่พลได้ มอบพันตำลึง สังหารแม่ทัพของเจ้าเมืองได้ มอบแสนตำลึง เลื่อนยศสองขั้น สังหารเจ้าเมืองได้ มอบทองคำร้อยชั่ง เลื่อนยศสามขั้น และหากว่าผู้ใดสังหารอ้วนเสี้ยวได้ จะได้รับทองคำพันชั่ง เลื่อนยศห้าขั้น!"

คำประกาศจากฮัวหยงดังก้องอยู่ในหูของทหารม้าทั้งสามพัน เงินและการเลื่อนขั้น สองสิ่งนี้นับว่าล่อตาล่อใจยิ่ง ยังมีไพร่พลคนใดที่ไม่ต้องการ? เวลานี้พวกทหารต่างก็กระเหี้ยนกระหือรือ พร้อมเข่นฆ่าเข้าสู่สนามรบแล้ว

เพราะชัยชนะเล็กน้อยเหนือฮัวหยงก่อนหน้านี้ ความตื่นตัวภายในค่ายของทัพพันธมิตรจึงหย่อนหยานลง

"ท่านนายกอง คิดว่าเมื่อใดพวกเราจึงได้กลับบ้าน?"

"กลับบ้านงั้นรึ?" นายกองหวังเอ้อแค่นเสียง "หลิวซาน เจ้าเลิกฝันได้เลย ยังไม่ทันได้ตีลั่วหยาง จะกลับบ้านได้อย่างไร?"

"ด่านกิสุยก๋วนไม่ใช่ว่าสูงใหญ่หรือ? แล้วจะขึ้นไปอย่างไร?" หลิวซานอุทาน

"ไม่ใช่ว่ามีบันไดหรือ? ปีนขึ้นไปสิ" หวังเอ้อหลับตาอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้ตระหนักเลยว่าความตายกำลังเฉียดกรายใกล้เข้ามา

สภาวะโถมบุกของทหารม้าสามพันสั่นสะเทือนเลือนลั่น เหล่าทหารที่เฝ้ายามอยู่ต่างก็สมองขาวโพลน ขณะที่ทหารที่มีประสบการณ์พลันหน้าซีดเผือด พวกเขาย่อมทราบได้ว่าที่แผ่นดินสั่นสะเทือนปานนี้ เป็นเพราะทัพม้ากำลังโถมบุกเข้ามา

ทัพม้าสามพันนายที่นำโดยฮัวหยงสามารถบุกเข่นฆ่าเข้าค่ายทัพพันธมิตรได้อย่างง่ายดาย คบเพลิงในมือโยนใส่ค่ายกระโจมที่เคลื่อนผ่าน ทำให้ทั่วทั้งค่ายสว่างจ้าด้วยแสงจากเปลวเพลิง

ไพร่พลทัพพันธมิตรที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วพลันสะดุ้งตื่นขึ้นมา เมื่อมองเห็นไฟลุกท่วมทุกหนทุกแห่ง ความกลัวก็เข้าครอบงำจิตใจ หลายคนวิ่งออกจากกกระโจมทั้งที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า

ลิฉุยเมื่อเห็นค่ายของทัพพันธมิตรเกิดเพลิงลุกไหม้ก็นำไพร่พลหนึ่งหมื่นบุกเข้าโจมตี

ในบรรดาเหล่าเจ้าเมือง ที่อยู่ใกล้กับประตูค่ายมากที่สุดก็คือกองกำลังของอ้วนอุ๋ยเจ้าเมืองซุนหยง ภายใต้การโถมบุกของทัพม้า ไพร่พลหนึ่งหมื่นของเขาก็หลบหนีกระเจิดกระเจิงไปยังพื้นที่กระโจมของเจ้าเมืองคนอื่นๆ

ด้วยการอารักขาของเหล่าองค์รักษ์ อ้วนอุ๋ยค่อยสร้างเส้นทางโลหิต ตีฝ่าหลบหนีไปทางพื้นที่กระโจมของอ้วนสุด

มีไพร่พลกว่าสองแสนที่เข้าร่วมกับกองทัพพันธมิตร ดังนั้นกระโจมค่ายจึงเรียงรายสุดลูกหูลูกตา หากมองลงมาจากด้านบนก็จะเห็นได้ว่า ค่ายขนาดใหญ่แห่งนี้กำลังสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ

ฮัวหยงที่โลหิตโชลมชุดเกราะแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ดาบในมือกวัดแกว่งสังหารไพร่พลตามรายทาง สร้างผลงานไม่น้อย เขายกชูดาบขึ้นฟ้าพลางตะโกนปลุกขวัญ "ฆ่า จับเป็นอ้วนเสี้ยว"

"ฆ่า!" ทหารม้าที่ติดตามอยู่ด้านหลังตะโกนขานรับ ความอ่อนแอที่ไพร่พลทัพพันธมิตรแสดงออกมาทำให้พวกเขารู้สึกฮึกเหิม

"หยุดอยู่ตรงนั้น แจ้งรหัสผ่านมา!" ทหารยามทัพปิงโจวตะโกนขึ้น

เมื่อสังเกตพบความผิดปกติในเงามืด เสียงตะโกนโหวกเหวก และเงาตะคุ่มของคนจำนวนมากที่ใกล้เข้ามา ทหารยามก็รีบส่งเสียงแจ้งเตือนทหารคนอื่นๆให้ส่งสัญญาณเตือนภัย

เมื่อเสียงฆ้องแจ้งเตือนดังขึ้น ไพร่พลทัพปิงโจวก็เคลื่อนไหว พวกเขาผ่านการฝึกรับเหตุมาก่อน ดังนั้นการเคลื่อนไหวจึงเป็นไปอย่างมีระบบระเบียบแม้จะยังมึนงงอยู่บ้าง หลังจากออกจากกระโจมที่พัก พวกเขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่พักแม่ทัพที่พวกเขาสังกัดทันที

"ตั้งขบวน ฆ่า!" โกซุ่นชักดาบตะโกนสั่งการ

"ฆ่า!" ทหารแปดร้อยนายตะโกนขานรับเป็นเสียงเดียว

ลิโป้มองดูความวุ่นวายภายในค่ายของเจ้าเมืองคนอื่นๆด้วยใบหน้าสุขุม ที่ด้านหลังของเขามีแถวทหารม้าสองพันคนรอรับคำสั่ง

โกซุ่นนำทหารแปดร้อยคนตั้งขบวนรบอยู่หลังประตูค่ายของทัพปิงโจว ประตูค่ายเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพราะเหล่าเจ้าเมืองต่างก็หวาดระแวงซึ่งกันและกัน

ทหารทัพพันธมิตรตกอยู่ในความวุ่นวายโกลาหล ต่างคนต่างวิ่งหลบหนีภายใต้การบุกเข่นฆ่าจากทัพม้าเสหลียง ศพหลายร้อยศพกระจัดกระจายอยู่นอกค่าย แน่นอนว่าย่อมเป็นศพของทหารทัพพันธมิตร

"มีผู้บุกรุก ฆ่า!"

"ผู้ใดบุกเข้ามา ตาย!" ไพร่พลหน่วยทะลวงค่ายตะโกนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

ฮัวหยงผงะเมื่อได้ยิน สุ้มเสียงนี้ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยยิ่ง หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้น ตัดสินจากสภาวะไพร่พลของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็รั้งบังเหียน ก่อนจะหันหัวม้าบุกไปทิศทางอื่น

ขณะที่อ้วนเสี้ยวสั่งการกำลังพลเข้าต่อสู้ไม่หยุดหย่อน โจโฉก็นำทัพมุ่งหน้าไปทางค่ายของอ้วนเสี้ยว

พลังการบุกของทัพม้าทำให้อ้วนเสี้ยวตกตะลึง ทหารม้าของเสเหลียงเปรียบประดุจมัจจุราชคร่าวิญญาณ ไพร่พลจำนวนมากล้วนตกตายภายใต้กีบเท้าม้า